29 ส.ค. 2023 เวลา 08:50 • นิยาย เรื่องสั้น

เมิน

คนเราอาจทำร้ายกันได้หลายรูปแบบ ทั้งด่าทอ ตบตี บูลลี่ หรือเอารูปน่าอายไปโพสประจานกันในโซเชียล ไม่ว่าทางไหนมันเป็นการทำร้ายกันทางตรงทั้งนั้น การทำร้ายกันแบบนี้มันชัดเจน เจ็บเดี๋ยวเดียวเดี๋ยวก็หาย เป็นแผลก็ทำแผลกินยา ไม่นานก็ดีขึ้น โดนโพสประจานก็เอาหลักฐานมาแก้ต่าง ก็กระจ่างขึ้นมาในสังคมแล้ว การทำร้ายกันทางตรงมีวิธีเยียวยาที่ตรงไปตรงมา อาจจะง่ายบ้างยากบ้างแต่ก็มีวิธีเยียวยาที่ชัดเขา ระยะเวลาที่เจ็บปวดนั้นมันมีวันสิ้นสุด
มีการทำร้ายกันที่ไม่ใช่ทางตรง คุณอาจจะเป็นคนที่มีน้ำใจแบ่งปัน ตั้งใจทำตามกฏหมาย ไม่นอกใจสามีและภรรยา เลี้นงลูกหรือดูและพ่อแม่เป็นอย่างดี ตั้งใจเรียนได้เกรดสวย ๆ แต่เมื่อคุณพยายามจะเล่าเรื่องเราดีงามเหล่านั้นให้คนที่รักฟัง คุณกลับได้รับเพียงความว่างเปล่า แทนที่จะได้รับรอยยิ้ม คนที่คุณรักกลับเบือนหน้าหนี ความดีของคุณถูปฏิบัติด้วยความเฉยชา ไม่แม้แต่จะยี่หร่าต่อความพยายามของคุณที่จะนำเสนอ ความรู้สึกโหวงเหวงเช่นนี้ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นความเจ็บปวดได้เหมือนกัน
ครอบครัวหนึ่ง พ่อมีหน้าที่หาเงิน แม่มีหน้าที่ทำงานบ้าน เขาทั้งสองต่างเข้าใจว่าหน้าที่ของตัวเองนั้นคือทำให้บ้านสมบูรูณ์ที่สุด พ่อเข้าใจว่าครอบครัวต้องใช้เงินจำนวนมาก จึงตั้งใจทำงานแม้จะล้วงเวลาก็ตาม ส่วนแม่นั้นพยายามเป็นภรรยาที่ดีดูแลความสะอาด และอาหารในบ้านเป็นอย่างดี เพื่อขอบคุณสามีที่เจือจุนเธอด้วยรายจ่ายในแต่ละเดือน เขาทั้งสองมีหน้าที่เท่านั้นเท่าที่เขาและเธอรู้ นอกจากนั้นถือว่าขาดจากความจำเป็นทั้งสิ้น
วันหนึ่งบาสลูกชายเพียงคนเดียวที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม 1 ก็กลับบ้านมา บาสเปิดประตูยังไม่ได้วางกระเป๋า เขารู้ว่าพ่อต้องอยู่ที่หน้าทีวีเลยพุ่งปรี่เข้าไปหมายจะอวด
"พ่อครับ ผมชนะการพูดสุนทรพจน์ครับ" บาสยื่นกระดาษหอมสีชมพูที่มีชื่เขาอยู่ในนั้นให้พ่อ
"อืม" พ่อมองดูกระดาษในมือ ทว่าก็ไม่ได้หยิบมาอ่านแต่อย่างใด เขาคว้าเอาพวกกุญแจที่อยู่บนโต๊ะ และออกจากบ้านไปทันที "ไปทำงานนะ" เขาร้องเข้าไปในครัวบอกภรรยาของเขา และเดินออกไปทันที
บาสยืนอยู่อย่างนั้นในมือที่ถือกระดาษ เขากำกระดาษแน่นเม้มปากและเดินขึ้นห้องไป ทำไมกันทำครูหรือเพื่อน ๆ ถึงชื่นชมเขา และทำไมกันกลับบ้านมาคนที่เขาอยากจะให้ชมที่สุดถึงไม่พูดอะไรเลย ทำไมล่ะ ทำไมกัน ถึงพ่อจะไม่ได้ทำร้ายเขา แต่บาสกลับรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งทรวงอก ราวหัวใจถูกบีบให้ป่นจากข้างใน
กระทั้งขึ้นมัธยม 5 ครูประจำชั้นเขียนในสมุดประจำตัวของบาสว่า พูดน้อย นอกนั้นครูไม่ได้เขียนอะไรลงไปนอกจากสังเกจได้ว่าบาสเป็นคนที่แทบจะไม่พูจาอะไรเลยแต่ละวัน แต่ความเลือดร้อนอย่างวัยรุ่นก็ไม่ได้แสดงออกด้วยคำพูด บาสต่อยหน้าเพื่อนที่เข้ามาแกล้งเขาด้วยการเอารองเท้าไปซ่อน จนเพื่อนอีกคนก็บันดาลโทสะต่อยกลับคืนมาจะยุ่งชุลมุน ทั้งขุมตาและมุมปากมีรอยแดงช้ำเลือดความกว้างเท่ากำปั้น
ครูเชิญผู้ปกครองของทั้งสองมาที่โรงเรียนเล่าเหตุการณ์ให้พ่อแม่ของบาสฟัง และพ่อของเขาก็ยื่นขึ้นค้อมหัวให้ผู้ปกครองของอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม บาสไม่เห็นหน้าพ่อ เห็นเพียงแผ่นหลังที่ก้มโค้งจากด้านหลังเท่านั้น จบเรื่องครูให้ผู้ปกครอบเซ็นรับทราบพฤติกรรม
เมื่อมาถึงบ้าน เด็กชายรู้ว่าตัวเองก็ทำผิด เขาเดินไปหาพ่อที่นั่งอยู่หน้าทีวีเหมือนเดิม เขายืนก้มหน้าพร้อมรับทุกคำตำหนิ จากคนเป็นพ่อ แต่ก็ไร้คำพูดใดพ่อเพียงแต่คว้าเอาพวงกุญแจและออกจากบ้านไปเท่านั้น บาสยืนบื้อใบ้อยู่ตรงนั้นทั้งแม่และพ่อไม่มีคำพูดใดจะเอ่ยกับเขาในเรื่องนี้ ด่า ตำหนิ ว่ากล่าว ตักเตือน หรือแม้แต่อธิบายให้เด็กชายเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่สมควรก็ไม่มีแม้แต่คำพูดเดียว
ทำไมกันนะ ทำไม ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรทั้งดีและไม่ดี หรือเรื่องอะไรก็ตาม ทำไมทุกคนถึงมองไม่เห็น ทำไมถึงเอาแต่เงียบ เงียบเหมือนกับเราไม่เคยมีตัวตน นี่เราเป็นใครกัน เราอยู่ในโลกนี้จริง ๆ ใช่ไหม ทำไมไม่มีใครมองมาที่ฉันเลย เด็กชายคิด
กระทั่งเข้ามหาลัย เด็กชายที่พอจะพูดอยู่บ้างก็เงียบขึ้น แม้แต่คุณะที่เขาขะเข้าเรียนเขาก็ไม่ได้ปรึกษาพ่อแม่ ที่จริงต้องบอกว่าเขาไม่ต้องการจะได้ยินคำว่า "แล้วแต่แก" ต่างหากล่ะ
วันเข้ามหาลัยวันแรก พ่อและแม่ยังพอจะรู้ตัวอยู่บ้างว่าต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองเพื่อมอบตัวเข้ามหาวิทยาลัย ในช่วงที่มอบตัวเสร็จแล้วนั้นและกำลังจะย้ายเข้าหอ จู่ ๆ พ่อที่พูดน้อยของบาสก็พูดขึ้น
"พ่อแม่มีหน้าที่ส่งเรียน คนที่มีหน้าที่เรียนให้จบก็เรียนให้จบ จบแล้วก็หางานทำ หาเงินเลี้ยงตัวเอง อย่าทำให้พ่อแม่ลำบาก" นั่นคงเป็นบทสนทนาที่พ่อพูดกับบาสยาวที่สุดเท่าที่เขาจำได้
"อืม" เป็นบาสที่เป็นฝ่ายเงียบและตอบคำตอบแสนสั้น และในขณะที่พ่อและแม่กำลังจะเดินเข้าไปในหอนั้น "กลับไปได้แล้ว จากตรงนี้ไปเองได้" บาสตัดบท
พ่อมองนาฬิกาข้อมือ ส่วนแม่ก็มองหน้าจอมือถือ และทั้งสามต่างก็เดินแยกไปในที่ที่ตนต้องไปราวกับกำลังเดินจากกันที่ทางสามแพร่ง
ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่เรียนในมหาลัย บาสไม่เคยกลับบ้านเลยทุกเอกสารที่เขาต้องขออนุญาติผู้ปกครอบ บาสเซ็นอนุญาติตัวเอง หรือแม่แต่เจ็บไข้ไม่สบายเขาก็ไม่เคยบอกพ่อและแม่เลยว่าไม่สบาย เดินไปที่ร้านขายยาซื้อยามากินและนอนพักจนหาย...ก็เท่านั้น
จนเรียนจบบาสเลือกที่จะให้มหาลัยส่งปริญญาไปให้ที่บ้านแทนที่จะเข้าพิธีรับปริญญาอย่างเพื่อนคนอื่น
"ทำไมมึงไม่รับกับเพื่อนวะบาส"
"ไม่อ่ะ กูไม่อยากอยู่คนเดียวในรูปวันนั้น" บาสเชื่ออย่างนั้น
โชคดีที่บาสหางานได้ทันทีหลังเรียนจบ และในวันที่ได้งานบ้าสก็ย้ายไปอยู่ที่หอพักใกล้ที่ทำงานทันที โดยไม่ได้ร่ำราพ่อแม่ เขาตั้งใจทำงาน เก็บเงิน ซื้อมือถือที่อยากได้ โมเดลการ์ตูน ไปเที่ยวกลางคืนถ้าต้องการ ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้างตามคำชวนของที่ทำงาน และไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดในโลก เขาไม่เคยโทรหาพ่อแม่เลย
จะนานนับเดือน หลายเดือน หรือหลายปี บาสไม่เคยย่างกรายกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกเลย เขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอก อยู่กับเพื่อนฝูงยิ้มแย้ม และไปร้านเหล้าเมื่อคราวต้องการเพื่อน
"ทำไมมึงไม่กลับบ้านวะบาส" เพื่อนร่วมงานเขาถาม
"กูจะกลับไปที่ที่กูไม่มีตัวตนทำไมล่ะ อยู่กับพวกมึงก็สนุกดีอยู่และ" บาสยิบเอ็นไก่ทอดเข้าปาก
"แด่ความเศร้าที่ไม่รู้มาจากไหน เอาโชนนนน" เพื่อนอีกคนโผล่งขึ้น
เหน็บหนาว ร้อน หรือฝน ผลิหรือร่วง บาสก็ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังเขารู้ว่านี่เป็ฯทางที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขาทนไม่ได้ที่โดนเมิน ทนไม่ได้ที่จะอยู่ในที่ที่ไร้ตัวตน ไร้ชีวิตชีวา แม้เขาเองจะบอกไม่ได้ว่าคนที่เมืนทำอะไรให้เขา แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาเจอคนแบบนี้เขาจะหนีให้ไกล ๆ จากคนที่เมินเขาเสมอ เพราะสำหรับเขา การเมินกันมันก็คือการทำร้ายทางหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ใช่ในทางตรงก็ตาม...
โฆษณา