ระบบเผาแก๊สทิ้ง (Flare)
ระบบเผาแก๊สทิ้ง หรือที่เรียกกันว่า Flare คือระบบที่ใช้สำหรับการเผาแก๊สไวไฟที่ถูกปล่อยจากกระบวนการด้วยความตั้งใจ(การปล่อยแก๊สที่เป็นของเสียในกระบวนการ)หรือไม่ตั้งใจ(การปล่อยแก๊สเนื่องจากความผิดปกติในระบบด้วยระบบ safety) เพื่อให้ไม่ปล่อยออกไปเป็นมลพิษ ซึ่งหลังจากการเผาแล้ว แก๊สจะถูกเปลี่ยนเป็น CO2 และไอน้ำแทน
โดยหลักๆแล้วระบบ Flare จะประกอบด้วย:
- 1.Piping: ระบบท่อในการขนส่งแก๊สออกจากกระบวนการ
- 2.Knock-out drum: ถังที่ใช้ในการดักของเหลวที่ถูกแก๊สอุ้มมาโดยจะมีวาล์วระบายของเหลวอยู่ด้านล่าง
- 3.Liquid Seal (Flame Arrestor): อุปกรณ์สำหรับป้องกันการย้อนกลับของแก๊สโดยให้ปล่อยแก๊สผ่านของเหลวโดยไม่สามารถย้อนกลับได้
- 4.Flare Stack: ปล่องที่ใช้ในการเพิ่มความสูงของแก๊สเพื่อให้ขึ้นไปเผาไหม้อยู่ในระดับความสูงที่ปลอดภัย
- 5.Gas seal: อุปกรณ์ป้องกันแก๊สไหลกลับ ติดตั้งอยู่ใน stack
- 6.Pilot burner: อุปกรณ์จุดไฟบนปากปล่องโดยใช้เชื้อเพลิงและระบบจุดไฟ
- 7.Controls: ระบบควบคุม
Typical flare system
การออกแบบระบบ Flare นั้นมีปัจจัยหลายอย่างเช่น:
- 1.อัตราการปล่อยแก๊ส
- 2.ส่วนประกอบ (compositions) ของแก๊ส
- 3.อุณหภูมิของแก๊ส
- 4.แรงดันแก๊ส
- 5.ราคาพลังงาน
- 6.ข้อบังคับต่างๆเช่น ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และชุมชน
ระบบ Flare จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิดคือ:
- 1.Single Point Flare: มีปลายปล่องเดียวทำให้การใช้งานง่ายโดยใช้ Pilot burner อย่างต่ำเพียง 1 ชุด
- 2.Multipoint Flare: มีปลายปล่องมากกว่า 1 จุด ทำให้แก๊สผสมกับอากาศได้ดีและเผาไหม้อย่างสมบูรณ์มากกว่า Single point แต่ทำให้ต้องใช้ Pilot burner หลายชุด
- 3.Enclosed Flare: สร้างให้การเผาไหม้เกิดขึ้นโดยไม่เห็นเปลวไฟและมีเสียงที่ดังน้อยลง ซึ่งเป็นระบบ Flare ที่มีราคาสูงที่สุดในทั้ง 3 ชนิด
หลายโรงกลั่นหรือโรงปิโตรเคมีเลือกใช้ระบบผสมโดยใช้ Enclosed flare ที่มี capacity เท่ากับอัตราการปล่อยแก๊สในช่วง Normal Operation และมีการติดตั้ง Elevated flare สำหรับการเผาแก๊สส่วนเกินในช่วง Abnormal operation
ขอบคุณภาพจาก ExxonMobil
ทั้งนี้ทั้งนั้น การออกแบบและเลือกใช้ชนิดของระบบ Flare ไม่มีสูตรตายตัวเนื่องจากความแตกต่างของกระบวนการ สภาพแวดล้อม ข้อกำหนด หรือ งบประมาณในการติดตั้งระบบ Flare ของแต่ละบริษัท
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
