Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ฺBooks And Series Talk
•
ติดตาม
29 ส.ค. 2023 เวลา 03:55 • เพลง & ซีรีส์ เกาหลี
5 ซีรีส์เกาหลี พล็อตดีตลอดกาล ค่ายพี่ Netflix
วันนี้เราขอมาพูดถึงซีรีส์เกาหลีที่ดูจบไปนานแล้ว แต่ก็ยังตราตรึงอยู่ในใจก็แล้วกันเน้อหลังจากที่ห่างหายจากการดูซีรีส์พักใหญ่ เนื่องจากภารกิจที่รัดตัวทางโลกทำให้ชะนีไม่มีเวลาส่วนตัวมากมายนักนั่นเอง แต่ถึงอย่างไร ต่อมความบ้าซีรีส์ของชะนีก็ไม่มีวันหดเล็กลงไปหรอก เพราะฉะนั้นวันนี้ขอมารีวิวความรู้สึกของชะนีที่มีต่อซีรีส์เกาหลี 5 เรื่องนี้ไปพลาง ๆ ก่อนแล้วกันจ้า
vincenzo
1. Vincenzo
เรื่องแรก Vincenzo เป็นซีรีส์แนว ตลก / โรแมนติก / อาชญากรรม / กฎหมาย มีความยาว 20 ตอน ซึ่งเรื่องนี้ไม่พูดถึงไม่ได้ มันดีต่อใจ สนุกครบรส โหด มัน ฮา หักมุม เกมพลิก มีหมดเด้อ คืออะไรจะดีงามขนาดน้านนนน
ตอนที่ซีรีส์ออกมาแรก ๆ เห็นภาพหนุ่มหล่อหน้าโปสเตอร์ ชะนีก็ไปดูเลยจ้า ไม่ได้คิดลังเลแต่อย่างใด ตอนอีพีแรกนี่ก็งงนะ เพราะไม่รู้ว่าซีรีส์จะออกไปทางแนวไหน คือตอนจะดูไม่ได้อ่านว่าซีรีส์เกี่ยวกับอะไรด้วยแหละ รู้แต่ว่ามันเกี่ยวกับทนาย ฮ่า ฮ่า แล้วพระเอกก็เป็นทนายมาเฟีย (แค่นั้นก็น่าสนใจพอแล้ว) ประจวบกับเห็นหน้าจงกิก็คือกดทันที (บ้าผู้อีกตามเคย)
มันเหมือนคนดูหนังที่ตัวเองไม่รู้จักชื่อเรื่อง ไม่รู้ข้อมูล แต่ความรู้สึกหลังจากดูไปสามสี่อีพีนี่คุ้มมาก ติดหนึบทันที เพราะเนื้อเรื่องมันส์ เดินเรื่องไว มีลุ้นระทึก พล็อตฉีกเกินคาด (เนื่องจากเราดูซีรีส์ฝรั่งมาเยอะ ก็เลยคิดว่าเกาหลีพล็อตแหวกดี) คือตัวละครหนาแน่นและมีความยูนิค ผสมผสานกับคู่พระนางที่ทั้งเก่งและป่วงในคราวเดียวกัน
ส่วนทางด้านตัวร้ายก็ไม่เบา ดีกรีความร้ายกาจระดับสิบเต็มเก้า ซึ่งตัวดีกับตัวร้ายมันแสบพอกัน ไม่ว่าตัวร้ายมาไม้ไหน ตัวดีก็เอาอยู่ (ความสนุกมันก็อยู่ตรงนี้แหละ) ทั้งพล็อตหลักพล็อตย่อมรวมกันแล้วทำให้เนื้อเรื่องมีสีสันและมันส์หยด เป็นซีรีส์ที่สามารถเอาคนดูอยู่ในทุกอีพี ขนาดไม่มีเพลงประกอบเพราะ ๆ นะ แค่มีซาวด์กระแทก ๆ ตอนฉากพีค ๆ เนี่ยสุดเลยเรื่องนี้ ชะนียกโป้งให้ Vincenzo สิบโป้งเลย เพราะเวลาที่เราเบื่อเรื่องใหม่ ๆ ที่ออกมา ซึ่งเป็นพล็อตซ้ำซากจำเจ เราก็จะกลับไปดูพี่วินนี่แหละ
The glory
2. The glory
อีกเรื่องหนึ่งที่โด่งดังไม่แพ้กันและชะนีกดดูทีเดียวแบบ 8 ตอนรวด ก็เรื่องนี้แหละ The glory เป็นซีรีส์แนว ระทึกขวัญ / ดราม่า/ เมโลดราม่า ความยาว 16 ตอนจบ แต่แบ่งออกเป็นภาคละ 8 ตอน
เป็นเรื่องราวของเด็กสาวชื่อ มุนดงอึน ที่ถูกบูลลี่ตอนเด็กจากกลุ่มเพื่อนในโรงเรียน และไม่ได้รับความยุติธรรม เธอจึงมีเป้าหมายเพื่อกลับไปล้างแค้นเพื่อนกลุ่มนั้น
เรื่องนี้ก็ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง ซองฮเยคโย มาเล่นบทนำเป็น มุนดงอึน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ผิดหวังในเรื่องฝีมือการแสดงแน่นอน สำหรับเรานะ เราคิดว่าเนื้อเรื่องปูให้เห็นด้านมืดของโรงเรียนมัธยมของเกาหลี (หลายเรื่องในซีรีส์เกาหลีก็มีแต่แนวบูลลี่เยอะนะ) ที่มีการใช้ความรุนแรง และความอยุติธรรมสำหรับเด็กที่มีพื้นฐานครอบครัวที่ยากจน มีความเหลื่อมล้ำทางสังคม (คิดว่าอันนี้น่าจะมีทุกที่แหละ เรื่องอิทธิพลของคนรวย) อย่างไรก็ตาม ใครชอบแนวแก้แค้น เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าดู
It's okay to not be okay
3. It's okay to not be okay
เรื่องนี้ก็ดังมากเช่นกัน It's okay to not be okay "หัวใจไม่ไหวอย่าฝืน" แค่ชื่อเรื่องชะนีก็ถูกใจแล้ว และมันก็เป็นซีรีส์ที่น่ารักมากเรื่องหนึ่ง ใครชอบแนวฟีลกู๊ด เรื่องนี้พลาดไม่ได้เลย!
มันคือซีรีส์แนว โรแมนติก / ดราม่า ที่ได้ คิมซูยอน และ ซอเยจี มารับบทพระนาง และโอซองเจ มารับบทเป็นพี่ชายออทิสติกของพระเอก มีทั้งหมด 16 ตอน ซึ่งก็เป็นมาตรฐานของพี่เกาหลีเขาแหละ
เป็นเรื่องราวสองพี่น้อง มุนคังแท (คิมซูยอน) และมุนซังแท (โอซองเจ) ที่ต้องย้ายที่อยู่ในทุกฤดูใบไม้ผลิ เพื่อเริ่มต้นชีวิตในเมืองใหม่ไปเรื่อย ๆ เพราะทั้งคู่มีอดีตฝังใจเกี่ยวกับการตายของแม่ใจวัยเด็ก และส่งผลกระทบรุนแรงต่อจิตใจของมุนซังแทผู้เป็นพี่ชายเป็นอย่างมาก
มุนคังแทผู้ซึ่งทำงานเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยด้านจิตเวช จึงทำให้เขาสามารถเข้าใจภาวะของพี่ชายได้เป็นอย่างดี อยู่มาวันหนึ่งมุนคังแทก็ได้พบกับโกมุนยอง นักเขียนวรรณกรรมเด็กชื่อดังที่พี่ชายของเขาเป็นแฟนคลับตัวยงอยู่ในงานแจกลายเซ็น นั่นเป็นเหตุให้โกมุนยองผู้มีจิตใจไม่ปกติเช่นกัน หมายปองมุนคังแทในทันที
ความน่ารักของเรื่องนี้คือมันมีความแฟนตาซีเข้ามาทำให้เรื่องราวมันดูเหมือนโลกของนิทานไปด้วย ตอนแรกที่ดูชะนีก็งง ๆ นะ แต่มันก็เมคเซนส์ คือนางเอกก็เป็นนักเขียนที่ต้องใช้จินตนาการอยู่แล้ว แล้วก็พวกผู้ป่วยจิตเวชที่จะมีอาการทางจิตที่ทำให้โลกมันดูแฟนซีมากกว่าคนปกติ สำหรับชะนีคิดว่า ทำให้เรื่องดูมีมิติขึ้นมากขึ้น
ตอนที่ดูเรื่องนี้คือ รู้สึกสงสารพระเอกมาก เพราะนอกจากชีวิตนี้เขาต้องดูแลพี่ชายที่ไม่ปกติแล้ว พอนางเอกเข้ามา เหมือนเขาได้ภาระมาเพิ่ม เพราะนางเอกคือตัวตึงแห่งวงการ คือหัวจะปวดแทนพระเอก เหมือนชีวิตนี้เขาเกิดมาเป็นผู้ดูแลผู้ป่วย
สรุป เป็นซีรีส์ที่ควรค่าแก่การดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่เบื่อเลย ใครที่อยากได้ความรักความอบอุ่น และอยากจะฮีลใจจากโลกที่วุ่นวาย ก็เชิญได้ป้ายนี้เลยจ้า
Extraordinary Attorney Woo
4. Extraordinary Attorney woo
เรื่องก่อนหน้านี้มีพี่ชายออทิสติก แต่เรื่องนี้มีทนายที่เป็นออทิสติกจ้า และดีงามไม่แพ้กัน เป็นซีรีส์เบาสมองและฮีลใจสุด ๆ บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นไบโพล่านะ มีหลายบุคลิกเกิ๊น คนอะไรวะชอบทุกแนวแล้วแต่ฤดูกาลมั้งเนาะ
เรื่อง Extraordinary attorney Woo เป็นซีรีส์แนว ดราม่า / กฎหมาย / อาชญากรรม มีจำนวนตอนฉาย 16 ตอน
เป็นเรื่องราวของทนายอูยองอูที่เป็นออทิสติกแบบสเปกตรัม ที่ได้เข้าทำงานในสำนักงานกฎหมายชื่อดังแห่งหนึ่ง
และได้พบเจอกับคดีความที่น่าปวดหัวทั้งหลาย ไหนจะปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมงาน และการเผชิญหน้ากับลูกความในแต่เคสที่ไม่ธรรมดาเลยสักเคส
แต่ด้วยความอัจฉริยะของเธอ จึงทำให้การสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ตลอด มันสนุกจริง ๆ นะเออ (แถมได้ความรู้เรื่องวาฬด้วย รู้เยอะกว่าข้อกฎหมายอีก)
การันตีความน่ารักของทนายอูยองอูเต็มล้านเลย คือนางมีความมึนผสมความอัจฉริยะได้อย่างลงตัวมาก และต้องยกความดีความชอบให้นักแสดง "พัก อึน บิน" ที่ถ่ายทอดออกมาได้แบบสมจริงสุด ๆ ดูจบแล้วต้องหลงรักทนายอูยองอูแน่นอนจ้า แล้วคุณพระเอกของเราคือจุนโฮ ที่รับบทโดย คังแทโอ นี่คือดีต่อใจ ละมุนจนชะนีละลาย... (แอบน้ำลายสอ) จนชะนีดูไปสองรอบแล้วจ้า
Alchemy of Souls
Alchemy of Souls 2
5. Alchemy of Souls
และเรื่องสุดท้าย ซึ่งดูจะต่างจากพวกไปนิดหนึ่ง Alchemy of Souls หรือชื่อไทยคือ เล่นแร่แปรวิญญาณ
เรื่องนี้มีด้วยกันสองภาค เป็นซีรีส์แนว แฟนตาซี / โรแมนติก / แอคชั่น มีจำนวนตอนทั้งหมด 30 ตอนจ้า คือภาคแรกมี 20 ตอน ภาคสองมี 10 ตอน
ต้องบอกก่อนเลยว่าชะนีหัวฟูไม่ใช่คนที่จะกดดูหนังกำลังภายในอะไรเลย วันนั้นนึกครึ้มอะไรไม่รู้เลื่อน ๆ ไปเห็นเรื่องนี้เข้า ก็เหมือนจะแค่ลองกดดูเล่น ๆ ปรากฎว่า เฮ้ยมันสนุกว่ะ เลยดูไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจบ 20 ตอน (นั่นไง เอาอีกแล้ว) ตอนนั้นไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ว่าเป็นซีรีส์ดัง มารู้อีกทีก็เห็นคนพูดถึงกันเยอะเต็มบ้านเต็มเมืองนี่แหละ
ภาคแรกเนื้อเรื่องจะปูไปทางพระเอกที่ยังไม่เก่งวิชา ต้องฝึกฝนโดยมีนางเอกเป็นอาจารย์ ซึ่งนางเอกเนี่ยก็เป็นจอมเวทหญิง "นักซู" ที่แปรวิญญาณมาสิงอยู่ในร่างของมูด็อก หญิงตาบอดที่ร่างกายอ่อนแอและไม่มีพลังยุทธอะไรเลย ทำให้ต้องตกมาเป็นสาวใช้ของจางอุก (พระเอก) ของเรานั่นแหละ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ใครรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนักซู
ภาคสอง ถึงแม้จะสั้นกว่าภาคแรก แต่ความสนุกความฟินก็อัดแน่น ฉากพระนางเลิฟซีนมาเต็มให้ฟินกันจุก ๆ ไปเลย แต่ต้องยอมรับว่าซีรีส์ทำได้ดี ขนาดได้นางเอกที่สลับร่างหน้าตาไม่เหมือนเดิมนะ ปกติมันจะแปลก ๆ ถ้าเปลี่ยนนางเอก แต่นี่คือ รู้สึกฟินมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ในเรื่องมีตัวละครเยอะแยะเต็มไปหมด โอ้ย มีแต่ตัวหล่อ ๆ ทั้งนั้น องค์ชายรัชทายาทนี่ก็น่ารักจริง ๆ ไหนจะเหล่าเพื่อน ๆ ของจางอุกอีก ทั้งซอยุลและพัคดังกู ส่วนฝั่งตัวร้ายก็น่าหมั่นไส้ไม่เบา จินมู ที่เล่นแร่แปรวิญญาณและอยู่เบื้องหลังความชั่วร้ายทั้งปวง โอ้ มันสนุกมาก ๆ
สรุป 5 ซีรีส์เกาหลี พล็อตดีตลอดกาลค่ายพี่ Netflix ก็ประมาณนี้แหละจ้า ดูได้ดูดีดูซ้ำอีกก็จะยิ่งดีนะเออ
รีวิวซีรีส์
ซีรีส์เกาหลี
1 บันทึก
2
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย