ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence ที่เรียกสั้นๆ ว่า AI เป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและธุรกิจมากมายในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และการใช้ AI ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตด้วยเพราะบริษัทในหลายประเทศกำลังศึกษาเกี่ยวกับ AI เพิ่มเติมและเตรียมตัวที่จะลงทุนในเทคโนโลยีนี้กันมากขึ้น (แผนภูมิ 1)
การใช้ AI ที่เพิ่มขึ้นเร็วมาก ก็ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าในอนาคต AI จะมาแย่งงานมนุษย์หรือไม่ คำตอบก็มีทั้งใช่และไม่ใช่ เพราะ AI มีแนวโน้มจะเขย่าตลาดแรงงานทั่วโลกสูง แต่ก็ยังมีเหตุผลที่มันจะไม่แย่งงานมนุษย์ไปเสียทั้งหมด และการเติบโตของ AI ก็อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
เหตุผลแรก คือแม้ AI จะทดแทนมนุษย์ได้ในหลายสายงาน แต่ก็ยังมีงานบางชนิดที่ AI ทำแทนไม่ได้ จากรายงานของ Goldman Sachs จะมีงานราวๆ 300 ล้านตำแหน่งที่ถูกทดแทนโดย AI
ซึ่งงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานที่ AI สามารถเรียนรู้และทำตามซ้ำได้ง่าย เช่น การขนส่ง การรักษาความปลอดภัย การต้อนรับ การตอบคำถามและสื่อสารกับลูกค้า หรือการแปลภาษา
นอกจากนี้งานจำพวกที่ต้องใช้ข้อมูลเยอะและจำเป็นต้องมีความผิดพลาดน้อยก็อาจถูกทดแทนโดย AI ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การทำบัญชี การตรวจงานเขียน หรือ การเป็นผู้ช่วยแพทย์ผ่าตัด (แผนภูมิ 2)
เหตุผลที่สองคือ AI มีแนวโน้มจะสร้างงานใหม่ๆ ให้มนุษย์แม้มันจะแย่งงานเก่าไปบ้างก็ตาม เพราะการใช้ AI มีโอกาสทำให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ๆ สูง ซึ่งสิ่งใหม่เหล่านี้ก็จะสร้างหน้าที่ใหม่ๆ ด้วย
หนึ่งในงานใหม่ที่มาจาก AI ที่เราเห็นได้ในปัจจุบันก็คือการรวบรวมข้อมูล นี่เป็นเพราะ AI จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลที่ใหญ่และละเอียดในการเรียนรู้และพัฒนาความสามารถของมัน
งานอื่นๆ ที่ AI น่าจะสร้างให้กับมนุษย์ก็มี ผู้อบรม AI (AI trainers) ผู้ตรวจสอบ AI (AI auditors) หรือ ผู้จัดการด้านเครื่องยนต์ (machine managers) พูดง่ายๆ คือ AI น่าจะมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทักษะการทำงานที่บริษัทต้องการ มากกว่ามาลดความจำเป็นของบริษัทที่ต้องจ้างแรงงานมนุษย์
เหตุผลที่สามคือ AI น่าจะมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่ามาเป็นคู่แข่งมนุษย์
เช่น AI อาจช่วยประเมินฐานข้อมูลเศรษฐกิจจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และช่วยคาดการณ์ตัวเลขในอนาคตโดยอ้างอิงจากสถิติในอดีต แต่ตัวเลขคาดการณ์จะน่าเชื่อถือและมีความหมายยิ่งกว่า
หากนักเศรษฐศาสตร์ที่มีประสบการณ์ได้ใช้ตัวเลขจาก AI มาดูควบคู่ไปกับข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันและใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในการคาดการณ์เศรษฐกิจ นี่แปลว่าคนที่จะประสบความสำเร็จในยุค AI ก็คือเหล่าคนที่พร้อมจะเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากมัน
1
เหตุผลสุดท้ายคือจำนวนงานที่คาดว่าจะถูก AI แย่งไปนั้น เปลี่ยนไปในแต่ละปี อย่างรายงานในปี 2014 ก็คาดการณ์ไว้ว่า 50% ของงานทั้งหมดที่มีอยู่บนโลก (ประมาณ1600 ล้านตำแหน่ง) จะถูกทดแทนโดย AI ภายในปี 2034
และล่าสุด Goldman Sachs ก็มองว่างานราวๆ 300 ล้านตำแหน่งจะถูกทดแทนโดย AI ซึ่งนี่แปลว่าตัวเลขงานที่สูญเสียไปให้กับ AI นั้น อาจน้อยกว่าที่คนส่วนใหญ่คิดก็ได้
โดยสรุปแล้ว นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม AI ไม่น่าจะแย่งงานของมนุษย์ไปเสียหมด ซึ่งแน่นอนว่าในการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมีคนบางกลุ่มที่ได้เปรียบกว่าคนอีกกลุ่ม แต่อย่างไรก็ตาม AI ก็ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มสร้างผลดีมากกว่าผลเสีย และสิ่งที่จะกำหนดว่า AI จะแย่งงานเราไปหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่ความพร้อมของเราในการเรียนรู้การใช้ AI และการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่ตลาดต้องการด้วย