13 ก.ย. 2023 เวลา 14:59 • หนังสือ

#ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย

’เมื่อสิ้นสุดวัน ผู้คนจะไม่จำว่าคุณพูดหรือทำอะไร แต่จะจำว่าคุณทำให้เขารู้สึกยังไง’
เรื่องเหล่านี้จะคงอยู่นานแค่ไหน
ถ้าผู้คนยังคงพูดถึง ถกเถียง หรือเหตุการณ์ดังกล่าวยังคงหลอกหลอนพวกเขาทางใดทางหนึ่ง เท่ากับว่า ความเสียหายทางอารมณ์นั้นยังไม่จบสิ้นไปจริงๆ และจากการศึกษาวิจัย ยิ่งบ่อยครั้งแค่ไหน ความเสียหายทางอารมณ์จะยิ่งรุนแรงและอยู่ยาวนานขึ้น
ว่าด้วยเรื่องของคนเฮงซวย
เราทุกคนกลายเป็นคนเฮงซวยชั่วคราวได้เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ผิด อาจเป็นเพราะเราแค่เหนื่อยหรือรีบ ตัวเราเองจะมีความรู้สึกอันทรงพลังหรือความต้องการอย่างท่วมท้น จนทำให้เรากลายเป็นคนเฮงซวยแบบชั่วคราวได้ แต่การจะมีคุณสมบัติเป็นคนเฮงซวยตัวจริงนั้นยากกว่ามาก
ถ้าแค่กำลังรับมือกับคนเฮงซวยแบบชั่วคราว สิ่งที่ดีที่สุดคือการไม่พูดอะไรเลยหรือออกจากสถานการณ์นั้น แต่ถ้าคนนั้นเป็นคนที่คุณรู้จักกันอย่างดี อาจจะมองได้ว่า อารมณ์อันฉุนเฉียวและก้าวร้าวในครั้งนี้ ส่งสัญญาณบอกว่าเขากำลังเผชิญกับเรื่องแย่ๆ หรือต้องการกำลังใจ
’คนเฮงซวยคนเดียวหรือไม่กี่คน สามารถทำลายองค์กรที่เคยมีอารยธรรมลงได้อย่างรวดเร็ว’
การพบเจอกับคนเฮงซวยเพียงครั้งเดียว อาจทำให้คนคนหนึ่งกลายเป็น ’พาหะ’ แพร่เชื้อพลังลบต่อไปให้คนอื่นๆได้อีกด้วย พฤติกรรมที่ดูถูกและไม่ให้เกียรติจะแทรกซึมเข้าไปในความสัมพันธ์อื่นๆระหว่างคุณกับคนนอกด้วย เช่น พนักงานที่ถูกถากถาง เหยียบย่ำสภาวะจิตใจ มักพลอยปฏิบัติไม่ดีกับสมาชิกในครอบครัวหรือคนรักด้วย
หลายครั้งที่เราสามารถหนีจากความเฮงซวยได้ แต่เราหาเหตุผลให้กับความพยายามและความทรมาน
คุณรู้ดีว่ามันห่วย แต่พยายามหาเหตุผลให้กับมัน โดยการหลอกตัวเองว่า มันมีอะไรที่คุ้มค่ารออยู่ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ยอมทนทรมานอยู่หรอก อาการแบบนี้จะส่งผลให้เกิดการรับรู้ที่บิดเบือน และพฤติกรรมที่เป็นโทษต่อตัวเอง
แอดมินจะยกตัวอย่างคำที่มนุษย์ใช้โกหกตัวเองเพื่อทนต่อความเฮ็งซวยที่เราเองคุ้นเคยและอาจเคยพูด
"มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกจริงๆแล้ว"
"มันกำลังจะดีขึ้นเร็วๆนี้"
"ฉันจะออกไปเจอสิ่งที่ดีกว่า ทันทีที่ทำเรื่องนี้เสร็จ"
"ฉันกำลังเรียนรู้อะไรได้มากมายจากเหตุการณ์พวกนี้"
"มันแย่ก็จริง แต่มีคนอื่นเจอที่แย่กว่าเราอีกนะ"
ส่วนในบางคนที่เลิกได้แต่ไม่เลิกมักจะยอมอยู่ต่อเพราะมีเหตุผลที่ดีในด้านอื่นๆ หรือบางทีความเสียหายที่เขาได้รับอาจจะไม่ร้ายแรงพอที่จะให้ตัดสินใจเริ่มต้นหนทางใหม่
หรือแม้แต่บางคนทนอยู่เพราะมุ่งมั่นที่จะต่อสู้และเอาชนะคนที่ทรมานพวกเขาให้ได้
มนุษย์พวกนี้เราจะเรียกพวกเขาว่า โล่มนุษย์
หัวหน้าที่ยอดเยี่ยมบางคนจะภูมิใจกับการที่ได้ทำตัวเป็นโล่มนุษย์ รับมือกับความขัดแย้งจากคนเบื้องบนและดูดซับความรุนแรงเอาไว้เพื่อลูกน้องอีกหลายๆคน
ยกตัวอย่างดิสนีย์เองก็มีกลุ่มคนลักษณะแบบโล่มนุษย์ พวกเขาคือพวก คาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนที่เราเห็นตามดิสนีย์แลนด์ เพราะถึงแม้ดิสนีย์แลนด์จะเป็นดินแดนแห่งความสุข แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะมีลูกค้าบางคนที่แสดงพฤติกรรมไม่ดี ส่อไปในทางลบ หรือแม้แต่แผ่ขยายความเศร้าก็ด้วย
ผู้บริหารดิสนีย์เองก็เชื่อในหลักการที่คนหนึ่งคนสามารถเป็นพาหะ แพร่กระจายพลังลบไปให้ลูกค้ากลุ่มอื่นๆได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ตัวละครที่เราเห็นเดินพบปะลูกค้าอยู่ทั่วดิสนีย์แลนด์ หรือที่ดิสนีย์เรียกกันว่า (ผู้รับมือกับคนเฮงซวย) จะถูกฝึกฝนให้รับมือกับพลังลบและแยกพวกเขาให้ปลีกออกมาจากลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ส่วนลูกค้าที่สติหลุดเป็นพิเศษจะถูกแยกไปยังห้องสงบสติอารมณ์
ท้ายที่สุดพนักงานจะผลัดกันรับบทพบปะคนเฮงซวยสลับกันไป
แต่ถึงอย่างนั้นมนุษย์ทุกคนย่อมต้องการเซฟโซนหรือเขตปลอดภัย คุณอาจจะเคยได้ยินห้องกรี๊ดจากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คุณได้พักผ่อน และพักฟื้นจากอาการหัวร้อนหรือแม้แต่สงบสติอารมณ์ของคุณเอง ในเมื่อเราแก้ไขคนอื่นไม่ได้ เขตปลอดภัยจะเป็นที่ให้ใจเราได้พักฟื้นและสงบลง
แม้แต่สถานที่ธรรมดาบางที่ก็สามารถเป็นเขตปลอดภัยให้คุณได้ ที่พบเห็นได้ทั่วไปเช่น โถงทางเดิน ทางหนีไฟ ห้องน้ำ หรือที่ตั้งคูลเลอร์น้ำ สถานที่เหล่านี้มักเป็นที่ที่คนส่วนมากยืนสงบสติอารมณ์ หรือทำกิจกรรมคลายเครียดอย่างเช่นสูบบุหรี่
เคยมีนักสังคมวิทยาได้ศึกษาวิจัย ทฤษฎีเกี่ยวกับห้องน้ำ เมื่อคนเราต้องเจ็บปวดจากคนเฮงซวย หรือทุกข์ใจ ห้องน้ำจะกลายเป็นสถานที่หลบคนหรือสงบสติอารมณ์จากการอารมณ์เสีย นอกจากจะเป็นสถานที่ ซ่อมหน้าตัวเองให้อยู่ในสถาพที่พร้อม ในฝั่งตะวันตกห้องน้ำหญิงยังเป็นที่ที่ผู้หญิงมารวมตัวกันเพื่อปลดทุกข์และหลบหนีจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจ
ถ้าคุณหลีกหนีจากคนเฮงซวยไม่ได้จริงๆ วิธีเลี่ยงก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด มาดูกันว่าวิธีไหนที่เหมาะกับคุณ
1.เดินหนี หรือ ย้ายหนีจากคนเฮงซวยที่เป็นภัย
2.เลือกที่ที่สบตากับคนเฮงซวยได้ยากที่สุด
3.ชะลอการพูดของคนเฮงซวย ปลอบประโลมด้วยถ้อยคำสุภาพ
4.ลดการติดต่อ หรือ พูดคุยกับคนเฮงซวยถ้าไม่จำเป็น
5.ทำตัวล่องหน พูดให้น้อย ทำตัวให้น่าเบื่อที่สุด
6.แชร์กระสุน หากลุ่มคนที่เข้าใจช่วยกันรับแรงกระแทก
7.หรือแม้แต่การสร้างระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า ประเมินสถานการณ์
เปลี่ยนกรอบความคิด ปรับมุมมอง ดูจะเป็นเกราะป้องกันตัวได้ดีที่สุด และเป็นวิธีที่นักบำบัดใช้เปลี่ยนความคิด
คิดเอาไว้เลยว่า คุณไม่ผิด พวกคุณไม่ใช่คนที่ควรถูกด่าหรือว่าร้าย ไม่มีเหตุผลที่คุณต้องโทษตัวเองหรือเครียด จากการที่คนเฮงซวยแสดงพฤติกรรมเหล่านี้ออกมา
มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น คุณต้องยอมรับว่าคุณอยู่ในโลกที่มีแต่คนงี่เง่า คำพูดที่เกิดขึ้นไม่ได้เลวร้ายหรืออันตรายอย่างที่คุณคิด ปรับความคิดเสียใหม่ช่วยปกป้องคุณจากเรื่อง
หรือแม้แต่การคิดว่า คนคนนี้ไม่ได้โกรธอะไรคุณ มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว เขาแค่เจอเรื่องแย่ๆมาในวันนี้ และเมื่อคุณถูกด่าหรือปฏิบัติแบบเฮงซวยขึ้นมาจริงๆ ปฏิกิริยาลบของคุณจะลดลง หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ เพราะคุณเตรียมตัวมาดีแล้ว
มองปัญหาจากอนาคต คุณลองคิดว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ความรู้สึกนี้จะคงอยู่แค่ชั่วคราว ลองคิดถึงปัญหาเลวร้ายที่คุณผ่านมาได้ในอดีตสิ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ลองคิดถึงตัวคุณในวันพรุ่งนี้หรือสามวันข้างหน้า คุณคงไม่หงุดหงิดหรือเสียใจกับเรื่องพวกนี้แล้วหละ
จบแล้วเล่มนี้แนะนำเลยค่ะ หนังสือให้ประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะเราเองก็เป็นพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งเหมือนกัน ย่อมเจอเรื่องเฮงซวยเป็นเรื่องปกติ ยอมรับว่าแอดมินซื้อเล่มนี้เพราะอาการหัวร้อนเหมือนกัน ถึงแม้บางอย่างที่อ่านแล้วดูจะเป็นเรื่องพื้นๆที่เราได้ยินมาทั่วไปเยอะแล้ว แต่ภายในเล่มจะมีการยกตัวอย่างเคสต่างๆให้เข้าใจบริบทมากขึ้น และมองย้อนมาดูตัวเองได้ง่าย มีกลยุทธ์อีกมากมายที่อ่านแล้วเกิดประโยชน์และทำให้เราผู้อ่านฉุกคิดได้แน่นอน
ขอยกให้หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือฝึกจิตเล่มนึงเลยค่ะ
ความผิดพลาดหนะดี แต่ไม่ต้องพลาดเองทุกอย่างน่าจะดีกว่าและเจ็บปวดน้อยกว่า จงเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น คุณไม่ได้มีชีวิตอยู่นานพอที่จะผิดพลาดเองทั้งหมด
Eleanor Roosevelt
ผู้เขียน : Robert T Sutton
ผู้แปล : ไอริสา ชั้นศิริ
สำนักพิมพ์ : Amarin HOW-TO
#รีวิวหนังสือ #หนังสือเล่มนั้นที่ร้านนี้ #แนะนำหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
โฆษณา