พึงเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า วิธีบีบจะใช้สำหรับกรณี "พนักงานเหลือขอ" จริงๆ เท่านั้น อย่าด่วนตัดสิน ว่าใจร้าย ว่าไร้มนุษยธรรม ใครที่กล่าวหา ก็อาจเป็นเพราะมิได้เคยผ่านประสบการณ์พบเจอ "เหลือขอ" มาก่อน นั่นเอง
ในฐานะอดีตผู้บริหารองค์กร และเจ้าของกิจการ เราพูดได้เลยว่า วิธีบีบลูกน้องให้ลาออก จะมีวิธีเดียวเท่านั้นคือ "ไม่ให้งาน ไม่มอบหมายงาน ห้ามใครก็ตามฝากงานให้ทำ หรือให้ช่วยงานแม้เล็กน้อย ห้ามการมอบหมายงาน ไม่ให้เข้าร่วมประชุมใดๆ ให้นั่งเฉยๆ" และวิธีเดียวกันนี้ ถูกใช้และให้คำปรึกษาในองค์กรทั้งเล็กและใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น ท้ายที่สุด พนักงานจะแพ้ภัยตัวเอง จนต้องเขียนใบลาออก หรือหนีหายขาดงานไปเฉยๆ ซึ่งไม่ว่าอย่างใด ก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ลงตัว และดีที่สุดสำหรับทั้งองค์กร และต่อตัวพนักงานเอง
แต่หากเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชามอบหมายงานให้คุณ จนคุณรู้สึกว่าหนักหนาเกินไป มันอาจแปลว่า คุณเองนั่นแหละ ที่ไม่เคยเอ่ยปากว่า มันหนักอย่างไร คุณอ่อนล้าขนาดไหน ไม่เคยสื่อสารปัญหาตรงไปตรงมา เมื่อมอบหมายแล้วก็ทำได้ทุกครั้งไป หัวหน้าหรือเจ้านายก็ไพล่คิดว่า คุณก็แค่บ่นกระปอดกระแปดไปตามประสามนุษย์เงินเดือนปกติ (คนเก่งอย่างขงเบ้ง จึงกระอักเลือดตาย ก่อนวัยเกษียณ)
ที่สำคัญกว่านั้น ความมากน้อยโหดหินของงาน ส่วนมากจะสัมพันธ์กับบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ ความรู้ความสามารถ ไหวพริบปฏิภาณ และผลตอบแทนที่คุณได้รับณ ขณะนั้น หลายครั้งพวกเรามักทึกทักไปเองว่า นี่คือการกลั่นแกล้ง หรือบีบให้ออก ทั้งที่หลายคน ไม่ทราบว่า คนที่ได้งานโหดหินหนักหน่วงอยู่คนเดียว เงินเดือนมากขนาดไหนแล้ว หรือถูกวางตัว ในแผนพัฒนาและทดแทนตำแหน่งไว้อย่างไร
ทั้งนี้ทั้งนั้น หัวหน้าก็มีหลายแบบหลายสไตล์
มีอุปนิสัย วิธีการในการกระจายและมอบหมายงาน
ไม่เหมือนกันเลย แต่พนักงานนั่นเอง
ที่ไม่เคยใช้บทบาทตนเองในการท้วงติง
หลายคนจึงตกอยู่ในภาวะจำยอม หรือทนทำไปอย่างนั้น
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
