Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
14 ก.ย. 2023 เวลา 13:06 • ข่าวรอบโลก
สงครามชิพ สงครามที่จีนอาจไม่มีวันขนะ…( 1 )
การเปิดตัว iPhone15 และ Huawie Mate 60 Pro
กลายเป็นตัวแทนสงครามเทคโนโลยี ไปซะแล้ว…..
เพราะเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน เลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องขิงกัน
นอกจากการทำตลาด แข่งขันกันตามปกติทางธุรกิจแล้ว
มันยังเป็นการแข่ง ในฐานะตัวแทนทางเทคโนโลยี
จากสองค่าย สองประเทศมหาอำนาจของโลกอีกด้วย
ในทางหนึ่ง เราจะบอกว่า นี่คือสงครามตัวแทน
ในศึกเทคโนโลยีของสหรัฐและจีนเลยก็ได้
ซึ่งผลในทางเทคนิค ดูจะเหมือนเดิม เพราะไอโฟน 15
ยังคงเหนือกว่าแบบไม่เห็นฝุ่น
และเจ้า 60 Pro ก็ยังไม่อาจเทียบชั้นได้
แม้กระทั่งกับ Sumsung flod 5 เสียด้วยซ้ำ
ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ เป็นผลมาจากสิ่งเดียวเลย…
…คือ เทคโนโลยี ชิพเซท….
สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจก่อน คือ
เทคโนโลยีชิพนั้น เป็นสิ่งที่ “มีเจ้าของ”
ไม่ใช่ใครๆ จะทำได้ตามใจ เหมือนการพัฒนา
สิ่งที่เป็นนวัตกรรมร่วมของโลก
อย่างเครื่องยนต์สันดาป หรือเทคโนโลยีแบตเตอรี่
1
( ซึ่งถึงแบบนั้น ก็มีสิทธิบัตรในลักษณะเฉพาะคุ้มครองอยู่ )
พูดให้ชัดกว่านั้น คือ “เทคโนโลยีชิพ เป็นของสหรัฐ”
…ไม่ใช่แม้กระทั่งของไต้หวัน ที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่….
ดังนั้น ในความเข้าใจว่า สหรัฐเที่ยวได้กีดกันเพราะกลัวจีน
นั้น มันจึงไม่ค่อยถูกต้อง สมบูรณ์เท่าไหร่นัก
2
มันถูกบางส่วน แต่ไม่ทั้งหมด
…คือ กลัวน่ะส่วนหนึ่ง ใช่ จริง…
แต่ที่สำคัญมากอีกส่วน คือ มันเป็นการละเมิดทรัพย์สิน
ทางปัญญา ซึ่งอันนี้เป็นประเค็นที่สำคัญกว่า
แต่มันถูกพูดถึงน้อยกว่ามากในบ้านเรา
เรามักพูดในแง่การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์มากเกินไป
จนละเลยความจริงในข้อนี้ ….
…แต่ก็อย่างว่า คนไทยกับลิขสิทธิ์ มันเส้นขนานอยู่แล้ว
ก็เลยไม่แปลก ที่จะไม่พูดถึงแง่นี้กัน ….
ชิพระดับสูงทุกตัวบนโลก ที่จะสามารถใช้ได้กับซอฟท์แวร์
ต่างๆ บนทุกระบบปฏิบัติการที่โลกเราใช้กันอยู่
มันต้องมาจากเครื่องมือที่เรียกว่า EUV
เพราะปกติแล้วหากจะผลิตชิปขนาด 7nm ขึ้นไป
จะต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า Extreme Ultraviolet Lithography Machine (EUV) เพื่อสลักรูปแบบวงจรไฟฟ้าเข้าไปแผงซิลิคอนเวเฟอร์ ซึ่งเครื่องมือที่ว่านี้มีบริษัทเดียวในโลกที่สามารถผลิตได้คือ ASML
ซึ่งแม้ ASML จะเป็นบริษัทสัญชาติดัชท์ แต่ที่จริงแล้ว
มันเป็นทุนของสหรัฐ และเทคโนโลยีของสหรัฐ
สิทธิบัตร ต่างๆ มันจึงเป็นของสหรัฐทั้งหมด
ดังนั้น เมื่อสหรัฐแบนเครื่องมือเหล่านี้ ห้ามส่งไปจีน
มันจึงทำให้ทางจีนติดขัดอย่างมากที่จะไปต่อได้ในเทคโนโลยีนี้
อย่างที่เคยพัฒนามาได้นับสิบปี
และเจ้าเครื่อง EUV ที่ว่านี้ มีเพียงเทคโนโลยีสหรัฐเท่านั้น
ที่ผลิตมันขึ้นมาได้
มันถูกจัดให้เป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนที่สุดที่มนุษย์สร้างขึ้นได้
ในปัจจุบัน ว่ากันว่า มันสร้างยากกว่าการไปดาวอังคารซะอีก
ความจริง คือไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำ ว่ามันคือเทคโนโลยีอะไร
ซึ่งทางจีนนั้น ไม่ใกล้เคียงเลยด้วยซ้ำ ที่จะผลิตมันได้
ทั้งที่พยายามอย่างมาก ในการศึกษา ลอกเลียน
จากเครื่องรุ่นเก่าๆ ที่พวกเขาเคยมีในครอบครองมา
ในช่วงก่อนหน้านี้ ที่ความสัมพันธ์กับสหรัฐยังดีอยู่….
…ดังนั้นชิพจีน จึงหยุดการพัฒนาไว้ที่ 14 nm เท่านั้น…
ใน 60 Pro นั้น ทางหัวเหว่ยจีนเคลมมาว่า
มันคือเทคโนโลยีระดับ 7 nm
2
มันจึงเกิดปัญหาขึ้นว่า
แล้วจีนผลิตมันได้อย่างไร เมื่อไม่มีเครื่อง EUV ที่ว่า
ซึ่งปรากฏว่า Bloomberg ก็ได้ทดลองชำแหละชิพ Kirin9000s ใน mate 60 Pro ดู เพื่อหาคำตอบ
แล้วก็ปรากฏว่า ภายใต้หน้ากากใหม่เป็นเทคโนโลยีเก่าตัดแปะ
ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จีนอาจนำเข้ามาเก็บไว้ ตั้งแต่ก่อนปี 2020 หรือก่อนจะถูกสหรัฐแบน
และภายในนั้น ยังต้องอาศัยชิพหัวใจหลักจากเกาหลีใต้
อีกสองตัว ซึ่งก็เป็นของที่น่าจะมาจากการเก็บไว้เช่นกัน
ดังนั้น มันจึงทำให้ชิพ Kirin9000s นั้น ไม่ใช่ของใหม่อะไร
ยิ่งเมื่อเทียบกับชิพระดับ 3 nm ของไอโฟน 15 แล้ว
มันยิ่งกลายเป็นเทคโนโลยีคนละชั้นกันไปเลย
ว่ากันตามตรง มันไม่สามารถนำมาวิจารณ์ร่วมกันได้ด้วยซ้ำ
เพราะเป็นมวยคนละรุ่นเลยก็ว่าได้
ดังนั้นการขิงของ 60 Pro มันจึงแทบไม่มีค่าอะไร
และไม่ใช่การแซงสหรัฐในเรื่องขิพเซท แบบที่เพจอวยจีนในไทยอ้างเลยแม้แต่น้อย
1
…แต่ถึงแบบนั้น รัฐบาลสหรัฐก็จำเป็นต้องตรวจสอบ
ว่าทำไมทางจีนถึงสามารถผลิตได้อยู่ดี เพราะอาจเป็นไปได้ว่า
มีการระเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของพวกเขาได้…
2
และอีกทาง ถ้าพบว่าจีนทำเองได้จริงๆ พวกเขาก็จะได้ทราบถึงศักยภาพด้านนี้ของจีน ซึ่งมีผลกับเทคโนโลยีด้านความมั่นคง เพื่อจะวางแผนรับมือได้นั่นเอง….
ความยากที่สุดในการเอาชนะสหรัฐของจีน ในเรื่องนี้
มีหลายอย่างมากๆ จนดูเหมือนแทบเป็นไปไม่ได้….
เพราะนอกจากการไม่สามารถเข้าถึงเครื่อง EUV แล้ว
เราต้องไม่ลืมว่า การออกแบบซิพเซทใดๆ นั้น ต้องมีซอฟท์แวร์
หรือระบบสถาปัตยกรรมมารองรับมัน
หรือเป็นการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะซอฟท์แวร์อีกด้วย
ซึ่งปัจจุบัน เทคโนโลยีซอฟท์แวร์จีน อาจสูงพอสมควร
แต่มันไม่ได้แพร่หลายอะไรนัก แม้แต่ในจีนเองก็ใช้กันน้อย
โดยรวม ซอฟท์แวร์จีน ยังตามหลังสหรัฐอยู่ไกลมาก
ดังนั้น การพัฒนาฮาร์ด์แวร์มาเพื่อซอฟท์แวร์ของพวกเขาเอง
มันจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย ในทางธุรกิจ
การส่งขายไม่ได้ทั่วโลก และแม้แต่คนจีนก็อาจไม่ใช้
มันไม่มีความคุ้มค่ามากพอในการวิจัยพัฒนาของเอกชน
หรือแม้กระทั่ง ระดับรัฐบาลเองก็ตาม
ซึ่งซอฟท์แวร์เหล่านี้ การทำให้มันแพร่หลาย
มันไม่ง่ายเหมือนการทำแอพมือถือสนุกๆอย่าง TikTok
เพราะมันเกี่ยวข้องกับระบบสายพานการผลิตทั่วโลก
ในอนาคต หากจีนอยากแซงสหรัฐจริงๆในเรื่องนี้
ก็ต้องมีความพยายาม ในการผลักดันซอฟท์แวร์ของตน
ควบคู่ไปด้วย
ซึ่งนั่นก็ยากมาก เพราะมันเหมือนเป็นการเปลี่ยนระบบ
ของ work flow ทั่วโลกในปัจจุบัน
คงไม่มีใครยอมเสียเงินมหาศาล เพื่อเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้แน่ๆ
เมื่อการผลิตทางธุรกิจทำไม่ได้ มันก็จะกระทบไปถึงเรื่องทุน
เพราะเมื่อสินค้าจีนสู้ไม่ได้ ในแง่ความสะดวกในการทำงาน
ต่อให้คุณภาพดีแค่ไหนคนก็ไม่ซื้อมาใช้งาน
แบบนั้น เงินก็จะไม่ไหลเข้ารัฐบาลจีนมากเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดหลายสิบปีนั่นเอง
1
รัฐบาลจีน ที่ปัจจุบันก็มีปัญหาอยู่แล้วกับภาคอสังหาริมทรัพย์
ก็จะยิ่งขาดแคลนเงินทุนมาให้เอกชน เพื่อพัฒนาสิ่งเหล่านี้
…เงื่อนไขเหล่านี้ คือความยากอย่างมาก ที่จีนจะต้องผ่านให้ได้
เพื่อสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ขึ้นมาเทียบชั้นสหรัฐ…
แต่ถ้าถามว่า แล้วถ้าจีน จะพัฒนาเฉพาะส่วนที่จำเป็น
ต้องใช้กับเรื่องความมั่นคงของรัฐล่ะ จะทำได้ไหม
อันนี้ต้องตอบว่าได้ และง่ายกว่า
มีการคาดการณ์ว่า ในชิพระดับสูงทางการทหาร
และความมั่นคงนั้น จีนและสหรัฐ มีของที่ดีกว่าที่ขายชาวบ้าน
อยู่แล้ว ของจีนนั้น คาดว่าอยู่ที่ระดับ 5nm
ส่วนสหรัฐนั้น คาดว่าราวๆ 1 nm ต้นๆเท่านั้น
ใกล้เคียงกับการเป็นคอมพิวเตอร์ระดับควอนตัมทีเดียว
ปัญหาคือ แม้จีนจะผลิตได้ก็จริง
แต่ตัองดูความสามารถในการผลิตจำนวนมากอีก
ว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหน ไม่ใช่ทำได้แค่ปีละไม่กี่พันอัน
ใส่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่กี่เครื่องแล้วจะได้เปรียบ
คู่กรณีในด้านความมั่นคง
ซึ่งถ้าเราดูจาก ความสามารถในการผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว
จะอย่างไร จีนก็ยังห่างไกลกับสหรัฐมากแบบเทียบกันไม่ได้
การใช้งานแง่ความมั่นคง ในกรณีมีสงคราม มันต้องมี
ความสามารถในการผลิตทีละมากๆ เข่นเดียวกับในเชิงพาณิชย์ หรืออาจมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะต้องใช้ในทางการทหารด้วยเป็นจำนวนมาก
…ดังนั้นซัพพลายยามสงคราม จะอย่างไรรัฐก็ต้องให้เอกชนช่วยผลิตถึงจะมีพอใช้ และได้เปรียบคู่แข่ง
ซึ่งตรงนี้สหรัฐน่ะเอกชนเขาทำได้แน่ แต่ของจีนจะไหว
เหรอ ก็ในเมื่อทุกวันนี้ยังไม่มีความสามารถจะทำขายเลย
…และแน่นอน ว่าสหรัฐก็คงไม่หยุดพัฒนาเทคโนโลยีเช่นกัน
พวกเขามีแนวโน้มว่าจะก้าวข้ามไประดับควอนตัมในอีกไม่นาน
ในระบบซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของพวกเขา
ในขณะที่จีน จะยังสามารถไล่ได้ทัน ในระดับนาโนได้รึเปล่า
ก็ยังไม่มีใครรู้เลย ….
มันจึงดูเหมือน ว่าพวกเขาจะแพ้เสียแล้ว ตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ
…นี่คือเครื่องหมายคำถาม ตัวโตๆของจีนเลยทีเดียว….
ในปัจจุบันนั้น เทคโนโลยีชิพ มีความสำคัญมาก กับงานด้านความมั่นคงของรัฐ ในทุกที่บนโลก
และการพัฒนาระบบ AI มาเพื่อการนี้ ก็จะต้องมีเทคโนโลยี
ชิพเซทที่ดีพอ เพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมา
ไม่ใช่แค่เร็ว แต่ต้องเล็ก ใช้พลังงานน้อย และทนทาน
มีความเสถียรสูงมากๆ ในการใช้งานแบบสมบุกสมบัน
…ดังนั้น เทคโนโลยีชิพนั้น จึงเป็นสิ่งที่ต้องพูดถึงด้วย
ในมิติด้านความมั่นคงของชาติต่างๆ ….
…ซึ่งการที่จีนยังล้าหลังอยู่มาก ก็อาจเป็นชนวนสำคัญได้
ในการที่จีนจะบุกไต้หวันให้เร็วขึ้น …
…และอาจลามไปถึงขั้นสงครามโลกได้….
…ทำไมเป็นแบบนั้น ???….
…มาว่ากันต่อ อีกตอนพรุ่งนี้ครับ …..
ปล. มันน่าขำมาก ที่สื่อไทยหลายเจ้า กล่าวว่า 60 Pro
นั้นแซงเทคโนโลยีของแอปเปิลไปแล้ว มันเป็นการโกหกคำโต
โดยแท้จริงเลย เพราะแม้แต่หัวเหว่ยเอง ก็เคลมสเปกมาต่ำกว่า i 15 ซึ่งในแง่หนึ่ง มันก็สามารถทำให้เราเห็นวาระซ่อนเร้น ของสื่อเหล่านี้ได้เหมือนกัน
…ใครมองโทรศัพท์ตัวท็อป ก็ศึกษาข้อมูลดีๆ นะครับ มันแพง
อย่าไปฟังไอ้พวกนี้มาก มันมีจุดประสงค์อื่น ไม่ใช่การวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์บนพื้นฐานทางเทคนิคที่แท้จริง ….
อ้างอิง
https://droidsans.com/us-wants-to-know-how-huawei-produced-7nm-5g-chipset/?fbclid=IwAR2JCbgwUfifScTTZmIw_g83g7NfYqIEbLypaLjhaFJzsKUbpxEn771LWVo_aem_AYxl4VG6yW9UjXMITDPFAjd4s6HHRWbVGjNqdMiOZBXo-1ynshdxt8AzLpQGddr9e_M&mibextid=Zxz2cZ
https://wccftech.com/smic-violated-us-sanctions-by-supplying-huawei-the-kirin-9000s/
ภาพ : Tech wire Asia
ข่าวรอบโลก
จีน
สหรัฐอเมริกา
1 บันทึก
27
19
6
1
27
19
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย