14 ม.ค. เวลา 00:05 • ไลฟ์สไตล์

กะลาคนละใบ

ก่อนที่เราจะดูถูกหรือด้อยค่าคนอื่นว่าโง่กว่าเรา ให้เรามองดูตัวเองก่อน
เราทุกคนมีกะลาเป็นของตัวเอง กะลานั้นจะครอบ อัตตา ความรู้ ประสบการณ์ และความสำเร็จของเราเอาไว้
กะลาของแต่ละคนจะเล็กหรือใหญ่ จะกลมเกลี้ยงมันเงา หรือแตกบิ่นมีรอยร้าว ไม่เหมือนกัน
คนฉลาดใช่ว่าจะมีกะลาใหญ่กว่าคนโง่ คนหน้าตาดีใช่ว่าจะมีกะลารูปทรงสวยกลมมนกว่าคนขี้เหร่
เรามาจากกะลาคนละใบ เราจึงมีรากเหง้าพื้นเพ มีประสบการณ์และความรู้ที่แตกต่างกัน
คนที่คิดว่าตัวเองเก่ง ก็จะเก่งเต็มที่แค่ตามขนาดกะลาที่ตัวเองอยู่
เราว่าตัวเองเก่งแล้ว ย่อมมีคนเก่งกว่า
เราคิดว่าตัวเองทำดีแล้ว ก็ยังมีคนที่ทำได้เลิศกว่าเรา
เราคิดว่าเราสู้ได้ ก็ยังมีคนที่ทำให้เราแพ้ได้อยู่ดี
ในทุกสาขาอาชีพ ในทุกสถานะ ในทุกหนแห่ง
ถึงเราจะเป็นสุดยอด เป็นปรมาจารย์ในสิ่งที่เราทำ นั่นก็คือในด้านของเรา
เราไม่มีทางรู้ทุกสิ่งอย่างในโลกหรือดาวอังคารได้ทั้งหมด
จงออกจากกะลาของตัวเอง แล้วไปดูกะลาของชาวบ้านบ้างว่าเป็นยังไง
แล้วจะรู้ว่าแต่ละคนมีทางเดินที่แตกต่างกัน มีทางไปที่เราอาจจะคาดไม่ถึง
แล้วจะรู้ว่า ทั้งตัวเราหรือใครก็ตามที่โง่หรือฉลาดที่สุดนั้นไม่มีอยู่จริง
เราเก่งกันคนละด้าน เชี่ยวชาญกันคนละแบบ
คนที่ว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่มีอะไรดี แสดงว่ายังไม่ค้นพบตัวเอง
อยู่ในกะลาอาจรู้สึกปลอดภัยและสะดวกใจที่ได้เป็นตัวเอง
แต่การที่เรากล้าแง้มกะลาแล้วก้าวขาออกมา จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราหลุดพ้น
และรู้ว่าตัวเรานั้นเล็กพอที่ขนาดกะลายังครอบได้
ก่อนที่เราจะดูถูกหรือด้อยค่าคนอื่นว่าโง่กว่าเรา ให้เรามองดูตัวเองก่อน
เพราะเรามาจากกะลาคนละใบ
ไม่มีใครดีหรือใครโง่กว่าใคร แค่เก่งกันคนละทางเชี่ยวชาญกันคนละอย่าง
โฆษณา