13 ก.ย. 2023 เวลา 02:00 • สุขภาพ

“โรคมือ เท้า ปาก” โรคระบาดยอดฮิตในเด็ก

มักพบบ่อยในเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และพบได้ประปรายในเด็กโต โดยเฉพาะเด็กที่อยู่รวมกันอย่างแออัด เช่น ในโรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์เด็กเล็ก โรคนี้เกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีและจะพบเพิ่มขึ้นในฤดูฝน
📌 การติดต่อ: เชื้อไวรัสจะเข้าสู่ปากจากการสัมผัสน้ำลาย น้ำมูก น้ำตุ่มพองและแผลของผู้ป่วย นอกจากนี้ยังเกิดจากการไอจามรดกัน และ โรคนี้สามารถเป็นซ้ำได้อีก
📌 อาการ: หลังจากเด็กได้รับเชื้อ 3 - 6 วัน จะมีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ต่อมาอีก 1-2 วันจะมีอาการเจ็บปาก กลืนน้ำลายไม่ได้และไม่ยอมทานอาหาร เนื่องจากมีตุ่มแดงที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม มีตุ่มพองใสแดงที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า ผื่นมักจะไม่คันและหายเป็นปกติ ภายใน 7 – 10 วัน
📌 ป้องกันได้โดย
1. รักษาความสะอาดล้างมือก่อนรับประทานอาหาร หลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือภายหลังการขับถ่าย หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมทุกครั้ง
2.หมั่นทำความสะอาดของใช้และของเล่นของเด็กเป็นประจำและ หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ หลอดดูด ผ้าเช็ดหน้า และใช้ช้อนกลางรับประทานอาหาร
3. ตัดเล็บเด็กให้สั้น ป้องกันการเกา
4. หลีกเลี่ยงการนำเด็กเล็กไปในสถานที่ที่แออัด เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรค
หากเด็กเป็นโรคนี้ไม่ควรไปสถานที่ที่มีคนแออัด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปยังเด็กคนอื่น ต้องแจ้งทางโรงเรียนทราบ และควรรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ
🩺 การรักษา:
โรคนี้ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แพทย์จะรักษาตามอาการ โดยปกติมักไม่รุนแรงและหายได้เองหากไม่มีอาการแทรกซ้อน ผู้ปกครองควรดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น เจ็บคอมาก รับประทานอะไรไม่ได้ ผู้ป่วยดูเพลียจากการขาดอาหารและน้ำ ก็จะให้พยายามป้อนน้ำ นมและอาหารอ่อน
*หากพบมีไข้สูง ซึม ไม่ยอมทานอาหารหรือดื่มน้ำ อาเจียนบ่อย หอบ แขนขาอ่อนแรง ชัก ควรรีบนำไปพบแพทย์ทันที
รวบรวมข้อมูล ฝ่ายประกันสุขภาพ เอไอเอ
ติดตาม Community AIA Thailand ได้ที่ https://www.blockdit.com/aiathailand
โฆษณา