Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Anuj
•
ติดตาม
5 ก.ย. 2023 เวลา 01:55 • ปรัชญา
ปัญญาเบื้องต้นของจักรวาลนี้
ตามคติพุทธ เรื่องสามารถเล่าได้ดังนี้ว่า ปัญญาเบื้องต้นของจักรวาลนี้มีอยู่ 3 ประ การได้แก่
1) สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาข้อนี้ มีหลักอยู่ 3 ประการได้แก่ ก) หลักการมีเหตุผล เมื่อสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด เมื่อสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ข) หลักการสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกัน หรือหลักแห่งวิวัฒนาการ ค) หลักแห่งการไม่ย้อนกลับของเวลา เมื่อสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแล้ว ย่อมนำไปสู่ความดับ และการเกิดใหม่ (ถ้ามี) ตามเหตุปัจจัยของมัน
2) อุปทานขันธ์ทั้ง 5 เป็นตัวทุกข์ ความทุกข์ของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายมีอยู่มาก แต่พื้นฐานแล้วเกิดจากการยึดมั่นในขันธ์ทั้ง 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ เหล่านี้ ว่าเกิดแล้วไม่จำเป็นต้องดับ เราสามารถยืดเวลาหรือควบคุมให้เป็นไปตามใจประสงค์ได้
3) สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งที่มีการปรุงแต่งและไม่มีการปรุงแต่งล้วนเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน หลักอนัตตานั้น กล่าวอย่างสรุปคือ ก) สิ่งทั้งหลายมีแนวโน้มไปสู่ความดับ ข) สิ่งทั้งหลายสัมพันธ์กันและเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน ไม่มีการสร้างและผู้สร้างที่เป็นตัวตน ค) สิ่งทั้งหลายไม่มีจุดประสงค์ที่เที่ยงแท้ถาวรอันใด ง) สิ่งทั้งหลายควบคุมได้ยากหรือไม่ได้ ไม่เป็นไปตามความต้องการของเรา
ปัญญาของจักรวาลทั้ง 3 ประการนี้ซึมซ่านไปทั่ว และปรากฏตัวเองทุกแห่งในจักรวาลนี้ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังเปล่งแสง เพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่าย แต่การสังเกตเห็นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
การสังเกตเห็นปัญญาของจักรวาลนี้ต้องอาศัยเงื่อนไข2 อย่างด้วยกันคือ ข้อแรกผู้รู้หรือผู้สังเกตต้องมีวิวัฒนาการการรับรู้จนถึงขั้นเกิดมีอายตนะภายใน 6 ประการ ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ คือสมองและระบบประสาททั้งหมด ในระบบสุริยะนี้ก็มีแต่เพียงมนุษย์บนโลกนี้ที่พัฒนาการถึงขั้นนี้ สิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์อื่น เช่นดาวอังคาร ถ้าหากมีก็อยู่ในขั้นเพียงสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
ในข้อต่อมา มนุษย์ก็มิได้มีวิวัฒนาการถึงขั้นสมบูรณ์ มีปัญญาเต็มที่ หากอยู่ในขั้นสุกๆดิบๆ มีทั้งความรู้และความไม่รู้ผสมกันไป เป็นไปได้ว่ามนุษย์สามารถเห็นปัญญาเบื้องต้นของจักรวาลนี้นับเป็นหมื่นปีมาแล้ว แต่ความไม่รู้ได้มาบดบัด จนเกิดความลังเลและโลเลในใจขึ้น
ความลังเลนี้เป็นเสมือนมารที่คอยขัดขวางไม่ให้มนุษย์มองเห็นปัญญาของจักรวาลนี้ ปัญญาดังกล่าวจึงจำกัดอยู่ในหมู่คนไม่มากนัก
มารได้กล่าวแก่ผู้คนทั้งหลายว่า “พวกท่านอย่าได้เชื่อตามปัญญาเหล่านั้นเลย นั่นเป็นสิ่งธรรมดาสามัญ มนุษย์ย่อมคู่ควรกับสิ่งวิเศษ ความพิเศษเหนือกว่าใคร เรามาสร้างความพิเศษที่ทุกคนต้องตะลึงและกล่าวถึงกันดีกว่า”
มนุษย์ส่วนใหญ่เห็นตาม สร้างความรู้ลึกไปถึงขอบจักรวาล เล็กลงไปถึงอนุภาคและอะตอม สร้างจักรวรรดิและเมืองใหญ่ที่สวยงามตระการตา สร้างความสะดวกสบายเหมือนอยู่ในสวรรค์
แต่ปัญญาของจักรวาลนี้ก็ไม่ได้ยอมแพ้ ยังคงส่องแสงแก่ผู้คน ที่ได้เริ่มเห็นความไม่แน่นอน ความเสี่ยง และอันตรายสูงขึ้นทุกที เป็นความวิเศษที่ก่อความทุกข์รุนแรงมาก
ผู้คนจึงได้กล่าวแก่มารว่า “เราทำตามที่ท่านกล่าวเป็นหมื่นปีแล้ว สร้างความวิเศษขึ้นมากมาย ไม่มีสัตว์ใดหรือคนรุ่นก่อนเทียบเท่า แต่เราก็รู้สึกเหมือนใกล้การล่มสลายลงทุกที ป่าเขาแม่น้ำก็ถูกทำลายไป สัตว์พืชจำนวนมากต่างสูญพันธ์ุ ความเหงาความแตกแยกเข้ามาครอบงำสังคม ความซึมเซาครอบงำเศรษฐกิจ ความไม่ชอบธรรมและไม่เป็นธรรมครอบงำการเมือง เราควรจะหยุดได้แล้ว”
มารตอบว่า “อย่าเพิ่งหยุดเลย พวกท่านจงไปต่อ ยังมีอวกาศกว้างใหญ่ที่ท่านต้องพิชิต ดวงจันทร์และดาวอังคารที่ท่านต้องไปตั้งอาณานิคม”
ทุกวันนี้ปัญญาเบื้องต้นแห่งจักรวาลยังคงทอแสง รอให้บุคคลและผู้มนุษย์ทั้งเปิดใจและปัญญายอมรับเท่านั้น
ภาพประกอบบทความโดย กันต์รพี โชคไพบูลย์
ปรัชญา
ความคิดเห็น
พุทธศาสนา
บันทึก
2
3
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย