Mrs. Harris Goes to Paris: 2023
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ปลายของยุค 1950 เมื่อนาง เอดา แฮริส (Leslie Manville) หญิงหม้ายสูงวัยชนชั้นแรงงานตัวคนเดียวอาชีพรับจ้างทำความสะอาดบ้านได้เห็นชุดราตรีอันงดงามเฉิดฉายที่ปักด้วยเลื่อมประดับค้วยดอกไม้ที่ทำจากผ้าไหมและลูกไม้ ชุด Ravissante ของดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกชาวฝรั่งเศส คริสเตียน ดิออร์ในตู้เสื้อผ้าของนายจ้างสตรีผู้ร่ำรวย เธอหลงรักและไฝ่ฝันอยากได้ชุดแบบเดียวกันนั้นมาครอบครอง
เอดา ทำงานหลายกะหลายที่ อดออมเก็บเล็กผสมน้อยเพื่อหวังจะได้บินไปซื้อชุดอันงามล้ำเลิศที่ร้านหรูหราใจกลางกรุงปารีส เธอมุ่งมั่นจะทำตามฝันให้จงได้ ถึงกับเทเงินที่หามาได้เกือบทั้งหมดลงในการพนันเพื่อหวังจะได้เงินเพียงพอกับการเดินทาง แม้ว่าเพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอจะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่อาจทัดทานได้ สุดท้ายก็ต้องสูญเสียเงินทั้งหมดไป ความหวังที่จะทำตามฝันเกือบพังทลาย แต่แล้วเธอก็ได้รับเงินบำนาญก้อนหนึ่งจากการเสียชีวิตของสามีในสมรภูมิรบ ซึ่งเพียงพอสำหรับแค่การเดินทางไปปารีสและค่าชุดเพียงเท่านั้น
ครั้งแรกที่เธอเดินทางออกนอกประเทศและครั้งแรกที่เธอเดินทางโดยเครื่องบิน แม้จิตใจจะประหวั่นพรั่นพรึงด้วยความกลัวเพียงใด เธอก็ยังไม่ย่อท้อที่จะทำฝันให้เป็นจริง
เอดา อาศัยนอนบนม้านั่งที่พักผู้โดยสารที่สถานีรถไฟและเดินตรงเข้าไปในร้านอันหรูหราของคริสเตียน ดิออร์ในตอนเช้า ซึ่ง ณ วันนั้นมีการจัดแสดงแฟชั่นโชว์เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ มีลูกค้าล้วนแต่เป็นผู้มีชื่อเสียงและชนชั้นบรรดาศักดิ์ในสังคมชั้นสูง ผู้จัดการร้านจึงพยายามไล่หญิงต่างชาติที่ดูซอมซ่อคนนี้ให้ออกไปจากร้าน โชคช่วยที่ท่านมาควิส พ่อหม้ายสูงศักดิ์ผู้ร่ำรวยเมตตาช่วยให้เธอได้เข้าไปนั่งชมการแสดงชุดเคียงข้างกับเขา อันสร้างความหวังที่จะได้พบรักโรแมนติกขึ้นในใจของเธอ
ปารีส นครแห่งแสงสี มีทั้งความงดงามของศิลป วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม เอดาชื่นชมกับทิวทัศน์ของเมือง ประตูชัย หอไอเฟล แต่ในขณะเดียวกัน ท้องถนนและทางเดินเท้ากลับสกปรกเต็มไปด้วยขยะเน่าเหม็น อันเนื่องมาจากการประท้วงหยุดงานของสหภาพแรงงาน
เนื่องจากความใจดีมีอัธยาศัยใส่ใจในเพื่อนมนุษย์ เธอจึงได้ทำความรู้จักกับพนักงานหลายคนที่ทำงานอยู่ในห้องเสื้อหรูหราแห่งนี้ ทั้ง อังเดร (Lucas Bravo หนุ่มหล่อชาวฝรั่งเศสจากซีรี่ย์ดัง เอมิลี่อินปารีส)ชายหนุ่มนักบัญชีผู้โอบอ้อมอารี นาตาชา (Alba Baptista)นางแบบคนสวย(นางเป็นแฟนของคริสต์ อีแวน พระเอกกัปตันอเมริกา รูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับ ออเดร แฮปเบิร์น นางเอกชื่อดังในยุค 50 อย่างยิ่ง)ที่มีอีกตัวตนเป็นนักอ่านที่สนใจปรัชญา ตลอดจนพนักงานในห้องตัดเย็บ
เอดาค้นพบว่าแม้เธอจะมีเงินพอที่จะจ่ายค่าชุดในฝัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ครอบครองมัน เธอได้เรียนรู้ถึงความลำบากยากเย็นของขั้นตอนในการสรรสร้างโอตกูตูร์แต่ละชุดให้ออกมางดงามล้ำเลิศเป็นที่ถูกใจของบรรดาลูกค้าไฮโซที่เอาใจยากยิ่ง
บรรยากาศของหนังทำได้แนบเนียนจนแทบจะลืมไปว่านี่เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นใหม่ ทั้งท้องถนน อาคารทั้งภายนอกและภายใน สีสันทุกอย่างตลอดจนตัวหนังสือก็เป็นฟ้อนท์ที่นิยมใช้ในภาพยนต์ในยุคนั้น คล้ายๆกับว่าเราย้อนกลับไปดูหนังเรื่องโรมรำลึก Roman Holiday หรือ นงเยาว์นิวยอร์ก Breakfast at Tiffany's อย่างไรอย่างนั้น
ฉากแฟชั่นโชว์ที่เอดาได้เข้าไปร่วมชมเพื่อเลือกซื้อชุดของเธอเรียกได้ว่าเกือบเป็น Doccumentary ชุดที่เป็นซิกเนเจอร์ของดิออร์ เปิดตัวด้วย Bar Jacket กับ Corolle skirt ที่เรียกกันในสมัยนั้นว่า นิวลุค “The New Look” เรียงกันออกมาก็ล้วนแล้วแต่ชุดที่เป็นที่สุดของดิออร์ทั้งนั้น
ทั้งนี้ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย Jenny Beavan เจ้าของรางวัลออสการ์สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมสามรางวัลจากเรื่อง A Room with a View ปี 1987, Mad Max: Fury Road ปี 2016 และล่าสุด Cruella (ครูเอลล่า) ในปี 2022 ได้รับความร่วมมือจากสถาบันดิออร์ให้ข้อมูลและให้ยืมชุดพร้อมพร้อปต่างๆเพื่อความสมจริง
หนังสร้างจากนิยายขายดีของ Paul William Gallino นักเขียนชาวอเมริกัน ความยาว115 นาที กำกับโดย Anthony Fabian ผู้กำกับภาพยนต์ชาวอังกฤษ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำปี2023 สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมและได้รับการนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในสาขาออกแบบเครื่องแต่งกายทั้งเวทีตุ๊กตาตาทองออสการ์และเวทีบริติชอะคาเดมี่
#HBOmax
#HBO
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
