3 ก.ย. 2023 เวลา 14:54 • ข่าว

หลักสูตรระบบสารสนเทศเพื่อธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยนานาชาติ DPU

ลุยปั้น “บัณฑิตพันธุ์ใหม่” รุ่นที่ 2 สร้างธุรกิจดิจิทัลไทยก้าวไกลทัดเทียมระดับโล
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา หลักสูตรระบบสารสนเทศเพื่อธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ได้จัดโครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่ "หลักสูตรการประกอบการสื่อสังคมออนไลน์และธุรกิจดิจิทัล" รุ่นที่ 2 ประจำปี 2566
สานต่อความสำเร็จในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้และความสามารถ มีทักษะในการประกอบธุรกิจทางสื่อสังคมออนไลน์-ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ รวมไปถึงการยกระดับความรู้ความสามารถของผู้ประกอบการประเทศไทยสู่การเป็นนักธุรกิจดิจิทัลสื่อสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มธุรกิจ เพื่อคนไทยก้าวไกลตามเป้านโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (2561-2580) ระยะ 20 ปี
โครงการอบรมนี้ได้รับทุนโครงการในการสนับสนุนจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) ภายใต้โครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิต ประเภทประกาศนียบัตร (Non-Degree) ตามนโยบายการปฏิรูปการอุดมศึกษาไทยเพื่อสร้าง “บัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะ” ตอบโจทย์ภาคการผลิต โดยผู้เข้าอบรมสามารถเข้าร่วมอบรมฟรีแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอดระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่ เดือนกันยายน-ธันวาคม พ.ศ.2566 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 285 ชม.
ซึ่งในรุ่นนี้มีผู้เข้าเรียนกว่า 42 คน
ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม ผู้ช่วยอธิการบดีสายงานภาคีสัมพันธ์ และ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ เป็นประธานในพิธีโดยได้กล่าวปฐมนิเทศ “บัณฑิตพันธุ์ใหม่” รุ่นที่ 2 กล่าวว่า ปัจจุบันรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอย่างมาก โลกธุรกิจทุกวันนี้ได้เข้าสู่การดำเนินธุรกิจในรูปแบบออนไลน์เต็มตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังวิกฤตการณ์โควิด-19 มนุษย์เราทำธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น
นอกเหนือไปจากการผสานดิจิทัลเข้ากับชีวิตประจำวันมากมาย อาทิ AI, ChatGPT, Big Data Analytics เป็นต้น ดังนั้น "หลักสูตรการประกอบการสื่อสังคมออนไลน์และธุรกิจดิจิทัล" จึงหยิบนำนวัตกรรมใหม่นั้นมาปรับใช้ มาสอน และมาลองประยุกต์ให้เกิดประสิทธิภาพ ให้เกิดความรู้และทักษะในการคิดวิเคราะห์ใหม่ๆ ต่อสื่อสังคมออนไลน์ในเชิงธุรกิจดิจิทัล
การใช้เครื่องมือดิจิทัลต่างๆ สามารถใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนได้ ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศไทยมีความเข้มแข็งและทัดเทียม สามารถแข่งขันในระบบธุรกิจออนไลน์กับทุกประเทศทั่วโลกได้
“การพัฒนาประเทศในระยะยาวให้ได้ตามวิสัยทัศน์แผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประเทศไทย ที่มุ่งหวังให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว
จำเป็นต้องอาศัยทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ ทุกคนสามารถ Upskill และ Reskill ตัวเองได้ การพัฒนากำลังพลประชาชนด้านเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญของการขับเคลื่อนประเทศ กล่าวคือหากประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจและมีความสามารถในการประกอบธุรกิจออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาประเทศก็จะมีความเข้มแข็งและสามารถแข่งขันในระบบธุรกิจดิจิทัลแข่งกับทุกประเทศได้เป็นอย่างดี
โดยในการสนับสนุนครั้งนี้ถ้าเราตั้งใจที่จะมาศึกษา ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับการพัฒนาและสร้างคุณประโยชน์ให้กับตัวเองในแง่ของการประกอบธุรกิจในอนาคตและการทำงานรวมไปถึงสร้างเสริมประสบการณ์บอกกล่าวต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับรุ่นที่ 1 ที่ผ่านมา
สุดท้ายนี้ก็อวยพรให้ทุกคนทำให้เต็มที่ให้บรรลุผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าและกำหนดวัตถุประสงค์ไว้ทุกประการ”
หลักสูตรบัณฑิตพันธุ์ใหม่ รุ่นที่ 2 ครั้งนี้ จะแบ่งการเข้าอบรมเป็น ภาคทฤษฎีจำนวน 60 ชม. ขณะที่การฝึกอบรมภาคปฏิบัติพร้อมดูงานสถานประกอบการจริง จำนวน 255 ชม. ในทุกวันเสาร์ โดยผู้เข้าอบรมยังจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสามารถนำไปเทียบโอนในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับวิทยาลัย และคณะวิชาของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้อีกด้วย
เนื่องจากในระหว่างการอบรม ผู้เข้าอบรมจะได้พบกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศที่ประสบความสำเร็จมากมาย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันแนะนำเรื่องของการสร้างธุรกิจผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทุกด้าน เช่น คุณวรวุฒิ สายบัว เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย หรือ Thailand E-commerce Association (THECA) ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท แบรนด์นิสต้า จำกัด
ซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการนักธุรกิจสตาร์ทอัพ และ การสื่อสารการตลาดดิจิทัล
อาจารย์ณัฐพงศ์ เหลืองนฤดม หัวหน้าหลักสูตรระบบสารสนเทศเพื่อธุรกิจดิจิทัล วิทยาลัยนานาชาติ ในฐานะอาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงการฯ กล่าวเสริมว่า ผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรนี้นอกจากการได้เรียนรู้เรื่องของธุรกิจดิจิทัลพื้นฐานเบื้องต้นอย่าง การซื้อมา ขายไป ในรูปแบบต่างๆ ยังจะได้รับการพัฒนาและอบรมความรู้และทักษะด้านออนไลน์แบบเจาะลึกมากขึ้น ผ่านการดูงานในสถานประกอบการจริงและกรณีศึกษา
รวมไปถึงได้มีโอกาสนำเอาธุรกิจที่ตนเองประกอบการอยู่ขณะนี้มาปรับและขอคำแนะนำจากอาจารย์เพื่อให้เกิดการพัฒนายิ่งขึ้น นอกจากนี้จะได้เรียนรู้จากวิทยากรถึงการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่กำลังเป็นกระแสนิยมอย่าง Facebook Instagram และ Tiktok ฯลฯ ซึ่งจะช่วยสร้างความสำเร็จในยุคดิจิทัล
“ปัจจุบันตลาดออนไลน์เป็นตลาดที่มีผู้ขายจำนวนมาก ดังนั้นการจะสินค้าจึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ก้าวตามได้ทัน เพื่อป้องกันการ Disruption โดยอย่างในช่วงโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา หลายธุรกิจจำนวนกว่า 70% ได้รับผลกระทบและปิดตัวลง
โดยเฉพาะกับธุรกิจขนาดเล็กและกลางจากการปรับตัวไม่ทันตามโลกทำให้ขาดทักษะด้านการตลาดดิจิทัล คนรุ่นใหม่ในยุคนี้จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาเรื่องของระบบการบริหารธุรกิจ การค้าขาย การตลาดออนไลน์เพื่อนำมาปรับใช้และประยุกต์ อย่างที่เราเห็นธุรกิจโลจิสติกส์เติบโต แต่ภาคขนส่งเองก็จะเติบโตไม่ได้ถ้าไม่มีเรื่องดิจิทัลในการสร้างแอปพลิเคชัน หรือ เอามาใช้รับงานบริการจากผู้บริโภค
“ทว่าหลายต่อหลายคนยังเป็น Digital Enabler หรือผู้ใช้งานที่ยังขาดความรู้กันเยอะมาก ทั้งขาดความรู้ความเข้าใจในศักยภาพและความสามารถของเทคโนโลยี ตั้งแต่ การวิเคราะห์ข้อมูลเลย เก็บข้อมูลหรือลูกค้าคือใครและเราจะทำธุรกิจอะไรยังไงต่อจากนี้ ความรู้ที่ควรมี ไม่ใช่ใช้แค่การประชาสัมพันธ์หรือการยิงแอดโฆษณาเพียงเท่านั้น
เนื่องจากกระสุนเรามีจำกัด ฉะนั้นในการยิงกระสุน 1 นัดที่เปรียบเสมือนเม็ดเงินลงทุนทุกครั้งจึงจำเป็นที่จะต้องตรงเป้า และการอบรมนี้ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลบนแพลตฟอร์มต่างๆ รวมไปถึงเทคนิคการทำการตลาดบนสื่อสังคมออนไลน์ ให้เกิดมูลค่าสูงสุดในธุรกิจ”
อาจารย์ณัฐพงศ์ เหลืองนฤดม ยกตัวอย่าง ต่อไปว่า ธุรกิจและดิจิทัลจะมาข้องเกี่ยวกับทุกๆ คนและทุกช่วงเวลาของชีวิตตั้งแต่แรกเกิดยันถึงเชิงตะกอน อย่างที่เห็นมาแล้ว วันดีคืนดีลูกค้าไม่เดินทางมาสั่งซื้อที่ร้านจากผลของโควิด-19 แต่พอขายออนไลน์ได้ ทำสื่อออนไลน์เป็น
ก็สามารถพลิกฟื้นธุรกิจการค้าได้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะเข้าใจในหลักการทำธุรกิจที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยี สามารถตอบโจทย์และแก้ปัญหาที่ผู้บริโภคกำลังเผชิญอยู่ คือ “4D1O” 1.Digital Governance ธรรมาภิบาลดิจิทัล 2.Digital Mindset ทัศนคติดิจิทัล 3.Digital Skills ทักษะดิจิทัล 4.Digital Business ธุรกิจดิจิทัล 5.Online Social Thinking รู้ทันกระแสความคิดของสังคมออนไลน์
“คนประสบความสำเร็จหลายท่าน ที่อาจารย์รู้จัก บางคนเริ่มจากใช้สื่อออนไลน์ตัวเอง แรกๆ ก็ขายของไม่ค่อยได้ มีคนกดถูกใจไม่ถึง 100 คน แต่ตอนนี้ขึ้นไปเป็นยอดกดถูกใจ 5 หมื่นกว่าคนแล้ว และยอดขายก็เติบโตทะลุเกิน 1 ล้านไปแล้วจากการเรียนและสานต่อธุรกิจที่ทำอยู่ หรือบางท่านเป็นพนักงานประจำเกษียณ อายุ 70 กว่าแล้วจบการอบรม เปลี่ยนสถานะเลื่อนเป็นซีอีโอ
โดยตั้งบริษัทรวมตัวจากกลุ่มคนที่มาเรียนด้วยกันรุ่นลูกอายุ 20-40 ปี มาร่วมทุนกันใช้ชื่อบริษัทว่า กล่องทองการบัญชี จำกัด ทำเรื่องสำนักงานบัญชีออนไลน์ประสบความสำเร็จใน 1 ปี และตอนนี้กำลังทำสำนักงานบัญชีแบบแฟรนไชส์ นอกเหนือจากนี้ยังเป็นยูทูปเบอร์ทำช่องของตัวเองอีกด้วย”
“อย่างที่บอกเราอบรมทั้งในห้องและนอกห้อง คลาสเรียนอาทิตย์หน้าในวันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2566 นี้ ตรงกับวัน 9.9 เราก็จะพาทุกคนไปดูงานกันจริงๆ ที่ บริษัทสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต ว่า ในวันนั้นเขาบริหารออเดอร์ที่เข้ามาล้นหลามได้อย่างไรให้ไม่เกิดมีปัญหา และดูเรื่องของระบบหลังบ้านในระบบการจัดการออเดอร์ใน 1 วัน ที่จำนวนมหาศาลเขามีการจัดการให้ไม่เกิดข้อพลาดและตามกำหนดการด้วยเครื่องมืออะไรและด้วยรูปแบบใด
และนี่คือตัวอย่างของการปรับตัว ไม่ให้กลัวเรื่อง การประกอบการธุรกิจดจิทัล นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ ยิ่งเราผ่านพ้นโควิด-19 ยิ่งเป็นตัวอย่างชั้นดีอย่างที่เราทุกคนพบเจอ ดังนั้นเราทุกคนก็ควรจะมีการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่เรียกว่า Lifelong Learning ตลอดเวลา และต้องมีทักษะทางดิจิทัลในยุคที่ทุกคนใช้ดิจิทัล ทักษะเหล่านี้จะช่วยให้เราอยู่รอดได้อย่างยั่งยืนถ่องแท้ คือยิ่งปรับตัวได้เร็วยิ่งลดความเสี่ยง
ซึ่งในการทำธุรกิจสิ่งสำคัญมากไม่ว่าจะค้าขายอะไร จะต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าก่อน ต่างจากแต่ก่อนที่ใช้ความชอบเป็นธงเดิน วันนี้การใช้ความรักของเราไม่เพียงพอ เราจะต้องรู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ถ้ามีความต้องการเพราะมีปัญหาเรื่องนี้ เราผลิตสินค้าออกมาขายช่วยแก้ปัญหาเขาได้ในจุดนั้น เราก็ขายได้หมดตามหลัก Business Model Canvas (BMC) สิ่งที่ต้องทำก่อนเริ่มธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ” อาจารย์ณัฐพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
โฆษณา