2 ก.ย. 2023 เวลา 07:52 • การเมือง

ข้อเสนอด้านนโยบายต่อ รมว.กลาโหม สุทิน คลังแสง

ปฏิรูปกองทัพ, ทำสมุดปกขาว, นำบางนโยบายของไทยรักไทยกลับมา
ขอแสดงความยินดีกับคุณสุทิน คลังแสง #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คนใหม่ ซึ่งเป็น #รัฐมนตรีกลาโหม คนแรกที่เป็นพลเรือนและไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีที่ควบตำแหน่งมา ถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของไทยเช่นกัน
----------------------
ชื่อของคุณสุทินอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ฟังแล้วสามารถที่จะร้องว๊าวในทันทีได้ เพราะต้องยอมรับว่าคุณ #สุทิน มีประสบการณ์ด้านงาน #ความมั่นคง และการป้องกันประเทศน้อย แต่ TAF ยังยืนยันว่าเราสามารถตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสมและความสามารถในการเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของคุณสุทินได้เต็มที่ แต่ไม่ควรจะตั้งแง่ว่าคุณสุทินเป็นพลเรือน และรัฐมนตรีกลาโหมต้องเป็นทหารเท่านั้น เพราะโดยหลักการแล้ว พลเรือนต้องคุมทหาร และทหารต้องอยู่ใต้พลเรือน รวมถึงพลเรือนก็มีความรู้ความสามารถในด้านความมั่นคงได้ ไม่ใช่แต่ทหารอย่างเดียว
การที่คุณสุทินซึ่งเป็นพลเรือนมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหมนั้นไม่ได้สง่างามน้อยลง แต่ประสบการณ์และความสามารถด้านความมั่นคงอาจต้องพิจารณา ดังนั้นถ้าคุณสุทินแสดงความสามารถและวิสัยทัศน์ที่เหมาะสม รวมถึงมีทีมที่ปรึกษาที่ดี มีความสามารถ และมีความคิดก้าวหน้ามากพอที่จะนำกระทรวง ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้
ซึ่งปกติ #รัฐบาลเพื่อไทย นั้นจะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีค่อนข้างบ่อยมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทยแล้ว บางทีเปลี่ยนแทบทุก 6 เดือน ดังนั้นถ้าทำงานไปสักระยะแล้วมีตัวเลือกที่ดีกว่าจริง ๆ ก็มีโอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ แต่ ณ ตอนนี้ต้องให้โอกาสคุณสุทินในการแสดงฝีมือก่อน
นโยบายด้านความมั่นคงของรัฐบาลนั้นอาจจะต้องรอการแถลงนโยบายต่อสภาฯ ซึ่งเชื่อว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า แต่ในระหว่างนี้ TAF มีข้อเสนอด้านนโยบายที่อยากให้รัฐมนตรีกลาโหมท่านใหม่พิจารณาก็คือ
----------------------
1. ดำเนินการ #ปฏิรูปกองทัพ ตามนโยบายที่พรรค #เพื่อไทย เคยหาเสียงเอาไว้
จริง ๆ นโยบายด้านความมั่นคงที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงนั้นค่อนข้างดี เช่น การปฏิรูปกองทัพ การออกกฎหมายให้กองทัพเป็นทหารอาชีพ ไม่ก่อ #รัฐประหาร การยกเลิกเกณฑ์ทหาร การส่งเสริมความรู้และอาชีพให้กับพลทหาร การตัดลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นของ #กระทรวงกลาโหม เป็นต้น ซึ่งงานของรัฐมนตรีกลาโหมนั้นไม่ยาก คือการนำนโยบายเหล่านี้มาบรรจุเป็นนโยบายของกระทรวงกลาโหม เพื่อแสดงความมุ่งมั่นว่าจะดำเนินการตามที่เคยหาเสียงไว้ ไม่ใช่เป็นแค่เทคนิคการหาเสียงอย่างเดียว
นโยบายบางอย่างเช่น #ยกเลิกเกณฑ์ทหาร แม้จะต้องมีการดำเนินการค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้ยากจนเป็นไปไม่ได้ ตรงกันข้าม เมื่อดูกฎหมาย ดูระเบียบ ดูโครงสร้างของกองทัพแล้ว เราสามารถดำเนินการแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบจำนวนหนึ่งก็สามารถยกเลิกการเกณฑ์ทหารได้ภายในระยะเวลา 1 – 2 ปีทันที และก็จะไม่เกินเงื่อนเวลาในการแก้รัฐธรรมนูญและยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ตามที่รัฐบาลได้เคยประกาศไว้ ก็จะทำให้การยกเลิกการเกณฑ์ทหารเกิดขึ้นได้ภายในยุคของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้
----------------------
2. ควรมีสมุดปกขาวเพื่อการป้องกันประเทศของ #กระทรวงกลาโหม
เนื่องจากประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงด้านตัวบุคคลบ่อย โดยเฉพาะผู้นำเหล่าทัพที่หลายเหล่าเปลี่ยนแทบทุกปี ทำให้นโยบายหลายอย่างไม่ต่อเนื่อง หรือคนใหม่ที่เข้ามาก็รื้อระบบเก่าออกแล้วใส่ระบบใหม่ที่ตนเองต้องการเข้าไป เพื่อที่ว่าปีหน้าเมื่อคนใหม่มาก็จะถูกรื้ออีกรอบ ทั้งหมดนี้สร้างข้อจำกัดในการพัฒนากระทรวงกลาโหม ทำให้ข้าราชการทำงานลำบาก รวมถึงทำให้การดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศเป็นไปได้ยากและไม่ต่อเนื่อง
ทางออกหนึ่งก็คือการจัดทำนโยบายระยะยาว และออกสมุดปกขาวเพื่อการป้องกันประเทศของไทย ซึ่งสมุดปกขาวนี้แตกต่างจากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือแผนปฏิบัติราชการกระทรวงกลาโหม 5 ปีหรือแผนประจำปี เพราะจะเป็นการวางแนวทางการดำเนินนโยบายในภาพรวม
ซึ่งจัดทำโดยใช้ข้อมูลและความเห็นจากทั้งในกระทรวงและนอกกระทรวงกลาโหม เพื่อให้กองทัพและหน่วยงานในกลาโหมสามารถทราบแนวยุทธศาสตร์และทิศทางที่ประเทศไทยควรจะเป็นได้ในภาพกว้าง และในฉบับเผยแพร่นั้น ยังเป็นการสื่อสารไปยังประชาชนและประชาคมโลกถึงท่าทีและแนวคิดด้านการป้องกันประเทศของไทยอีกด้วย
การจัดทำสมุดปกขาวเพื่อการป้องกันประเทศนั้นมีการพูดถึงกันมานานแต่ยังไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งถ้าคุณสุทินสามารถผลักดันให้เกิดการจัดทำได้ ก็จะถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของคุณสุทินได้เลย
----------------------
3. นำบางนโยบายสมัยพรรค #ไทยรักไทย ของคุณ #ทักษิณ กลับมาดำเนิน
เช่น นโยบายการพัฒนากองทัพควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยของคุณทักษิณ ชินวัตรนั้น เคยมีนโยบายการจัดหาอาวุธด้วยวิธี Barter Trade และ Counter Trade ซึ่งก็คือการใช้สินค้าเกษตรแลกอาวุธโดยไม่ได้ใช้เงินสด และการซื้ออาวุธโดยให้ประเทศผู้ผลิตซื้อสินค้าเกษตรตอบแทนไปในมูลค่าเท่ากัน
และเคยดำเนินการสำเร็จแล้ว 1 โครงการคือโครงการจัดหาปืนใหญ่ L119 จากสหราชอาณาจักร โดยสหราชอาณาจักรจัดซื้อสินค้าเกษตรจากไทยเป็นการตอบแทน และตามมาด้วยอีกแผนงานหลายโครงการเช่น โครงการแลกยานเกราะ 8x8 จากจีน โครงการข้าวแลกเรือฟริเกตจากเกาหลีใต้ โครงการไก่แลกเครื่องบินรบจากรัสเซียและสวีเดน เป็นต้น แต่หลังจากรัฐประหารในปี 2549 กองทัพก็ยุติทุกโครงการเปลี่ยนมาเป็นจัดหาด้วยเงินสดทั้งหมด
หลักการดำเนินการของคุณ #ทักษิณ ในสมัยนั้นก็คือ รัฐบาลให้กองทัพไปจัดทำความต้องการยุทโธปกรณ์แบบเป็นแพ็คเก็จขนาดใหญ่ในระยะเวลา 9 ปี เพื่อจะได้มีจำนวนและมูลค่ามากพอในการเจรจาเพื่อแลกสินค้าเกษตร เช่น รถเกราะ 300 คัน เครื่องบินรบ 18 ลำ เรือรบ 2 ลำ เรือดำน้ำ 2 ลำ
และรัฐบาลกำหนดให้ความต้องการของเหล่าทัพที่คล้ายกันให้จัดหาอาวุธแบบเดียวกันเพื่อให้มีปริมาณมากพอในการเจรจาและง่ายต่อการซ่อมบำรุง เช่น การให้ทุกเหล่าทัพจัดหาเฮลิคอปเตอร์รุ่นเดียวกันหรืออย่างน้อยจากผู้ผลิตเดียวกัน จนเป็นที่มาของเฮลิคอปเตอร์ตระกูล S-70 ในกองทัพบกและกองทัพเรือไทย
ซึ่งเมื่อเกิดการแลกสินค้าเกษตรกับยุทโธปกรณ์ ประเทศผู้ผลิตสามารถนำสินค้าเกษตรเหล่านั้นไปขายต่อในตลาดโลกเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ หรือถ้าไทยซื้อยุทโธปกรณ์ด้วยเงินสด ก็ให้ประเทศผู้ผลิตมาเลือกซื้อสินค้าเกษตรด้วยเงินสดเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการทำให้งบประมาณซื้ออาวุธเกิดประโยชน์ต่อทั้งกองทัพและภาคการเกษตร
นอกจากนั้นยังสามารถดำเนินการเพิ่มเติมได้ เช่น การกำหนดให้การยุทโธปกรณ์บางรายการที่ไทยจัดซื้อต้องมี Local Content หรือชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศโดยบริษัทเอกชนไทย หรือกำหนดให้มีการลงทุนในประเทศไทยตอบแทนที่ไทยจัดหายุทโปกรณ์ หรือจัดหาอาวุธที่ผลิตในประเทศไทย เพื่อสร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไปอีก
----------------------
ทั้งหมดนี้เป็นข้อเสนอของ TAF ที่อยากให้กระทรวงกลาโหมพิจารณา ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน โดยเฉพาะเพียงแค่นำนโยบายที่เคยหาเสียงไว้มาดำเนินการจริง หรือนำนโยบายเก่าที่คุณทักษิณเคยทำมาทำอีกครั้ง ก็เชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงส่วนใหญ่ของสังคมไทยค่อนข้างเห็นสอดคล้องกันว่า การปฏิรูปกองทัพนั้นมีจำเป็น ซึ่งถ้าทำได้ ก็จะถือเป็นผลงานที่รัฐบาลเพื่อไทยนำไปใช้หาเสียงได้อย่างชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งหน้าครับ
หลังจากนี้ ไว้รอรัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาฯแล้ว เราจะมาวิเคราะห์นโยบายด้านความมั่นคงของรัฐบาลและครม เศรษฐา 1 กันอีกครั้งครับ
โฆษณา