29 ส.ค. 2023 เวลา 15:11 • กีฬา

ฝุ่นตลบโค้งสุดท้าย

By: Colly
เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่วัน ตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ก็จะปิดตัวลงแล้ว แต่ยังมีดีลอีกมากมายที่แต่ละทีมกำลังเร่งเสริมทัพกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทีมแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับการสู้ศึกฟุตบอลลีกของแต่ละประเทศ ในช่วง 8 เดือนข้างหน้า
โดยที่น่าจับตามองมากเป็นพิเศษก็คือศึกชิงตัวนักเตะตำแหน่งกองกลางระหว่างทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ขาดแคลนผู้เล่นตำแหน่งนี้ด้วยกันทั้งคู่
โดยทางฝั่ง แมนฯยูไนเต็ด ถึงเวลานี้เสริมทัพตำแหน่งกองกลางมาแค่รายเดียว คือ เมสัน เมาท์ ตัวรุกจากเชลซี (ซึ่งกำลังโดนแฟนปีศาจแดงก่นด่าฟอร์มการเล่นอย่างหนัก) ด้วยเหตุนี้ เอริก เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ จึงต้องการเสริมกองกลางตัวรับ หรือไม่ก็ต้องเป็นพวก deep lying playmaker มาเสริมอีก เพราะ “เทพเฟร็ด” ก็ย้ายไปแล้ว ส่วน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ก็กำลังถูก บาเยิร์น มิวนิค จ้องตาเป็นมันหลังต้องเสีย แบงฌาแม็ง ปาวาร์ ไปให้ อินเตอร์ มิลาน (โอยยยย พัวพันกันให้ยุ่งไปหมด)
ขณะที่ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล ถึงเวลานี้เสริมแข้งกองกลางมาแล้ว 3 ราย คือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โดมินิก โซโบซไล และ วาตารุ เอ็นโด เหมือนจะเยอะ แต่ในทางกลับกันก็เสียแข้งเดิมไปเพียบ ทั้ง เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ที่หมดสัญญา รวมถึง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ ฟาบินโญ่ ที่โดนพลังเงินจากลีกซาอุฯดูดไป โดย “หงส์แดง” อยากได้เพิ่มทั้งกองกลาง รวมถึงเซ็นเตอร์อีกซักราย แต่ก็ต้องประเมินค่าตัวกันอีกที
และด้วยความที่ทั้งสองทีมต่างต้องการผู้เล่นตำแหน่งเดียวกัน ทำให้เป้าหมายของทั้งคู่จึงหนีไม่พ้นต้องเป็นผู้เล่นคนเดียวกันจนได้ ซึ่งตามข่าวมีอยู่ 2 รายที่ทั้งคู่ต้องแย่งชิงกัน ประกอบด้วย โซฟียาน อัมราบัต กองกลางโมร็อกโกจาก ฟิออเรนติน่า และ ไรอัน กราเวนเบิร์ช มิดฟิลด์จาก บาเยิร์น มิวนิค
ไปที่คนแรกก่อน นั่นคือ โซฟียาน อัมราบัต ปัจจุบันวัย 26 ปี ฟอร์มโดดเด่นทั้งเกมรับและเกมรุกจนช่วยให้ทีมชาติโมร็อกโก ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 มีจุดเด่นตรงการจ่ายบอล โดยเฉพาะการวางบอลยาวที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม สถิติถือว่าอยู่ในลำดับต้นๆของ 5 ลีกใหญ่ของยุโรปเลย ขณะที่ในเกมรับก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากันซักเท่าไหร่ คือรุกก็ดีรับก็ได้นั่นล่ะ
ส่วนอีกราย ไรอัน กราเวนเบิร์ช ปัจจุบันอายุเพิ่งจะ 21 ปีเท่านั้น จุดเด่นก็คล้ายกับ อัมราบัต นั่นล่ะ แต่จะไปแตกต่างกันตรงที่ กราเวนเบิร์ช จะนิยมเล่นสไตล์เลี้ยงพาบอลไปข้างหน้ามากกว่า ขณะที่ อัมราบัต ใช้การจ่ายเพื่อให้บอลไปข้างหน้าแทน ส่วนสถิติ กราเวนเบิร์ช จะดูด้อยกว่าเนื่องจากที่ผ่านมาไม่ค่อยจะได้ลงสนามให้ “เสือใต้” เท่าไหร่ แต่ถ้าถามว่ามีแววมั้ย มีแน่นอน
ทีนี้ปัจจัยของทั้งสองทีมที่จะได้ตัวไปนั้น ผมมองว่าค่อนข้างจะคล้ายกันด้วย นั่นคือ “การขายแข้งเก่า” โดย แมนฯยูไนเต็ด ปัจจุบันติดปัญหาเรื่องนักเตะค่าเหนื่อยสูงๆอยู่ล้นทีม จนส่งผลให้บัญชีสุ่มเสี่ยงจะติดตัวแดงและอาจทำให้เกิดปัญหาผิดกฎ ไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ของยูฟ่าเอาได้ ดังนั้นทีมจึงต้องพยายามขายนักเตะเพื่อลดรายจ่ายของทีมเสียก่อน
คือเงินจะซื้อน่ะ มีอยู่แล้วแหละ แต่ถ้าซื้อแล้วมันจะซวยทีหลัง เลยต้องขายออกเสียบ้าง
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เช่นเดียวกันที่ “ดีลสลับขั้ว” ระหว่าง กราเวนเบิร์ช กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ อาจจะเกิดขึ้นถ้าทั้งสองฝ่ายรวมถึงตัวนักเตะสามารถตกลงกันได้
ขณะที่ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล จริงอยู่ที่ทีมก็พอมีเงินให้ใช้อีก แต่ด้วยสไตล์การทำทีมของกลุ่มทุน FSG ไม่มีทางยอมอยู่แล้วกับการทำให้บัญชีติดตัวแดง คือถ้าจะไม่ขายใครออกก็ได้ แต่นักเตะที่จะเข้ามามันก็ต้องเป็นผู้เล่นที่ไม่แพงเวอร์เกินไป (เพราะก่อนหน้านี้จ่ายเยอะแล้วสำหรับ 3 กองกลางข้างต้น) ดังนั้นการเจรจาอาจจะเหนื่อยหน่อย
แต่หากลีกซาอุฯหน้ามืดยอมจ่ายเงิน 150 ล้านยูโรเป็นค่าตัว โม ซาลาห์ จริง แล้วตัวนักเตะรวมถึง เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอมไฟเขียวล่ะก็ ทีนี้ ลิเวอร์พูลก็สามารถเอาเงินที่ได้ไปถลุงตามใจชอบ เพียงแต่การเจรจาย้ายทีมต้องไม่ยืดเยื้อ เพราะลีกยุโรปปิดตลาดก่อนลีกซาอุฯ
ด้วยเหตุนี้ช่วงเวลา 1-2 วันนับจากนี้จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าทั้ง แมนฯยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล จะผ่องถ่ายใครออกไปได้หรือไม่ เพราะนั่นหมายถึงอนาคตการเสริมทัพของทั้งคู่ก่อนปิดตลอดซื้อขายนักเตะรอบนี้นั่นเอง
โฆษณา