[Dime!] ซีรีส์หุ้นอเมริกา 100 เด้ง Eli Lilly บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

Dime!

ยืนยันแล้ว

•

5 ก.ย. 2023 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ซีรีส์หุ้นอเมริกา 100 เด้ง

Eli Lilly บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

102 เท่า ภายในระยะเวลา 38 ปี

📈 คือมูลค่าเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นมา ถ้าเราลงทุนในหุ้น Eli Lilly หรือ LLY

ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2528 จนถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2566

💊 Eli Lilly เป็นบริษัทยาที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าถึง 18.2 ล้านล้านบาท

ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ประกอบด้วย ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคมะเร็ง ปากกาลดน้ำหนัก

ยารักษาโรคซึมเศร้า และยารักษาโรคจิตเวช

📊 โดย Top 3 ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด ในช่วง 6 เดือนแรก ของปี 2566

1.ยารักษาโรคเบาหวาน Dulaglutide สัดส่วน 25 % ของรายได้ทั้งหมด

2.ยารักษามะเร็งเต้านม Abemaciclib สัดส่วน 11 % ของรายได้ทั้งหมด

3.ปากกาลดน้ำหนัก ยี่ห้อ Mounjaro สัดส่วน 10 % ของรายได้ทั้งหมด

โดยมีสัดส่วนรายได้จากสหรัฐอเมริกา 65 % และประเทศอื่นๆทั่วโลก 35 %

📈 เส้นทางสู่การเติบโต 100 เด้ง

👨🏼‍⚕️ บริษัทยาแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2419 โดยพันเอก Eli Lilly นักเคมีและอดีตทหารในสงครามกลางเมืองอเมริกัน โดยเริ่มจากการเปิดร้านขายยา พัฒนามาสู่การเป็นบริษัทผลิตยา

โดย Eli Lilly เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนายารักษาโรคมากมาย

ทั้งการพัฒนายาฉีดอินซูลินตัวแรกของโลก ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

เป็นผู้พัฒนาการผลิตวัคซีนโปลิโอ ในปี 2498

และเป็นผู้พัฒนายารักษาโรคซึมเศร้าและโรคจิตเวชหลายตัว ในช่วงปี 2529

ซึ่งมูลค่าหุ้นของบริษัท Eli Lilly ก็เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ นับตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กตั้งแต่ปี 2495

แต่การเติบโตอย่างโดดเด่น เกิดขึ้นในช่วงหลังปี 2553 เป็นต้นมา

โดยปกติแล้ว เหตุผลหลักในการเติบโตของบริษัทยา จะขึ้นอยู่กับการได้รับอนุมัติให้จำหน่ายยา จากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ

โดยบริษัท Eli Lilly มียา 2 ตัวที่ได้รับอนุมัติ และมีผลต่อการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

💊 1. การอนุมัติยารักษาโรคเบาหวาน Dulaglutide ในปี 2557

ยา Dulaglutide เป็นยาในกลุ่ม GLP-1ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายกับฮอร์โมนจากลำไส้เล็ก

ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งจะมีน้อยในผู้ป่วยโรคเบาหวานนอกจากนี้ยังลดความอยากอาหาร กินอาหารน้อยลงซึ่งนอกจากจะใช้รักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานแล้ว มีการต่อยอดมาสู่การรักษาภาวะน้ำหนักเกินด้วย

💉 2. การอนุมัติปากกาลดน้ำหนักยี่ห้อ Mounjaro ซึ่งมีตัวยา Tirzepatide ในปี 2565

Tirzepatide เป็นยาที่มีประสิทธิภาพดีกว่ายากลุ่ม GLP-1 ดั้งเดิม

นอกจากกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินแล้ว ยังยับยั้งการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ลดความอยากอาหาร

ทำให้น้ำหนักตัวลดลง จึงมีการต่อยอดมาสู่การรักษาภาวะน้ำหนักเกิน

โดยผลงานวิจัยพบประสิทธิภาพการลดน้ำหนักเมื่อใช้ยา Tirzepatide สามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 20% จากน้ำหนักตั้งต้น หรือประมาณ 24 กิโลกรัม จาก 105 กิโลกรัม และผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง นับเป็นจุดเริ่มต้นของแนวทางใหม่ในการรักษาภาวะน้ำหนักเกิน

โดยหลังจากได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯให้จำหน่ายได้ในเดือนพฤษภาคม ปี 2565

สัดส่วนของยอดขายของปากกา Mounjaro ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 2 ของบริษัท ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2566

📊 การเติบโตในช่วง 5 ปีย้อนหลัง (2561 - 2565)

รายได้ เติบโตเฉลี่ยปีละ 4.9 %

กำไร เติบโตเฉลี่ยปีละ 28.9 %

มูลค่าบริษัท เติบโตเฉลี่ยปีละ 31.6 %

📈 โอกาสของการเติบโตหลังจากนี้

🍭 1.จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100 ล้านคน จนอยู่ที่ราวๆ 673 ล้านคนในปี 2573

ซึ่ง Precedence Research หน่วยวิจัยการตลาด ได้คาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดของยารักษาโรคเบาหวาน

ในสหรัฐอเมริกา จะอยู่ที่ 2.2 ล้านล้านบาท ในปี 2573 เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากมูลค่าตลาดในปี 2564

🫃 2.จำนวนผู้ที่มีน้ำหนักเกินมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

World Obesity Foundation คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินทั่วโลกจะมีจำนวนมากถึง 1,000 ล้านคน ในปี 2573 ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 6 ของประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วโลก

ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัย ล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญ ที่ผลักดันให้มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อผลิตภัณฑ์หลักของ Eli Lilly มากกว่า 50 % ก็มาจากยารักษาโรคเบาหวาน และรักษาผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต

🚧 ความเสี่ยงของการเติบโต

สำหรับความเสี่ยงของบริษัทยา สิ่งที่น่าติดตามมากที่สุด คือ ผลข้างเคียงที่เกิดจากยา ถึงแม้ยาจะได้รับอนุมัติจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯแล้ว แต่ก็ยังคงมีการติดตามผลข้างเคียงจากยาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายร้ายแรง ย่อมส่งผลให้การจำหน่ายยามีปัญหา และกระทบกับรายได้ของบริษัทได้

นอกจากนี้ ด้วยขนาดตลาดที่ใหญ่ และมีแนวโน้มเติบโต ก็ย่อมดึงดูดให้บริษัทยายักษ์ใหญ่ทั่วโลก ก้าวเข้ามาแข่งขันวิจัยและพัฒนายารักษาโรคเบาหวาน และรักษาภาวะน้ำหนักเกิน

ก็ต้องติดตามต่อไปว่า Eli Lilly จะพัฒนายาตัวใหม่ ๆ และคงความเป็นบริษัทยาอันดับหนึ่งของโลกต่อไปได้หรือไม่

แต่จากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานักลงทุนคงมองว่า หนทางการเติบโตของบริษัทนี้ ยังมีอีกยาวไกลเลยทีเดียว..

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น โดยไม่ถือว่าเป็นการให้คำแนะนำด้านการลงทุน บทวิเคราะห์ หรือการเสนอขายแต่อย่างใด ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ผลการดำเนินงานในอดีต / ผลการเปรียบเทียบ ผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิไดเป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

มูลค่าบริษัท ณ วันที่ 23 สิงหาคม 2566

════════════════════

#เพราะการเงินเป็นเรื่องของทุกคน

════════════════════

Dime! เปลี่ยนเรื่องเงินให้เป็นเรื่องสนุก เพื่อความสุขอย่างเท่าเทียมของทุกคน

บริษัทหลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน Dime! ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงาน ก.ล.ต. ใบอนุญาตเลขที่ ลก-0007-02

ติดตามเราในช่องทางต่าง ๆ ได้ที่

Facebook - https://www.facebook.com/dimeinvest

Instagram - https://www.instagram.com/dime.finance

Twitter - https://twitter.com/dimefinance

TikTok - https://www.tiktok.com/@dime.finance