“ไรอัน กราเฟนแบร์ก” ดีลที่ดี แต่ยังมีคำถาม
By: Colly
ใกล้ความเป็นจริงเข้าไปทุกขณะสำหรับการคว้าตัว ไรอัน กราเฟนแบร์ก กองกลางพรสววรค์สูงชาวดัตช์ ที่ ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มเงินราว 40 ล้านยูโร กระชากตัวมาจาก บาเยิร์น มิวนิค
(หลังจากไล่เช็กการออกเสียงมีหลายคลิป จากที่เคยมีทั้ง กราเวนเบิร์ช, กราเวนเบิร์ก, กราเวนแบร์ช และอีกสารพัดสำเนียง จากนี้ขอเป็น กราเฟนแบร์ก ละกันนะครับ 555 ทำไมไม่ตั้งชื่อให้มันง่ายๆวะ)
ดีลนี้ก็ถือเป็นความสมหวังของ เจอร์เก้น คล็อปป์ หลังจากพยายามสอยมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเล่นให้ อาแจ็กซ์ แต่ตอนนั้นตัวนักเตะเลือกไปเล่นให้ “เสือใต้” ด้วยหวังว่าการเล่นในบุนเดสลีก้าจะช่วยให้ตัวเองปรับตัวได้ง่ายกว่าเพื่อพัฒนาศักยภาพสู่การเล่นในระดับที่สูงขึ้น...ก่อนจะพบว่ามันไม่เป็นอย่างที่หวัง
ต้องยอมรับว่า การคว้านักเตะที่เล่นมาเป็นร้อยนัดตั้งแต่อายุแค่ 21 ปี ด้วยมูลค่าเท่านี้ ถือว่าถูกเกินคาด เพราะหากเป็นนักเตะอังกฤษล่ะก็ ดีไม่ดีค่าตัวจะพุ่งกว่านี้ไปเป็นเท่าตัวได้ง่ายๆ (ต้องขอบคุณ บาเยิร์น ที่ดองเค็มจนราคาตก)
สำหรับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เป็นกองกลางที่มีเทคนิคโดดเด่น มีการควบคุมบอลที่ดี ถนัดเท้าขวาแต่เอาจริงๆก็เล่นได้ทั้งสองเท้านั่นล่ะ รวมถึงมีร่างกายที่แข็งแกร่ง (สูงถึง 190 ซม.) จุดเด่นคือการครองบอลและพาบอลไปข้างหน้า นิยมการจ่ายบอลสั้นๆกับเพื่อนร่วมทีมเพื่อสร้างสมดุลในเกมกลางสนาม แต่ก็สามารถบอมบ์ยาว 60 หลาข้ามไปให้แนวรุกได้เช่นกัน
หากยังนึกภาพไม่ออก หรือไม่ค่อยได้ดูเกมลีกฮอลแลนด์-เยอรมัน ก็นึกเอาตามอย่างที่สื่อนอกชื่นชมเอาไว้แหละครับว่า นี่คือ “นิว ป็อกบา” (ขึ้นต้นด้วยคำว่า “นิว” แฟนหงส์คงไม่ค่อยชอบแฮะ 555 ฉายานี้มาทีไรดับแทบทุกราย)
หรือจะพูดง่ายๆก็คือ กราเฟนแบร์ก ถนัดกับการเล่นในตำแหน่ง “หมายเลข 8” และอาจเล่นเป็น “หมายเลข 10” ได้ในบางโอกาส
นี่แหละครับคือเครื่องหมายคำถาม
เพราะปัจจุบัน ลิเวอร์พูลก็มาทั้ง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โดมินิค โซโบซไล ที่เล่นในตำแหน่งนี้อยู่แล้ว (ไหนจะมี เคอร์ติส โจนส์ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ อีก) แล้ว กราเฟนแบร์ก จะไปเล่นตรงไหน? จะลงต่ำเป็นมิดฟิลด์ตัวรับ “หมายเลข 6” เต็มตัวอย่างนั้นรึ
รูปร่างมันให้ก็จริง สถิติการแย่งบอลและการดวลลูกกลางอากาศทำได้ดีก็จริง แต่ถ้ามองดูโมเดลเดียวกันอย่าง ปอล ป็อกบา แล้วล่ะก็ จะเห็นว่า ป็อกบาจะระเบิดฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับการเล่นเป็นมิดฟิลด์คู่ “double pivot) โดยที่มิดฟิลด์อีกคนจะเน้นเกมรับเป็นพิเศษ
ยกตัวอย่างเช่นในทีมชาติฝรั่งเศสช่วยที่คว้าแชมป์โลก ตอนนี้มี เอ็นโกโล่ ก็องเต้ คอยปัดกวาดอยู่หน้าแนวรับ ป็อกบา จึงสร้างสรรค์เกมได้เต็มที่ ตรงข้ามกับตอนที่เจ้าตัวเล่นให้ แมนฯยูไนเต็ด ที่เมื่อใดก็ตามที่โดนจับไปเล่นเป็นตัวรับ จะโชว์ฟอร์มไม่ออก
กลับมาที่ ลิเวอร์พูล หากต้องการหาตำแหน่งถนัดให้ กราเฟนแบร์ก ก็แปลว่าเจ้าตัวจะต้องมาจับคู่กับตัวรับพันธุ์แท้อย่าง วาตารุ เอ็นโด ซึ่งก็จะทำให้ แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โซโบซไล จะเหลือโควต้าลงสนามได้แค่คนเดียว
หรือถ้าจับ แม็ค อัลลิสเตอร์ มาเล่นเกมรับแทน เอ็นโด โดยจับคู่กับ กราเฟนแบร์ก แล้วให้ โซโบซไล ยืนสูงเน้นรุกมากกว่าหน่อย นั่นก็จะเป็นการ “เสียของ” ไปอีก เพราะ แม็ค อัลลิสเตอร์ จุดเด่นของเขาไม่ใช่ตำแหน่งตรงนั้น
ความเป็นไปได้อีกทางหนึ่งก็คือ ตัว กราเฟนแบร์ก เองนั่นแหละที่ต้องปรับตัวสู่การเป็นมิดฟิลด์ “หมายเลข 6” เพื่อใช้จุดเด่นเรื่องสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งกว่ามิดฟิลด์รายอื่นในทีม แต่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวนักเตะจะปรับตัวได้หรือไม่ ก็ขนาดเปลี่ยนจากการเล่น 4-3-3 ที่อาแจ็กซ์ มาเล่น 4-2-3-1 ที่บาเยิร์น เขายังปรับตัวไม่ได้จนโดนดองเค็มอยู่ข้างสนามเลยคุณเอ๊ย
ปวดหัวแทน JK แฮะ 555
คือส่วนตัวผมนะครับ ไอ้ดีลนี้จะว่าดีมันก็ดีนะ โอกาสที่จะได้กองกลางดาวรุ่งระดับท็อป 5 ของยุโรปมาร่วมทัพได้ด้วยราคาแค่นี้เนี่ย มันสุดยอดมากๆแล้ว
แต่ประเด็นคือใครๆก็มองเห็นว่าจุดที่ลิเวอร์พูลต้องเสริมให้ได้มันมี 2 ส่วน
1. “เกมรับ” (ไม่ว่าจะเป็นมิดฟิลด์ตัวรับและ/หรือเซ็นเตอร์แบ็ก) เนื่องจากเสีย ฟาบินโญ่ ไปแล้ว แถม โจแอล มาติ๊ป-โจ โกเมซ ฟอร์มเอาแน่เอานอนไม่ได้ ขณะที่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ เจ็บบ่อยเหลือเกิน
2. “ประสบการณ์ในเกมรับ” เพราะหลังจากเสีย เฮนโด้, มิลเนอร์, ฟาบินโญ่ ไป ตอนนี้กลายเป็นทีมมีแต่มิดฟิลด์อายุน้อย (ยกเว้น เอ็นโด-ติอาโก้)
แต่การเสริมทัพของลิเวอร์พูล ดันเอามิดฟิลด์สไตล์คล้ายคลึงกันมากองรวมกันตั้ง 3 รายในซัมเมอร์เดียว แถมยังทำท่าว่าจะไม่ได้เซ็นเตอร์มาใหม่ซักคนอีกด้วย
ดีลทั้งหมดในซัมเมอร์นี้ของ ลิเวอร์พูล เป็นดีลที่ดีแน่นอนครับ
แต่จะดีพอที่จะทำให้ไปถึงแชมป์มั้ย เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
