Work-Life Harmony แนวคิดผสานงานและชีวิตเข้าด้วยกัน
ขั้วตรงข้าม Work-Life Balance
“Work-Life Balance” คือ การมีเส้นแบ่งระหว่างเวลางานกับเวลาส่วนตัวอย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดสมดุล เมื่อทำงานก็ทำอย่างเต็มที่ ส่วนเวลาพักก็พักอย่างเต็มที่เช่นกัน
ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนใฝ่ฝัน แต่คนส่วนใหญ่กลับได้ Work ไร้ Balance มาแทน
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนั้น ลองทำความรู้จักกับการบาลานซ์ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า “Work-Life Harmony”
การบริหารเวลา แบบไม่จำเป็นต้องแยกเรื่องงาน และชีวิตส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน แต่สามารถรวมกันได้อย่างลงตัว แถมยังมีความสุขกับทั้งสองอย่างด้วย
เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยแล้วว่า ชีวิตที่เหมือนทำงานตลอดเวลา จะมีความสุขได้อย่างไร ?
ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
Work-Life Harmony ในบางครั้งถูกเรียกว่า “Work-Life Integration” หรือ “Work-Life Flow”
แม้จะใช้คำต่างกัน แต่ก็หมายถึงมุมมองที่ว่าเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวแยกออกจากกันได้ยาก และส่งผลกระทบถึงกันหมด เช่น หากเราใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อมาที่ทำงานก็จะมีความสุขไปด้วย
ดังนั้น ชีวิตและการทำงาน จึงสามารถทำควบคู่ไปด้วยกันอย่างมีความสุขได้
ซึ่งแนวคิดนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มเจ้าของธุรกิจ และผู้บริหารระดับสูง ที่มักจะผสมผสานงานที่ใช่กับชีวิตที่ชอบ จนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ยกตัวอย่าง คุณเจฟฟ์ เบโซส ผู้ก่อตั้ง Amazon
ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเขาไม่เชื่อใน Work-Life Balance
แต่เขาชอบ Work-Life Harmony มากกว่า
เพราะเขามองว่า ชั่วโมงในการทำงานต่อสัปดาห์หรือต่อเดือน มันยังไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สิ่งสำคัญก็คือ “พลังงานหรือพลังใจ” ของตัวเรามากกว่า
เช่น หากเขานอนหลับอย่างเพียงพอ 8 ชั่วโมง มันก็ส่งผลให้เช้าวันทำงานรู้สึกสดชื่น
เมื่อเขามีชีวิตที่ดี ก็จะส่งผลให้เขาเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เป็นเจ้านายที่ดี ทำงานได้อย่างกระฉับกระเฉง
หรือถ้าตัวเขามีความสุขกับการทำงาน รู้สึกว่ากำลังสร้างคุณค่าบางอย่างให้กับทีมและลูกค้า มันก็จะทำให้เขารู้สึกดี ภูมิใจในตัวเอง และมีความสุขมากขึ้น
และอีกคนหนึ่งอย่าง คุณสัตยา นาเดลลา CEO ของ Microsoft ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงเคล็ดลับที่ทำให้เขามีความสุขในการทำงานด้วยแนวคิด Work-Life Harmony
โดยเขาจะไม่แยกงานกับชีวิตส่วนตัวออกจากกัน แต่เปลี่ยนเป็นหาสมดุลระหว่างสิ่งที่ทำแล้วผ่อนคลายกับงานที่กำลังทำอยู่ ซึ่งมันช่วยสร้างพลังงาน และพลังใจที่ดีให้กับเขาได้
แต่สำหรับพนักงานประจำ หรือคนที่ไม่ใช่เจ้าของกิจการ จะจัดการชีวิตแบบ Work-Life Harmony ได้อย่างไร ?
ต้องบอกว่า ไม่ว่าเราจะทำงานประเภทไหน หรือมีตำแหน่งใดในองค์กร ก็สามารถบริหารชีวิตแบบ Work-Life Harmony ได้
สำหรับเทคนิคในการบริหารชีวิตแบบ Work-Life Harmony ได้อย่างมีความสุข ก็คือ
- จัดลำดับความสำคัญ มีเป้าหมายทั้งการทำงานและเรื่องส่วนตัว
วิธีนี้จะช่วยให้การทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งมีส่วนช่วยดึงศักยภาพออกมาได้ดีกว่า เพราะไม่มีเวลามาเป็นตัวกำหนด แต่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายแทน
- เน้นผลลัพธ์ มากกว่าเวลาทำงาน
วิธีนี้จะช่วยให้แต่ละคนสามารถจัดสรรกิจวัตรที่เหมาะกับจังหวะชีวิตของตนเองได้ เช่น บางคนอาจจะรู้สึกว่าสมองแล่นในตอนกลางคืน จึงอยากทำงานในเวลานั้น ทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพ แถมยังลดอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานอีกด้วย
- ชอบหรือหลงใหลในงานที่ทำ
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องมีความชอบ หลงใหลในงานที่กำลังทำ หรือสนุกจนไม่ได้รู้สึกว่า กำลังถูกสั่งให้ทำงาน
เพราะถ้ารู้สึกไม่ชอบงานที่ทำ หรือไม่ภูมิใจกับงาน จะกลายเป็นความรู้สึกที่ว่า เราต้องทรมานกับการทำงานตลอดเวลาแบบไม่ได้หยุดพักแทน
อย่างไรก็ตาม Work-Life Harmony เป็นเพียงแนวคิดหนึ่งเท่านั้น คงไม่มีอะไรเป็นสูตรสำเร็จตายตัว เพราะชีวิตของแต่ละคนมีเงื่อนไข และความพึงพอใจที่แตกต่างกัน
แต่ไม่ว่าเราจะเลือก Work-Life Harmony หรือ Work-Life Balance อาจไม่สำคัญเท่าการหา “งานที่รักให้เจอ”
เพราะไม่ว่าแนวคิดการบริหารจัดการชีวิตจะดีแค่ไหน หรือจะทำงานเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่หากทำงานที่ไม่ชอบ หรืองานที่ทำไม่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิต
นั่นก็ทำให้เรายากที่จะ “มีความสุขในการทำงาน” อยู่ดี..
Presented by กลุ่มบริษัทธนจิรากรุ๊ป เดินหน้าขยายธุรกิจหาญ เวลเนสแอนด์ฮอสพิทอลลิตี้ (HARNN Wellness & Hospitality) ครอบคลุมทั้งเวลเนสและสปาภายในประเทศและต่างประเทศในระดับ Regional สร้างให้แบรนด์ไทยเป็นที่รู้จักและสร้างความภูมิใจในระดับสากลรวมกว่า 16 สาขาทั่วภูมิภาค
#TANACHIRA #HARNN #SCapebyHARNN
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
