6 ก.ย. 2023 เวลา 23:16 • ท่องเที่ยว

เขตสงวนชีวมณฑล Little Rann of Kutch (LRK), India

Little Rann of Kutch (LRK).. เขตสงวนชีวมณฑล
เรามีโปรแกรมที่จะไปเที่ยวที่ Little Rann of Kutch (LRK) .. ที่พักของเราวันนี้ คือ The Royal Safari Camp .. Bajana, Gujarat ซึ่งเรามีข้อมูลว่า เป็นที่พักที่อยู่ใกล้กับ LRK เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งอยู่ภายใoภูมิทัศน์อันเขียวชอุ่มของ Surendranagar มีสระว่ายน้ำในสถานที่ สนามหญ้าอันเขียวชอุ่ม และร้านอาหาร (ที่แปลกคือ ในเว๊ปไซด์ของที่บอกว่า ไม่รับหญิง-ชายที่มาด้วยกัน แต่ยังไม่แต่งงาน? รวมถึงเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี?)
เรามาถึง Royal Safari Camp ในเวลาพลบค่ำ ..
ฉันชอบล๊อปบี้ของที่นี่ ทำให้นึกถึงส่วนต้อนรับของที่พักเมื่อครั้งไปเยือน มอร๊อคโค ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกระท่อม (ที่หรูๆของอัฟริกา) ชอบการตกแต่งในสไตล์ชนเผ่า นำผ้าของคนพื้นเมืองมาตกแต่งเป็นม่าน .. ชอบเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งอื่นๆ
ห้องพักของที่นี่แยกเป็นหลังๆ ขนาดของห้องค่อนข้างสะอาด และมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานครบ .. การบริการของพนักงานค่อนข้างดีในการช่วยเหลือ เพื่อให้แขกที่มาพักสบายใจ
บางทีบางครั้งเราก็ไม่ต้องการห้องหรูหรา .. ห้องเพียงไม่กี่จารางเมตรก็สามารถสร้างความประทับใจ ถ้าช่วงเวลาและสถานที่เอื้ออำนวยต่อความสุข
ห้องอาหารในสถานที่ .. ตกแต่งสวยถูกใจ ไม่เรียบจนเกินไป ดูมีคลาสอยู่ในที ให้บริการอาหารที่หลากหลาย ที่ดีที่สุด คือ ยอมให้ไกด์ของเราใช้ครัวในการทำอาหาร 2-3 อย่างที่เตรียมมาจากเมืองไทย เพื่อบริการลูกทัวร์ที่กำลังเซ็งกับอาหารแบบ Pure Veg.
คงามเงียบสงบ อากาศดีๆ ทำให้คืนนี้เรานอนอย่างเป็นสุข
ช่วงเช้า ฉันออกมาเดินชมพื้นที่ของ Royal Safari Camp .. พื้นที่โดยรวมกว้างขวางมากค่ะ .. สนามหญ้าที่มีภูมิทัศน์อันเขียวชอุ่มรวม ดอกไม้สวยงาม แสดงถึงการบำรุงรักษาที่ใส่ใจ สร้างความรื่นรมย์สำหรับการพักผ่อนของผู้เข้าพัก
เพื่อนสี่ขา .. มีสุนัขเกรทเดนหลายตัวที่นี่ ทั้งหมดมีความเป็นมิตรมาก
เช้านี้เราจะเดินทางไปชมสัตว์ป่าที่ The Little Rann of Kutch (LRK) ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าที่หายาก หรือกำลังจะสูญพันธุ์ โดยเราใช้บริการรถจี๊ปเปิดประทุนพร้อมคนขับสำหรับท่องซาฟารี ..
LRK อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก .. เบื้องต้นเราทราบว่าเป็น Wild Ass Sanctuary และเป็นพื้นที่ในการร่อนเกลือตามฤดูกาล ในช่วงฤดูมรสุม พื้นใต้น้ำของ Kutch จะเต็มไปด้วยน้ำเค็ม หลังจากน้ำลด คนงานเกลือจะเข้ามาตั้งถิ่นฐานชั่วคราวและใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำเค็มเข้านา จากนั้นรอให้สภาพอากาศตามธรรมชาติทำให้น้ำระเหยออกไปเหลือแต่ผลึกเกลือ
.. แต่เจ้าหน้าที่ของที่พักให้ข้อมูลกับเราล่วงหน้าแล้วว่า วันนี้เรื่องการไปดูเกลืออาจจะต้องลืมไปเลย เพราะช่วงนี้ไม่เหมาะสำหรับการทำเกลือ
เขตสงวนชีวมณฑล Kutch
ลาป่าเอเชีย สายพันุ์อินเดีย (คูร์) เผชิญกับสภาวะที่ใกล้สูญพันธุ์ .. ในปี พ.ศ. 2551 รัฐบาลของรัฐคุชราตได้กำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตสงวนชีวมณฑล Kutch เพื่อ ให้เป็นจุดหมายปลายทางทางธรรมชาติระดับนานาชาติ
.. โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่โดยรอบ ซึ่งสงวนไว้สำหรับการอนุรักษ์และการวิจัย เขตสงวนดังกล่าวได้รับการคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ป่า พระราชบัญญัติป่าไม้ของอินเดีย และพระราชบัญญัติการอนุรักษ์ป่าไม้ รัฐบาลให้ทุนเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของภูมิประเทศและมรดกทางวัฒนธรรม
The Little Rann of Kutch เป็นที่อยู่ของลาป่าที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดแค่ราวหกพันตัวในปัจจุบัน ..LRK ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ในการอนุรักษ์สายพันธุ์นี้ Indian Wild Ass Sanctuary (IWAS) ถูกสร้างขึ้นในปี 1971 และครอบคลุมพื้นที่เกือบห้าพันตารางกิโลเมตร
รถจี๊ปนำเราเข้าสู่พื้นที่สงวน .. เราสังเกตเห็นว่า ที่นี่เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่ช่วงเวลานี้ดูจะแห้งแล้งพอสมควร พื้นดินแตกระแหง เป็นทุ่งกว้างที่มีต้นไม้ใหญ่น้อยมาก พืชในทุ่งส่วนใหญ่จะเป็นพืชคลุมหน้าดิน หรือเรี่ยดิน
“นั่นคือ ชะตคราม .. ใช่ป่าว” เพื่อนร่วมทางชี้มือถามไถ่คนอื่นๆ
“อาจจะใช่นะ .. คั้นน้ำเกลืออก แล้วลวกจิ้มน้ำพริกอร่อยมาก” ใครบางคนตอบ
พืชในเขตสงวนส่วนใหญ่เป็นพืช xerophytic เนื่องจากน้ำใต้ดินหายาก มีพื้นดินที่ยกตัวเป็นเนินสูงขึ้นมาราว 74 แห่ง (เรียกอีกอย่างว่าเกาะ) มีดอกไม้ประมาณ 253 สายพันธุ์ .. จากการประมาณการ ที่นี่มีนกประมาณ 70,000 ถึง 75,000 ตัวทำรังในพื้นที่ประมาณ 250 เอเคอร์
พื้นที่ในการอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งนี้ มีลักษณะเป็นทุ่งกว้างๆ มีบึงน้ำขนาดใหญ่เป็นโอเอซีส สำหรับสัตว์ต่างๆ และมีนกชุกชุม เช่น เช่น นกกระเรียนทราย นกกระเรียนซารัส เป็ด นกกระทุงดัลเมเชียน นกฟรังโคลิน นกอีแร้งอินเดีย รวมถึงนกน้ำหลายชนิด นกคุทซ์ นกกระสา นกกระยาง และนกน้ำสายพันธุ์อื่นๆ ที่ฉันไอเด็นไม่ออก มองเห็นได้ทั่วไป
.. นกบก ก็มีเยอะ ทั้งบนต้นไม้ แต่บนพื้นดินมีนกทุ่งเยอะ หากเพื่อนนักดูนกของเรามาที่นี่คงชอบมาก
นอกจากนี้ยังเป็นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น หมาป่าอินเดียน จิ้งจอกทะเลทราย ฯลฯ
นกฟลามิงโก้ .. มันเดินนวยนาดช้าๆ ในบริเวณที่ภูมิประเทศสวยและเงียบสงบ มีเนินเขาที่มีน้ำล้อมรอบเป็นฉาก .. ชอบเลยค่ะ
ไกด์ท้องถิ่นซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถด้วย ดูเหมือนจะมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่า ชำนาญเส้นทางและภูมิประเทศเป็นอย่างดี รู้ว่าแหล่งที่เราจะสามารถเห็นสัตว์ต่างๆ ทั้งนกและสัตว์อื่นๆ ได้ตรงไหน รวมถึงรู้แน่ชัดว่าสัตว์หายากเหล่านี้น่าจะไปอยู่ที่ไหนในพื้นที่อันกว้างใหญ่เช่นนี้
.. เรามองเห็นรอยเท้าของสัตว์กีบที่อยู่กันเป็นฝูงมากมาย โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้กับแหล่งน้ำ
LRK เป็นบ้านของลาป่าอินเดีย หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ghudkhar ในภาษาท้องถิ่นที่กำลังจะสูญพันธุ์ .. เพื่ออนุรักษ์สัตว์สายพันธุ์นี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอินเดียน (IWAS) ถูกสร้างขึ้นในปี 1971 และครอบคลุมพื้นที่เกือบห้าพันตารางกิโลเมตร
ไกด์ของเราตามรอยเท้าที่เห็นบนพื้นดิน .. ตระเวนพาเราตามไปดูฝูงลาป่า
“ดูนั่นๆๆๆ มีฝูงลาป่าอยู่ข้างหน้าเรา”.. ไกด์บอกเราพร้อมกับขับรถเข้าไปยังทิศทางที่เห็นสัตว์ที่น่ารัก
เรากดชัตเตอร์ถ่ายภาพลาป่าที่กำลังหากินเป็นฝูงหลายสิบตัวอยู่กลางทุ่งหญ้า ..
ไกด์ให้ข้อมูลว่า .. แต่ละฝูงจะมีลาตัวผู้ 1 ตัว และสมาชิกที่เหลือจะเป็นตัวเมีย ตัวผู้ที่เกิดขึ้นในในฝูง จะอยู่จนเติบใหญ่ เมื่อแข็งแรงพอจะออกจากฝูงไปสร้างฝูงใหม่ของตัวเอง
“Can we get a little closer, to take a better photos?”ฉันถามไกด์
“you have to walk, in that case, otherwise the animals will go away when the jeep approaching.” เป็นคำตอบ
เราลงเดินช้าๆ เข้าไปใกล้ๆฝูงลาป่า .. พร้อมๆกับการกดชัตเตอร์กล้องเก็บภาพไปเรื่อยๆ
รถจี๊ป พาหนะของเราจอดตออยู่ในระยะที่ห่างพอสมควร
ลาป่า ในธรรมชาติ เป็นภาพที่สวยงาม .. การมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับสัตว์ในธรรมชาติแบบนี้ ถือว่าเป็น privilege อย่าสูงเลยทีเดียว
มากมายหลายเหตุผล ... มากกว่าการได้เดินทาง หรือถ่ายรูป
การได้อยู่กับธรรมชาติ กับผืนป่า เราได้รับสิ่งดีงามมากมาย สอนเราให้เติบโต ทั้งยังให้ทุกอย่างกับชีวิต และสำนึกอยู่เสมอถึงความเล็กจ้อยของตัวเราเอง เมื่ออยู่ในธรรมชาติ ไม่ว่าเวลานั้นจะเป็นฤดูใด…
“ธรรมชาติสอนให้เข้าใจชีวิต ฤดูกาลสอนให้เข้าใจเรื่องของเวลา”
โฆษณา