แม่แบบความเชื่อสู่ความสำเร็จทั้งเจ็ด
นักเอ็นแอลพีได้ทำการศึกษาจากประวัติบุคคลต่างๆ แล้วพบว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น พวกเขาจะมีแนวความเชื่อที่แตกต่างออกไปจากผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ก็ยังพบว่า ในกลุ่มของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ต่างก็มีแนวโน้มที่จะมีความเชื่อในหลายๆ เรื่องที่เหมือนกัน หรือสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน
จากการวิจัยนี้ นักเอ็นแอลพีก็เลยทำการเปรียบเทียบเชิงสถิติ แล้วสรุปออกมาเป็นสูตรสำเร็จว่า
ถ้าหากใครก็ตามที่ต้องการจะให้ชีวิตของตนเองประสบกับความสำเร็จแล้วล่ะก็ จะมีความเชื่ออยู่ 7 ข้อด้วยกัน ที่จำเป็นจะต้องถูกปลูกฝังลงไปในจิตใต้สำนึก โดยจะเรียกความเชื่อทั้ง 7 ข้อนี้ว่า
“แม่แบบความเชื่อสู่ความสำเร็จทั้งเจ็ด”
โดยจะประกอบไปด้วย
1. “ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างมีจุดหมาย มีเหตุผล และเพื่อรับใช้เรา” หมายความว่า ทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้น ทุกๆ เหตุการณ์ที่เราประสบ มันไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ อย่างไร้จุดหมาย เพราะทุกสิ่งทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือความสุข ผิดหวังหรือสุขสมหวัง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นบันไดให้เราใช้ก้าวต่อไปข้างหน้า
แม้แต่ประสบการณ์ที่แย่ที่สุดที่เราอาจจะพบได้ในชีวิต มันก็ไม่เกิดขึ้นมาเพื่อทำให้เราอ่อนแอ ท้อแท้ สิ้นหวัง แต่มันเกิดขึ้นมาเพื่อทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง และนี่ก็เท่ากับว่าข้อผิดพลาดในชีวิตของเรากำลังถูกปิดลงไปอีกหนึ่งช่อง ชีวิตของเรากำลังเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นอีกหนึ่งระดับ
2. “ไม่มีความล้มเหลว มีแต่ผลลัพธ์ที่ได้” หมายความว่า ความล้มเหลวทั้งหลายทั้งปวงที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา แท้จริงแล้วมันไม่มี เพราะอารมณ์ ความรู้สึกที่หดหู่ ความสิ้นหวังเหล่านั้นมันเป็นเพียงการตีความหมายของระบบประสาทต่อเหตุการณ์ที่เราประสบเท่านั้น
ในเมื่อแผนที่ไม่ใช้แผ่นดินจริงๆ อารมณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่ผลจากเหตุการณ์นั้นจริงๆ ด้วยเช่นกัน เมื่อเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าเราจะมีสภาพอารมณ์ต่อเหตุการณ์นั้นอย่างไร ที่จริงแล้วมันก็ค่าเท่ากัน เพราะอารมณ์ก็คือเรื่องของปฏิกิริยาของระบบประสาท ส่วนเหตุการณ์ก็ยังคงดำเนินไปตามวิถีทางของมัน
ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องใส่ใจต่อสภาพอารมณ์ที่เป็นลบที่มีแต่จะบั่นทอนศักยภาพการทำงานของเรา ดังนั้นเมื่อเกิดสภาพอารมณ์ที่เป็นลบขึ้นมาแล้วสิ่งที่เราต้องจะต้องทำจริงๆ ก็คือ “หยุด” แล้ว “สร้าง” สภาพอารมณ์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ จากนั้นก็ไปทำเหตุการณ์ให้สมบูรณ์ตามวิถีของมัน โปรดอย่าลืมว่าเอ็นแอลพีนั้นมีเทคนิคมากมายก่ายกองที่จะช่วยให้เราลบทิ้ง แล้วสร้างสภาพอารมณ์ที่สร้างสรรค์กว่าขึ้นมาใหม่ได้ตามที่เราต้องการ
3. “จงรับผิดชอบ ในทุกสิ่งที่ลงมือทำ” กล่าวกันว่าความรับผิดชอบคือพลังอำนาจที่แท้จริงของผู้นำ และผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตล้วนแล้วแต่มีความเป็นผู้นำอยู่ในตนเองทั้งสิ้น ดังนั้นหากขาดพลังอำนาจของผู้นำไปแล้วล่ะก็การที่จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตคงไม่ใช่เรื่องที่สามารถเกิดได้ง่ายนัก
จากความเชื่อที่สองเรารู้แล้วว่าโลกนี้ไม่มีความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวเป็นเพียงความรู้สึกหรือผลที่เกิดจากระบบประสาทเมื่อระบบประสาทรับรู้ข้อมูลที่เป็นเหตุการณ์ สิ่งมีโดยแท้จริงมีเพียง“ผลลัพธ์” ที่ได้จากการกระทำ ผลนั้นเกิดจากเหตุที่เรากระทำลงไป ดังนั้นไม่ว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไรก็ตาม ขอให้เรารับผิดชอบมันให้ถึงที่สุดก็พอแล้ว
อย่าลืมว่า (ความรู้สึก) ล้มเหลวนั้นไม่มีจริง แต่ผลจากการกระทำเป็นที่จริงแท้แน่นอนและเมื่อมันเกิดแล้วเราก็ต้องสานต่อไปให้มันจบ การสานต่อไปให้ถึงจุดจบของมันนั่นแหละที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” ที่แท้จริง
4. “ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกแง่ทุกมุมก่อนจะลงมือใช้มัน” บางครั้งคนเราก็มักยึดติดกับเรื่องที่ปลีกย่อยหยุมหยิมมากเกินไปจนทำให้พลาดโอกาสที่สำคัญในชีวิต คำว่าจำเป็นจะต้องรู้แจ้งอย่างลึกซึ้งก่อนลงมือทำนั้นเป็นข้ออ้างที่ดีสำหรับใช้ในการผัดวันประกันพรุ่ง เพราะถ้าไม่รู้แจ้งก็ไม่ต้องลงมือทำ
ปัญหาคือแล้วเมื่อไหร่กันที่เราจะรู้แจ้งรู้ซึ่งทุกแง่มุม ในเมื่อการ “รู้” ของเรานั้นมันสามารถขยายและต่อยอดออกไปได้อย่างไม่มีขอบเขต วันแล้ววันเล่าจึงถูกปล่อยให้ผ่านอย่างไร้ประโยชน์ด้วยข้ออ้างว่ายังไม่รู้แจ้งจบสิ่งนั้นอย่างแท้จริง เอ็นแอลพีเสนอว่า “อย่ารอ” และ “จงลงมือทันที” อย่างเอาความไม่รู้เป็นข้ออ้างเพราะว่าความรู้เป็นเรื่องที่ไม่มีขอบเขต
เพราะตราบใดที่เรายังไม่ลงมือ “ทำ”มันก็ไม่มีวันที่จะ “รู้” และที่สำคัญก็คือเราสามารถที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งได้ในระหว่างที่เรากำลังลงมือทำสิ่งเหล่านั้น ซึ่งมันยอดเยี่ยมมากกว่าการรู้โดยไม่ได้ลงมือทำอยู่มากโขทีเดียว
5. “บุคคลที่เป็นเลิศคือขุมทรัพย์ที่เป็นเลิศ” ทุกสิ่งเกิดขึ้นและดำเนินไปได้ก็เพราะมีบุคคลเข้าไปลงมือทำ ถึงแม้ว่าเราจะมีเครื่องซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุด ทรงพลังที่สุด และมีราคาแพงที่สุด แต่หากไม่มีบุคลากรที่มีความสามารถในการใช้ซูปเปอร์คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว เครื่องซูปเปอร์คอมพิวเตอร์ก็จะยังมีประโยชน์น้อยกว่าตู้เย็นใบเล็กๆ ด้วยซ้ำไป
สำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้นพวกเขาจะทราบดีว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถอีกแล้ว และโปรดอย่าลืมว่า เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ทั้งหมดด้วยคนคนเดียว การทำงานเป็นทีม การมีผู้ช่วย มันย่อมทำให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงกว่าการทำงานแบบฉายเดี่ยวได้มาก ดังนั้นหากต้องการความสำเร็จแล้วล่ะก็ ทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถก็คือปัจจัยที่เราจะต้องให้ความสำคัญสูงสุด ขอให้เชื่อมั่นว่าทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถจะสามารถช่วยให้เราย่นระยะเวลาที่จะใช้สู่ความสำเร็จได้อีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
6. “งานก็คือการเล่นสนุก” มันเป็นธรรมดาอย่างมากที่จะกล่าวว่าไม่มีใครประสบความสำเร็จจากการทำสิ่งที่เขาเกลียด ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักทำในสิ่งที่เขารัก และประสบความสำเร็จจากสิ่งที่เขารักทั้งสิ้น ดังนั้นถ้าต้องการความสำเร็จ มันก็มีตัวเลือกที่ว่า “จงทำเฉพาะสิ่งที่เราสนุก” หรือ“จงสนุกกับสิ่งที่เราทำ” ที่จริงเราจะเลือกแบบไหนก็ได้แต่ที่สำคัญคือจงสนุก หรือมีความสุขที่ได้ทำมัน แล้วความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
7. “ไม่มีความยั่งยืนหากไม่ทุ่มเท” กล่าวกันว่าสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั้นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นฉลาด ไม่จำเป็นจะต้องตัวใหญ่หรือรวดเร็ว ไม่จำเป็นจะต้องมีความสง่างามมากมายอะไรนัก แต่ที่สำคัญที่สุดที่เขาจะต้องมีก็คือความ “ทุ่มเท” ในสิ่งที่เขาทำ
จากความเชื่อข้อที่ 6 เราเลือกที่จะทำงานด้วยความสนุก นี่ช่วยให้เราสามารถทุ่มเทแรงกายแรงใจกับมันได้อย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย นี่เป็นปัจจัยที่ทำให้เราไปถึงจุดแห่งความสำเร็จ และถึงแม้ว่าจะได้พาตัวเองมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จแล้ว หากเรายังคงทุ่มเททำมันต่อไป นี่จะทำให้ความสำเร็จของเราไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จชั่วครั้งชั่วคราว หากแต่เป็นความสำเร็จที่มีความมั่นคงสืบไปตราบที่เรายังคงสนุกและทุ่มเทกับมัน
:)
#สะกดจิต #สะกดจิตบำบัด #NLP
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
