• CONTACT LENS AND SPECTACLES ความแตกต่างของคอนแทคเลนส์และแว่นตา

ในการแก้ไขความผิดปกติของการมองเห็นนั้น ปัจจุบันมีทางเลือกในการแก้ไขอยู่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การใช้แว่นตา การใช้คอนแทคเลนส์ จนไปถึงการผ่าตัดเพื่อรักษา โดยแต่ละวิธีนั้น ก็จะมีความเหมาะสมกับเคสแต่ละเคสที่แตกต่างกันไป ในวันนี้ขอมาพูดถึงเพียงเรื่องของแว่นตาและคอนแทคเลนส์ ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของทัศนมาตร ที่จะต้องรู้และสามารถแนะนำให้กับคนไข้ได้เข้าใจถึงความแตกต่างของการใช้งานระหว่างแว่นตากับคอนแทคเลนส์ได้
แว่นและคอนแทคเลนส์ ล้วนมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ในบทความนี้ ตั้งใจมาเขียนอธิบายถึงความแตกต่างของการใช้แว่นตาและคอนแทคเลนส์แบบละเอียดให้กับทุกคนได้อ่านกัน สิ่งสำคัญที่ควรรู้และควรทำความเข้าใจ มีอยู่ทั้งหมด 8 ข้อด้วยกัน คือ
• Field of view : ขอบเขตการมองเห็น
• Image magnification : ขนาดของภาพ
• Optical aberrations : ภาพบิดเบือนด้านข้าง
• Diplopia and binocular vision : ภาพซ้อนที่เกิดจากขนาดภาพต่างกัน
• Prismatic effect : ผลกระทบของปริซึม
• Accommodation : การเพ่ง
• Cosmetic : ความสวยงาม
• Care : การดูแลรักษา
• Field of view : ขอบเขตการมองเห็น
Contact lens : ไม่จำกัดขอบเขตการมองเห็น เนื่องจากแผ่นของ Contact lens จะแนบติดไปกับดวงตาในขณะที่มีการกลอกตาหรือมองไปยังตำแหน่งต่างๆ Contact lens ก็จะเคลื่อนที่ตามไปด้วย ทำให้มีขอบเขตการมองเห็นที่กว้าง
Spectacles : เลนส์แว่นตาจะมีตำแหน่งบริเวณ Optical Center เมื่อมองผ่านแล้วจะเป็นค่าสายตาของเราจริงๆและไม่มี Aberration หรือภาพบิดเบือนต่างๆมารบกวน แต่ถ้าเรามองผ่านตำแหน่งนอกเหนือจากบริเวณ Optical Center นี้ก็จะพบกับ Aberration ตามมา
เนื่องจากแว่นตา จะมีระยะห่างระหว่างกระจกตาและแผ่นเลนส์ อยู่ที่ประมาณ 13 มิลลิเมตร แผ่นเลนส์วางอยู่ด้านหน้าดวงตาในตำแหน่งเดิม ในขณะที่มีการกลอกตาและมองไปยังตำแหน่งต่างๆเพียงไม่กี่องศา ก็อาจทำให้ตำแหน่งการมองหลุดออกจากตำแหน่ง Optical Center ทำให้ง่ายต่อการเจอกับ Aberration หรือภาพบิดเบือนที่เกิดจากโครงสร้างของเลนส์ได้ ขอบเขตการมองเห็นจึงน้อยกว่าการใช้ Contact Lens
อย่างไรก็ตามการใส่ CL ขนาดที่ไม่พอดีหรือเลือกใช้ Base curve ที่ไม่พอดีกับดวงตาก็มีผลทำให้การมองเห็นลดลง รวมถึงการใช้คอนแทคเลนส์แบบแข็งหรือ หรือ Rigid Contact Lens ที่มีขนาดเล็ก มีผลทำให้เกิด Glare หรือแสงสะท้อนที่เกิดจากการหักเหแสงบริเวณขอบของเลนส์ได้
• Image magnification : ขนาดของภาพ
ขนาดของภาพที่เห็นผ่านคอนแทคเลนส์จะมีความใกล้เคียงกับขนาดของวัตถุจริงมากกว่าการมองผ่านเลนส์แว่นตา
เนื่องจากคอนแทคเลนส์มี Vertex Distance หรือระยะห่างของกระจกตากับเลนส์ ที่เป็น 0
ส่วนแว่นตามี Vertex Distance หรือระยะห่างของกระจกตากับเลนส์อยู่ที่ประมาณ 13 มิลลิเมตร รวมถึงการหักเหของแสงผ่านวัสดุที่ใช้ทำเลนส์
จึงทำให้ในคนที่เป็นสายตาสั้น เมื่อมองผ่านเลนส์เว้าที่ใช้แก้ไขค่าสายตานั้น จะมีผลทำให้ภาพที่เห็นมีขนาดเล็กลงกว่าขนาดจริง และในคนที่เป็นสายตายาว เมื่อมองผ่านเลนส์นูนที่ใช้แก้ไขค่าสายตายาวนั้น จะมองเห็นภาพที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดจริง
ดังนั้นคนที่เปลี่ยนจากการใส่แว่น มาเป็น คอนแทคเลนส์ ในคนที่มีปัญหาสายตาสั้น จะรู้สึกว่าภาพมีขนาดใหญ่ขึ้น และในคนที่มีปัญหาสายตายาวใส่คอนแทคเลนส์แล้วจะรู้สึกว่าภาพมีขนาดเล็กลงกว่าปกติ
• Optical aberrations: ภาพบิดเบือนด้านข้าง
ในคนที่ใช้ Contact Lens จะไม่ค่อยพบกับปัญหา Aberration หรือภาพบิดเบือน เนื่องจากแผ่นของคอนแทคเลนส์นั้นจะแนบติดไปกับกระจกตาทำให้มีการมองผ่านบริเวณ Center เสมอจึงไม่เกิดปัญหาในการมองผ่านบริเวณขอบของเลนส์
แต่ในคนที่ใช้แว่นตา แผ่นเลนส์แว่นตาไม่สามารถ Move ไปตามการกลอกตาเหมือนคอนแทคเลนส์ได้ ทำให้ขณะที่คนไข้มีการกลอกตามองวัตถุ เกิดการโฟกัสภาพที่ไม่ตรงกับตำแหน่ง Optical center จึงเห็นเป็น Aberration หรือภาพบิดเบือนต่างๆได้
• Diplopia and binocular vision: ภาพซ้อนที่เกิดจากขนาดภาพต่างกัน
คอนแทคเลนส์ช่วยลดปัญหาภาพซ้อนและปัญหา Binocular vision ในคนที่มีปัญหาค่าสายตาของตาทั้งสองข้างแตกต่างกัน หรือ Anisometropia เนื่องจากการมองภาพผ่านคอนแทคเลนส์จะทำให้มองเห็นภาพที่มีขนาดคล้ายกับขนาดของวัตถุจริง ทำให้ความแตกต่างของขนาดภาพน้อยลง
• Prismatic effect: ผลกระทบของปริซึม
Concave Lens หรือเลนส์เว้าที่ช่วยแก้ไขปัญหาสายตาสั้น จะมีลักษณะคล้ายกับการเอายอดหรือ Apex ของปริซึมมาต่อกัน
Convex Lens หรือเลนส์นูนที่ช่วยแก้ไขปัญหาสายตายาว จะมีลักษณะคล้ายกับการเอาฐานหรือ Base ของปริซึมมาต่อกัน
สำหรับคนที่ใส่แว่นตา ถ้าตำแหน่งตาของเราตรงกับตำแหน่งของ Optical center ของเลนส์เราจะมองอยู่ในตำแหน่งที่ค่าปริซึม เท่ากับ ศูนย์
แต่เมื่อ Optical center ไม่ตรงกับตำแหน่งตาดำ ทำให้ภาพที่เรามองเห็นเหมือนกับการมองผ่านปริซึมนั่นเรียกว่า Prism effect สามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่
ซึ่งปัญหานี้จะไม่เกิดกับคนไข้ที่ใช้คอนแทคเลนส์เนื่องจากคอนแทคเลนส์จะ move ไปตามการกลอกตาจึงสามารถมองเห็นภาพผ่านบริเวณ center ของเลนส์เสมอ
ในคนไข้สายตาสั้นที่ใส่แว่น เมื่อตาเหลือบมองในระยะที่ใกล้มากขึ้นทำให้ดวงตามองผ่านเลนส์บริเวณที่มี Prism Base In ซึ่งมีผลกระตุ้นให้ตาเกิดการ Divergence หรือการเหลือบตาออก และ Relaxaccommodation
ในคนไข้สายตายาว ( Hyperopia ) ที่ใส่แว่น เมื่อเหลือบตามองวัตถุในระยะใกล้จะทำให้ดวงตามองผ่านบริเวณที่เป็น Prism Base Out ซึ่งมีผลกระตุ้นให้ตาเกิดการ Convergence หรือการเหลือบตาเข้า และ การ Accommodation
โดยจะพูดรายละเอียดในหัวข้อถัดไป
• Accommodation: การเพ่ง
ในคนไข้ที่เคยใส่แว่นและเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์ หรือเคยใส่คอนแทคเลนส์เป็นปกติแต่ต้องการเปลี่ยนมาใส่แว่นตา การ Accommodation และ การ Convergence หรือเหลือบตาเข้าจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบเล็กน้อยหรือมากพอที่จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้
คนไข้สายตาสั้นที่สวมแว่น แล้วมองวัตถุในระยะใกล้ ดวงตาจะได้รับผลกระทบจากการมองผ่าน Prism Base IN ที่มีผลในการกระตุ้น Divergence และ Relaxaccommodation ทำให้ตามีการ Accommodation และ Convergence น้อยลง
ดังนั้นในคนสายตาสั้นที่มีปัญหา Presbyopia ที่ความสามารถในการเพ่งของเลนส์ตาน้อยลง เวลาใส่แว่นจะรู้สึกสบายตามากกว่าการใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากการใส่คอนแทคเลนส์จะไม่มีผลจากการช่วยลดการเพ่งจาก Prism Base IN คนไข้จะรู้สึกว่าต้องเพ่งมากกว่าและเกิดปัญหา Asthenopia ตามมาได้
ในคนที่มีปัญหาสายตายาว หรือ Hyperopia แล้วสวมแว่น เมื่อมองวัตถุในระยะใกล้ ดวงตาจะมองผ่านตำแหน่งที่เป็น Prism Base Out
มีผลทำให้เกิดการกระตุ้นการทำงานของ Accommodation และ การ Convergence ทำให้ดวงตาต้องทำการ Accommodation และ convergence เพิ่มมากขึ้น
ในคนที่มีสายตายาว แล้วมีปัญหา Presbyopia ร่วมด้วย เมื่อมองใกล้จะรู้สึกว่า ใส่คอนแทคเลนส์จะรู้สึกสบายตากว่าการใส่แว่นตา เนื่องจากไม่มีปัญหาที่เกิดจากการมองผ่าน Prism Base Out ที่กระตุ้นการทำงานของ Accommodation และ Convergence คนไข้จึงรู้สึกว่าเพ่งน้อยกว่า และสบายตากว่า
• Cosmetic: ความสวยงาม
 
คอนแทคเลนส์ ช่วยเพิ่มความสวยงามและความมั่นใจให้กับคนที่มีค่าสายตาสูงๆ เนื่องจากในคนที่มีค่าสายตาสูงๆ เลนส์ในการทำแว่นตาจะมีความหนาและหนักกว่า ทำให้มีผลในเรื่องของความสวยงามและบุคลิกภาพได้
• Care : การดูแลรักษา
 
Contact Lens : มีการดูแลรักษาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมากกว่าแว่นตามาก เนื่องจากคอนแทคเลนส์จะแนบติดอยู่ในดวงตา ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ กระจกเป็นแผลและอักเสบได้ ดังนั้นการดูแลรักษาจะต้องคำนึงถึงในเรื่องของความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงระยะเวลาในการใส่ไม่ควรใส่นอนและใส่นานเกิน 8 - 9 ชั่วโมง
Glasses : การดูแลรักษาแว่นตาจะง่ายกว่าคอนแทคเลนส์ และใส่ได้ไม่จำกัดระยะเวลา เนื่องจากแว่นตาอยู่นอกดวงตาจึงไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อต่างๆ ดูแลรักษาโดยใช้วิธีล้างทำความสะอาดด้วยซันไลท์ เช็ดให้แห้ง ไม่ควรวางไว้ในบริเวณที่อุณหภูมิสูงนานๆ และใช้งานอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้กรอบและเลนส์ได้รับความเสียหาย
Content by : Worada Saraburin , O.D.
Ref : Textbook of Visual Science and Clinical Optometry
Theodore Grosveno Primary Care Optometry
นัดหมายเข้ารับบริการ : 065-949-9550
Facebook Page : Vorada Optometry
Website : vorada optometry
Location : 102 ม.2 ต. หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา 24190
สามารถจอดรถได้ที่บริเวณลานจอดรถวัดหัวสำโรง
โฆษณา