15 ก.ย. 2023 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้จัก Mondelez International บริษัทขนมที่อยู่ในพอร์ตของ Berkshire Hathaway

Mondelez International หนึ่งในบริษัทที่อยู่ในพอร์ต Berkshire Hathaway เป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มข้ามชาติซึ่ง มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเดียร์ฟิลด์ รัฐอิลลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและการตลาดผลิตภัณฑ์อาหารขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม ซึ่งรวมถึงบิสกิต เช่น คุกกี้ แครกเกอร์ และของขบเคี้ยว ช็อคโกแลต หมากฝรั่งและลูกกวาด กาแฟ เครื่องดื่มชนิดผง ชีส และผลิตภัณฑ์ของชำต่างๆ
  • ประวัติแบบย่อ
แม้ว่า Mondelez International จะเป็นบริษัทใหม่ ที่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2012
แต่บริษัทก่อตั้งขึ้นจากรากฐานของบริษัทรุ่นก่อนๆ หลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี
โดยบริษัทมีต้นกำเนิดในชื่อ National Dairy Products Corporation (National Dairy) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1923
โดย Thomas H. McInnerney และ Edward E. Rieck บริษัท National Dairy เป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมไอศกรีมของสหรัฐฯ ในเวลานั้น
หลังจากนั้น National Dairy ได้มีการซื้อและควบรวมกิจการอีกหลายครั้ง และได้เปลี่ยนชื่อเป็น Kraft Foods
จนกระทั่งในปี 2012 Kraft Foods ได้มีการแยกธุรกิจออกเป็นสองบริษัท ได้แก่ Mondelēz International และ Kraft Foods Group
โดย Mondelez International ยังคงดำเนินธุรกิจอาหารขบเคี้ยวของ Kraft Foods และ Kraft Foods Group ก็ยังดำเนินธุรกิจร้านขายของชำไว้ดั้งเดิม
  • ช่องทางรายได้ของบริษัท
- การขายผลิตภัณฑ์อาหารว่างและเครื่องดื่ม
Mondelez International มีรายได้ส่วนสำคัญจากการขายผลิตภัณฑ์อาหารว่าง ซึ่งรวมถึงสินค้าหลากหลายประเภท เช่น คุกกี้ ช็อคโกแลต บิสกิต แครกเกอร์
และของว่างอื่นๆ ที่จำหน่ายภายใต้แบรนด์ต่างๆ มากมาย เช่น Oreo, Cadbury, Ritz และอื่นๆ อีกมากมาย
สินค้าเหล่านี้จำหน่ายผ่านช่องทางการค้าปลีก ได้แก่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ และแพลตฟอร์มออนไลน์
Mondelez International ยังมีรายได้จากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม รวมถึงเครื่องดื่มชนิดผง (เช่น Tang) กาแฟ (เช่น Jacobs, Tassimo)
และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อื่นๆ สินค้าเหล่านี้จำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- รายได้จากลิขสิทธิ์แบรนด์
ในบางครั้ง Mondelez สร้างรายได้ผ่านข้อตกลงลิขสิทธิ์แบรนด์ โดยที่บริษัทอื่นๆ จ่ายเงินเพื่อใช้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของ Mondelez
รายได้ประจำปีของ Mondelez ในปี 2022 อยู่ที่ 31.496 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.67% จากปี 2021
ปัจจุบัน Mondelez International เป็นหนึ่งในบริษัทอาหารว่างที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ครองตำแหน่งอันดับ 1 ของโลกในด้านบิสกิต (คุกกี้และแคร็กเกอร์) และอันดับ 2 ในด้านช็อกโกแลต
ผลิตภัณฑ์มีจำหน่ายในกว่า 150 ประเทศ ครอบคลุมทั้งภูมิภาค ละตินอเมริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ เอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
เป็นเจ้าของแบรนด์ขนมขบเคี้ยวมากกว่า 200 แบรนด์ และหลายๆแบรนด์ที่เราคุ้นชื่อ
- บิสกิตและขนมอบ ตัวอย่างแบรนด์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Oreo, Chips Ahoy!, LU, Tate's Bake Shop, BelVita, และ Club Social
- ช็อคโกแลต ตัวอย่างแบรนด์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Cadbury Dairy Milk, Milka, Toblerone, Côte d'Or, และ LU Prince
- หมากฝรั่งและลูกอม ตัวอย่างแบรนด์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Trident, Halls, Sour Patch Kids, Juicy Fruit, และ Dentyne
- กาแฟและเครื่องดื่มชนิดผง ตัวอย่างแบรนด์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Jacobs, Maxwell House, และ Tang
โดยแบรนด์ที่ได้รับความนิยม และเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้โดดเด่นให้บริษัท ได้แก่ OREO, CADBURY, BELVITA, TOBLERON, RITZ, LU, COTE D'OR และ PACIFIC เป็นต้น
และในปี 2023 Mondelez International ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน Fortune 500 บริษัทที่ชนะใจคนรักช็อกโกแลต
โดยผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Cadbury Dairy Milk, Cote D'Or, Milka และ Toblerone
และ Toblerone เป็นผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตยอดนิยมตลอดกาลของ Mondelez International
  • สุขภาพของ Mondelez International ในช่วงครึ่งปีแรก 2023
Mondelez International มีรายได้หลักมาจาก ยุโรป อเมริกาเหนือ รองลงมาคือ เอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริกา ตามลำดับ
โดยภูมิภาคที่มีการเติบโตของรายได้โดดเด่นที่สุด ก็คือ ละตินอเมริกา ที่เติบโตขึ้น 40.2% เมื่อเทียบรายปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของชนชั้นกลางและระดับรายได้ที่สูงขึ้น
รายได้รวมในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 17.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.5% เมื่อเทียบรายปี
ครึ่งปีแรกของ Mondelez International มีกำไรขั้นต้นที่ 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 38.5% ซึ่งถือว่าแข็งแกร่ง
โดยได้แรงหนุนด้านยอดขายจากการเข้าซื้อกิจการ Clif Bar ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มสุขภาพรายใหญ่ในสหรัฐฯ และ Ricolino ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวรายใหญ่ในเม็กซิโก และมีการกำหนดราคาสินค้าใหม่ รวมถึงการลดจำนวนพนักงาน
แต่อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทในอุตสาหกรรมนี้จะมีผลกำไรที่เหมาะสมในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการช็อกโกแลตยังคงเพิ่มขึ้น
แต่ Mondelez International อาจเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตที่เพิ่มขึ้น อย่างราคาโกโก้ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 46 ปี และราคาน้ำตาลที่ใกล้แตะระดับราคาสูงสุดในรอบกว่าทศวรรษ จากปัจจัยเศรษฐกิจโลก
สิ่งนี้ทำให้อัตรากำไรและความสามารถในการทำกำไรของผู้เล่นหลักในตลาดผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตอย่าง Mondelez International อาจตกอยู่ในความเสี่ยงได้
เมื่อมาดูในส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน
  • Current Ratio
ในไตรมาสองปีนี้ Mondelez International มีสินทรัพย์หมุนเวียนอยู่ที่ 11.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สินหมุนเวียนที่ 18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทำให้อัตราส่วนทุนหมุนเวียน (Current Ratio) อยู่ที่ 0.65
  • Quick Ratio
มีสินทรัพย์หมุนเวียน อยู่ที่ 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สินหมุนเวียนที่ 18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ Quick Ratio หรือ อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนเร็ว ที่ตัดรายการสินค้าคงคลังออกไป อยู่ที่ 0.43
หมายความว่า สินทรัพย์หมุนเวียนไม่ครอบคลุมหนี้สินหมุนเวียนของพวกเขา
ซึ่งถือว่า Mondelez International "อาจจะ" ยังมีโอกาสที่จะขาดสภาพคล่องในระยะสั้นได้ หากผลดำเนินงานออกมา "ไม่ดีติดต่อกันหลายไตรมาส"
ในทางกลับกัน หากบริษัทมีการเติบโตของรายได้ในภูมิภาคต่างๆ ต่อไปแบบนี้และมีการปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อลดรายจ่าย หรือสามารถผลักต้นทุนให้ผู้บริโภคได้
จะทำให้บริษัทสามารถที่จะยังคงมีกระแสเงินสดพอที่จะสามารถชำระหนี้ต่อไปได้
ด้วยตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมนี้และ Credit Rating ระดับ BBB ที่ประเมินโดย S&P Global Ratings หมายความว่าหาก Mondelez International เสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้จริงๆ พวกเขาก็ยังมี Credit พอที่จะกู้หรือสามารถออกหุ้นกู้ เพื่อหาเงินมาทดแทนส่วนที่ขาดได้
และอีกอย่างหนี้สินระยะสั้นของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนใหญ่เป็นหนี้การค้า ซึ่งหมายถึงเงินที่บริษัทค้างชำระให้กับซัพพลายเออร์ของตน ที่จะจ่ายให้เป็นงวดๆนั่นเอง
และในส่วนของการกู้ยืมระยะสั้นของ Mondelez International อยู่ที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด อยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อีกทั้ง Mondelez International ยังมีการซื้อหุ้นคืน อยู่ที่ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023
Dirk Van de Put ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “ผมพอใจกับผลประกอบการไตรมาสที่สองของเรา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในวงกว้างของธุรกิจของเรา พร้อมด้วยการเติบโตที่แข็งแกร่งและมีผลกำไรในทุกภูมิภาคและทุกประเภท การลงทุนซ้ำอย่างต่อเนื่องในแบรนด์และความสามารถของเรา รวมกับการดำเนินการด้านราคาอย่างต่อเนื่อง วินัยด้านต้นทุน และประสิทธิภาพด้านปริมาณ/การผสมผสานที่แข็งแกร่ง ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีเหล่านี้”
จึงสรุปได้ว่า ปัจจุบันหนี้สินระยะสั้นของ Mondelez International อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และบริษัทยังมีผลดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมากพอ ที่จะควมคุมหนี้ของบริษัทได้
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในอนาคตที่ยังมองไม่เห็นก็ยังมีอยู่ อย่างเช่น หากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯสูงขึ้น สิ่งนี้อาจขัดขวางการออกหุ้นกู้ของ Mondelez International ได้หากพวกเขาให้ผลตอบแทนหุ้นกู้น้อยกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
โดยรวม Mondelez International เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่เน้นไปทางผลิตภัณฑ์อาหารขบเคี้ยว การจัดจำหน่ายและการตลาด เครือข่ายการผลิต และตำแหน่งผู้นำตลาดคือจุดแข็งหลักของบริษัท
แม้ว่าต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวลก็ตาม ตลาดของขบเคี้ยวรสเผ็ดในสหรัฐอเมริกา การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และการเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์มีแนวโน้มที่จะสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับบริษัท
อย่างไรก็ตาม สงครามในยูเครน การแข่งขันที่รุนแรง ความต้องการของผู้บริโภค และราคาวัตถุดิบที่ผันผวน
และยังมีปัจจัยเสริมด้านลบอย่าง เงินเฟ้อ ดอกเบี้ย และการเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกา อาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
บริษัทมีโครงสร้างที่ซับซ้อน บทความนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนหนึ่งของบริษัทเท่านั้น นักลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยละเอียด และประเมินความเสี่ยงได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา