4 ก.ย. 2023 เวลา 09:58 • ปรัชญา
โลกสวยกับโลกแง่ดีจริงๆแล้วแค่เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วเพราะฉะนั้นความหมายย่อมแตกต่างกัน
โลกสวย จริงๆไม่ใช่คำที่คาดโทษหรือพูดถึงโลกนี้ดีเกินกว่าที่มันเป็นอยู่ความเป็นจริงทำให้เรารู้สึกสับสนระหว่างการคิดบวกกับการเข้าใจชีวิตปัญหาก็คือโลกสวยนั้นเป็นอุดมคติไม่ใช่ทัศนคติมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้เหตุผลที่เข้าใจโลกอย่างแท้จริงและลึกซึ้งหากจะพูดว่าโลกนั้นสวยงามคุณจะต้องมีความเข้าใจต่อสังคมวัฒนธรรมประเพณีโดยที่ไม่อคติกับมันเลยไม่ว่าเราจะอยู่ฝั่งไหนหรือฝ่ายใดไม่มีความเห็นต่างและเห็นว่ามนุษย์นั้นมีความเท่าเทียมกัน
แน่นอนว่ามันจะต้องขัดกับความเป็นจริงเพราะว่ามันเป็นอุดมคติมันเป็นสิ่งที่อยู่ในความคิดที่อาจจะไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นมันจึงฟังดูดีมันจึงเป็นความคิดแบบโลกสวยซึ่งหากจะมองโลกแบบนี้จริงๆก็ไม่ได้ผิดอะไรกับส่งผลดีด้วยซ้ำเพราะมันทำให้เราไม่ได้รู้สึกแย่แม้ว่าเราจะถูกคนอื่นทำร้ายความรู้สึกหรือถูกโจมตีทางความคิดเราก็ยังเข้าใจว่านี่คือความแตกต่างและพวกเขามีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ตัวเราได้
เพราะฉะนั้นโลกสวยจึงเป็นคำที่เหมาะกับคนที่ต้องมีใจกว้างแล้วต้องฝึกจิตใจและความคิดมาเป็นอย่างดีก่อนที่จะมองโลกสวยได้หากเอามาใช้โดยที่ขาดวิจารณญาณหรือปัญญามากพอจิตใจของเราที่อ่อนแอไม่เข้มแข็งจริงแต่เอาคำที่ยิ่งใหญ่มาใช้มันอาจจะสร้างปัญหาให้มากกว่าเป็นผลดี
ต่อมาคือคำว่าโลกแง่ดี
คำนี้หมายถึงว่าการคิดบวกหรือการเพิ่มความคิดเห็นในทางที่ดีที่มีต่อปัญหาที่เกิดขึ้นรอบตัวการมองโลกแง่ดีก็เหมือนกับการพยายามหาข้อดีของสิ่งที่มันผิดพลาดหรือหาข้อดีในตัวของบุคคลต่างๆสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เกิดจากปัญญาและมุมมองในภาษาอังกฤษเรียกสิ่งนี้ว่า Minds
เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่เรียกว่าวิธีคิดมันค่อนข้างใช้คนละอย่างกับโลกสวยเพราะการมองโลกแง่ดีจะต้องมีพื้นฐานของความคิดที่ดีและมีจิตใจ หากเอาไปใช้ในทางที่ผิดและคิดว่าทุกคนนั้นไม่มีพิษมีภัยมันจะทำให้เรารู้สึกว่าการเป็นคนดีนั้นมันต้องเจ็บปวด
สรุป
ผมขออธิบายว่าการเป็นคนดีหรือการมองโลกแบบไหนก็ตามไม่ว่าจะทิศทางไหนการฝึกจิตใจยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้นเพราะฉะนั้นเราควรเข้าใจปัญหาของต่างๆอย่างถูกต้องบนความเป็นจริงไม่ใช่การหลอกตัวเองแล้วไม่ทำอะไรเลย
การหวังว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไขโดยที่ตัวเราไม่ทำอะไรเลยนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมองโลกสวยหรือมองโลกแง่ดีแต่หากเราไม่ลงมือทำอะไรเลยมันก็จะไม่แก้ปัญหาอะไรเลยเช่นกันและเราก็จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองหรือวิวัฒนาการเพื่อพัฒนาตัวเอง
สุดท้ายสิ่งที่จะต้องรู้ก็คือไม่ว่าจะเป็นโลกสวยหรือการมองโลกแง่ดีสิ่งหนึ่งที่สร้าง 2 อย่างนี้คนที่จะมีทักษะเหล่านี้ได้นั้นจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีความเข้าใจต่อความเป็นจริง ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ไม่โกหกตัวเองไม่หรอกตัวเองเพราะพื้นฐานของการเป็นคนดีนั้นคือการฝึกฝนปฏิบัติตนอดทนแบบไม่พร่ำเพรื่อ เพราะเรารู้ว่าเราจะเป็นใครทำอะไรไปไหน มันย่อมทำให้เรามีจุดหมายปลายทางที่จะไปและไม่เบียดเบียนใครไปทั่ว
เพราะเราเชื่อว่าชีวิตเราจะดีขึ้นจากการที่เรากำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ ผมจึงยังมองว่านี่ก็ยังคงเป็นแนวคิดที่ใช้ได้ดีแต่ผู้นำไปใช้ก็ควรจะมีทักษะมีความสามารถพอที่จะมีมันเป็นสกิลชีวิตด้วย
ขอบคุณครับ
โฆษณา