13 ก.ย. 2023 เวลา 16:09 • ท่องเที่ยว
อีต่อง

เที่ยวอีต่อง เหมืองปิล็อก ด้วยตัวเอง แบบไม่ใช้รถส่วนตัว

หมู่บ้านอีต่องอยู่ใน list ที่ผมอยากจะไปเที่ยวนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสจะไปสักที ตอนนี้สบโอกาสหาเวลาได้ ก็เลยอยากลองเดินทางไปเที่ยวดูสักครั้ง
หลังจากอ่านรีวิวมาหลายแห่ง ก็พบว่าการเดินทางไปหมู่อีต่องแบบไม่ใช้รถนั้นมีความน่าสนใจทีเดียว ระยะหลังมานี่หากการเดินทางไม่ยากเกินไปผมก็มักจะใช้รถประจำทางในการท่องเที่ยวเสียมากกว่าที่จะขับรถไปท่องเที่ยวเอง
เพราะว่าการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน จะทำให้เราได้พบเจอกับผู้คนท้องถิ่น บางครั้งก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆจากพวกเขานี่แหละ ซึ่งมันอาจจะไม่สะดวก สบายเท่าการที่เราขับรถไปเอง แต่การเดินทางแบบเนิบช้าแบบนี้ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างนึงที่ผมกำลังสนใจ
คิวรถมินิบัส
เช้านี้ผมเริ่มเดินทางด้วยการไปขึ้นรถมินิบัสที่สายใต้ใหม่ โดยมีรถให้เลือกหลายเจ้ามาก รถออกทุกชั่วโมง ผมซึ่งไม่ได้จองตั๋วไปก่อนได้ขึ้นรถตอนรอบ 6 โมงเช้า เนื่องจากผมท่องเที่ยวในวันธรรมดาทำให้รถมีผู้โดยสารน้อยสบายกับการเลือกที่นั่ง
รถมินิบัสใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯก็ถึงบขส.กาญจบุรี
รถตู้ทองผาภูมิ สังขละบุรี
เมื่อมาถึงบขส.กาญจนบุรีแล้ว ก็มองหาคิวรถตู้ทองผาภูมิ สังขละบุรี รถตู้ออกตามเวลา ผมได้ขึ้นรถตอน 8:30 ไม่ต้องรอรถให้เสียเวลามาก รถตู้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงทองผาภูมิ แต่ว่ารถตู้จะไม่เข้าไปที่ตลาดทองผาภูมิ รถตู้จะมาจอดส่งผู้โดยสารตรงจุดจอดรถตู้แล้วเราจะต้องนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ในราคา 20 บาทเข้าไปที่ตัวตลาดอีกที
รถสองแถว ทองผาภูมิ บ้านอีต่อง
เนื่องจากผมไปเที่ยวในวันธรรมดา ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปหมู่บ้านอีต่องเท่าไหร่ ทำให้รถสองแถวที่จะไปบ้านอีต๋องนั้นเหลือรอบเดียวซึ่งออกตอน 12:30 น
การเดินทางด้วยรถสองแถวนั้น ทำให้ผมได้สัมผัสถึงบรรยากาศระหว่างทางได้เป็นอย่างดี รถสองแถววิ่งเรียบเขื่อนวชิราลงกรณ์ ที่มีความสวยงาม มีแพที่พักรอคอยให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือน ไม่แน่นะทริปต่อไปที่จะมากาญจนบุรี ผมอาจจะมาพักแพแถวนี้ก็เป็นได้
เส้นทางไปหมู่บ้านอีต๋องนั้นจะต้องผ่านโค้งถึง 399 โค้ง ถ้าหากใคร sensitive กับอาการเมารถได้ง่ายก็มีโอกาสที่จะอ้วกได้เหมือนกัน
จุดพักรถชมวิวระหว่างทาง
รถตู้นั้นจะมีจอดแวะร้านค้าให้เราพักซื้อของกิน และยังมีจอดแวะให้เราถ่ายรูปตรงจุดชมวิวอีกด้วย ทีแรกผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เสียเวลาน่าจะรีบเดินทางไปเลยทีเดียว ตอนหลังผมก็คิดว่ามันก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยก็พักทำให้เราไม่มีอาการที่อยากจะอ้วก ตรงจุดชมวิวยังมีไอติมอร่อยๆให้กินด้วย
อีต่องหมู่บ้านในสายหมอก
ประมาณ 2 ชั่วโมงรถสองแถวก็มาถึงบ้านอีต่องจนได้ เมื่อถึงอีต่อง ผมถูกดึงดูดโดยความเงียบสงบและธรรมชาติที่ยากจะอธิบาย และก็เป็นดั่งคาดหมู่บ้านอีต่องตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก บรรยากาศเหงาๆ ผู้คนน้อย วันธรรมดาไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมากนัก
ผาแปโฮมสเตย์
ผมเริ่มต้นการเดินทางด้วยการหาที่พัก ผมซึ่งไม่ได้จองที่พักมาก่อนอาศัยว่าอยากจะมาเดินหาที่พักที่ถูกใจ ก็มาถูกใจที่พักที่เป็นบ้านหลังหนึ่งชื่อ ผาแปโฮมสเตย์ เป็นแนวบ้านไม้อยู่แถวตลาด
อีต่อง Day 1
ในวันแรกที่มาถึงนี้ ผมไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่เนื่องมาจากว่าฝนก็ยังตกอยู่ตลอด พระอาทิตย์ไม่ได้ปรากฏกายให้เห็นตลอดทั้งวันเลย ผมเลยได้ใช้เวลาตลอดทั้งเย็นในการกินกับนอนเท่านั้น
คืนวันแรกที่บ้านอีต่องมีอุปสรรคอย่างหนึ่งคือไฟดับทั้งหมู่บ้าน ทำให้ที่พักแต่ละที่จะต้องปั่นไฟกันเอง ดูเหมือนว่าเรื่องไฟดับนี้จะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ทำให้จะต้องมีป้ายเตือนเรื่องการชาร์จแบตมือถือเอาไว้ก่อนนอนอีกด้วย
คืนแรกผมหลับไปพร้อมคาดหวังว่าพรุ่งนี้น่าจะได้ไปเที่ยวไหนบ้าง
วันที่ 2 ของการเดินทางมาที่บ้านอีต่อง
อีต่อง Day 2
เช้านี้บ้านอีต่องก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยหมอก คาดว่าคงจะไม่ได้เห็นแสงตะวันอีกเป็นเช่นเคย แผนที่วางเอาไว้ว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นก็คงจะต้องล้มเลิกไป
หลังจากผมทานข้าวเช้าที่โฮมสเตย์แล้ว ก็เลยตัดสินใจที่จะเดินไปขึ้นเนินช้างศึก โดยปกติแล้วการขึ้นเนินช้างศึกสามารถที่จะนั่งรถสองแถวขึ้นไป ในราคาหัวละ 50 บาทได้ แต่ผมคิดว่าไหนๆเราก็ไม่มีอะไรทำแล้วก็เดินไปแล้วกัน และระยะทางเดินขึ้นเนินช้างศึกก็แค่ 1.2 กิโลเมตรเอง ไม่ได้ไกลอะไรมากมาย
ทางเทรลขึ้นเนินช้างศึก
เอาเข้าจริงแล้วผมเป็นนักท่องเที่ยวเพียงคนเดียวที่เดินขึ้นเนินช้างศึกในเช้าวันนี้ ผมเดินขึ้นเนินช้างศึกในเส้นทางเทรล โดยที่มองไม่เห็นว่าจุดหมายปลายทางอยู่ตรงไหน เนื่องจากว่าสภาพอากาศนั้นปิดมีหมอกปกคลุม
ความงงมันอยู่ตรงที่ว่าเดินไปสักพักแล้วทางหาย เห็นเนินช้างศึกอยู่ไกลๆแต่ไม่รู้จะไปอย่างไร เลยต้องมาเดินบรรจบเข้ากับทางถนนที่รถวิ่ง แล้วเดินต่อไปบนเนินช้างศึกอีกทีนึง
ฐาน ตชด.
ทางลงกลับไปหมู่บ้านทางเทรล
อาจจะเป็นความโชคร้ายของผม ที่ขึ้นมาเนินช้างศึกในวันนี้ เพราะผมไม่เห็นวิวใดๆเลย บรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยหมอกอย่างหนา น่าเสียดายจริงๆ
สุดท้ายตอนขาลงผมก็สามารถหาทางที่ไม่ต้องเดินลงทางถนนจนได้ แต่ว่าทางแอบรกไปนิดหน่อย น่าจะไม่ค่อยจะมีคนใช้มากนัก
บ่อปลาคราฟ
หลังจากที่เสร็จสิ้นการเดินทางลงจากเนินช้างศึกแล้ว ผมก็ได้มาเก็บที่เกี่ยวใกล้ๆ ซึ่งก็เริ่มจากเหมืองแร่ปิล็อกนั้นเอง ตอนแรกคิดว่าเหมืองแร่นี้อยู่ไกลที่ไหนได้อยู่ใกล้มาก
สิ่งที่น่าสนใจของเหมืองแร่นี้นอกจากจะเป็นเครื่องมือ เครื่องจักรที่เอาไว้ขุดแร่สมัยก่อนแล้ว ก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้าปลาคราฟตัวอ้วนพลี ว่ายอยู่ในแอ่งน้ำใสๆแห่งนี้
วัดเหมืองแร่
นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวก็ยังนิยมไปเที่ยววัดเหมืองแร่ปิล็อก ที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเลย เดินไม่เกิน 5 นาทีถึงจากตัวตลาด ผมค้นพบว่าวัดนี้ค่อยข้างน่าสนใจ เราสามารถเดินขึ้นไปดูวิวมุมสูงของบ้านอีต่องจากวัดแห่งนี้ได้
เอาจริงแล้วช่วงบ่ายผมวางแผนที่จะออกไปเที่ยวน้ำตกจ๊อกกระดิ่ง แต่ด้วยความโชคร้ายฝนตกหนักมาก ไม่สามารถไปไหนได้เลย ก็เลยได้ใช้เวลาช่วงบ่ายถึงค่ำ กินๆนอนๆอยู่ตรงที่พัก และร้านอาหารในหมู่บ้าน
ตลาดกลางคืน
ช่วงค่ำฝนเริ่มชา นักท่องเที่ยวหลายคนออกมาเดินหาของกินบริเวณตลาดกันเป็นส่วนใหญ่ พ่อค้าที่นี่บอกว่าถ้าเป็นคืนวันเสาร์จะคึกคักกว่านี้มาก จะมีร้านค้ามาเปิดอีกหลายร้าน
ตะเกียง
ส่วนใหญ่ตอนกลางคืนนักท่องเที่ยวจะนิยมซื้อตะเกียงไปถ่ายคู่กับสะพาน
อีต่องยามค่ำ
วันที่ 3
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการท่องเที่ยว ภาระกิจเดียว ก็คือการนั่งรถกลับบ้าน การกลับเข้าไปที่ตัวเมืองทองผาภูมินั้นก็แสนง่าย เราแค่ไปรอขึ้นรถสองแถวบริเวณตลาด รถมีรอบตอน 8:00, และ 8:30 เท่านั้น
และเมื่อขึ้นรถ ก็บอกให้สองแถวไปส่งที่คิวรถตู้เลยเพื่อที่จะได้รอรถตู้กลับไปที่ตัวบขส.กาญต่อไป....END
โฆษณา