15 ก.ย. 2023 เวลา 22:45 • อาหาร

น้ำเต้าหู้ อู้หู

ถ้าจะกล่าวถึงน้ำเต้าหู้ เชื่อได้เลยว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพียงแค่ได้ยินชื่อเมนูนี้สรรพคุณในอุดมคติก็ลอยมาเลยว่าเป็นเมนูที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมยังมีรสชาติอร่อย เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมว่า เมนูน้ำเต้าหู้ ใครเป็นเจ้าของสูตรลับโบราณที่ยังคงฮอตฮิตต่อเนื่องมานานนับพันปี แล้วมีประโยชน์สมคำล่ำลือหรือเปล่านั้น
วันนี้จะมาเล่าความเป็นมาของน้ำเต้าหู้ รวมถึงประโยชน์และข้อจำกัดที่พึงระวังกันค่ะ
ต้นกำเนิดเมนูน้ำเต้าหู้
มีคนเล่าว่ากันว่า น้ำเต้าหู้ เกิดขึ้นในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อราว ๆ สองพันปีมาแล้ว ซึ่งในยุคนั้นอาหารการกินยังไม่ได้อุดมสมบูรณ์และหลากหลายเหมือนเช่นทุกวันนี้
น้ำเต้าหู้นี้ เกิดขึ้น ณ เมืองฮวายหนานในมณฑลอานฮุย โดยหลิวอัน ในเวลานั้นมารดาของเขาล้มป่วยลง ทานอะไรก็ไม่ค่อยได้ ไม่ถูกปาก ด้วยความเป็นห่วงในสุขภาพของมารดา หลิวอันจึงพยายามเสาะหาอาหารที่ทานง่าย อร่อย และมีประโยชน์
กระทั่งวันหนึ่ง เขาได้นำถั่วเหลืองแช่น้ำข้ามคืนไปบด แล้วคั้นเอาส่วนน้ำโดยแยกกากออก กรองจนเหลือแต่น้ำสีเหลืองนวล แล้วนำไปต้มให้มารดาดื่มเป็นประจำ อาการดีขึ้นจนหายป่วยในที่สุด
ด้วยความกตัญญูและผลการรักษาทางอ้อมที่ดีจากการดื่มน้ำเต้าหู้ ส่งเสริมให้มารดามีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์เน้นๆน้ำเต้าหู้
นอกจากรสชาติที่หอมหวาน กลมกล่อม ดื่มง่าย น้ำเต้าหู้ยังแฝงไปด้วยสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่
1. น้ำเต้าหู้ช่วยลดความอ้วน ลดน้ำหนัก และควบคุมปริมาณไขมันได้
สาว ๆ ที่ใส่ใจสุขภาพต้องโฟกัสข้อนี้เลย เนื่องจากในน้ำเต้าหู้อุดมไปด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวในปริมาณสูง และมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย มีคอเลสเตอรอลต่ำ ซึ่งจะส่งผลดีคือไม่ทำให้อ้วน
ในน้ำเต้าหู้ยังประกอบไปด้วย เลซิติน ที่มีส่วนช่วยในการลดคลอเลสตอรอล และสลายไขมันเลวที่ร่างกายไม่ต้องการ ซาโปนิน ช่วยลดการดูดซึมไขมันให้ลดน้อยลง และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ฟอสฟอรัสและวิตามินบี ช่วยให้เหงือกและฟันแข็งแรง รวมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมันอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงปริมาณน้ำตาลที่แอบแฝงมากับรสชาติหอมหวานนี้ด้วยนะจ๊ะ
น้ำเต้าหู้ ประโยชน์จัดเต็มที่สาว ๆ ต้องว้าว กับประวัติความเป็นมากว่าสองพันปี
เต้าหู้ก้อนแบบนิ่ม หรือเต้าฮวยที่เรารู้จักกันดี ว่าท่าอ๋องหลิวอันคนเดียวกันนี้ได้บังเอิญทำ “เจี๊ยะกอ” (石膏)หรือผงยิปซัมร่วงลงไประหว่างต้มน้ำเต้าหู้ ทำให้น้ำจับตัวกันเป็นก้อนอ่อนนุ่ม ได้รสสัมผัสใหม่ที่หอมอร่อยและทานง่าย
จากนั้นพระภิกษุชาวจีนรูปหนึ่งมีนามว่า เจียนเจิน ได้เดินทางไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นและนำสูตรเต้าหู้เหล่านี้ไปบอกกล่าวจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ต่อมาในราชวงศ์ซ่ง ได้เผยแพร่สูตรน้ำเต้าหู้นี้ไปยังประเทศเกาหลีเหนือ ขยายวงกว้างไปเรื่อย ๆ กระทั่งในศตวรรษที่ 19 เมนูน้ำเต้าหู้ก็โด่งดังไปถึงทวีปยุโรป แอฟริกา และอเมริกาเหนือ
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงจุดเริ่มต้นจากเมืองเล็ก ๆ ในประเทศจีน ก็สามารถเผยแพร่วัฒนธรรมการทานอาหารของชาวเอเชียไปยังทั่วโลกได้ ด้วยความหอมหวาน และสรรพคุณที่มีประโยชน์ในตัวของน้ำเต้าหู้ ทำให้เป็นเมนูโบราณที่ยังฮอตฮิตติดชาร์ทจนถึงปัจจุบัน
2. มีใยอาหารสูง ช่วยลดอาการท้องผูก
การดื่มน้ำเต้าหู้เป็นประจำช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายดีขึ้น แถมยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ เพราะใยอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการดักจับไขมันจากอาหารที่เราทานเข้าไป และป้องกันการดูดซึมของสารก่อมะเร็ง รู้อย่างนี้แล้วต้องหันมาใส่ใจทานอาหารที่มีเส้นใยสูงกันนะจ๊ะ
3. น้ำเต้าหู้ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันกระดูกพรุนได้
น้ำนมถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวนอยด์ ที่มีส่วนช่วยลดการสลายกระดูก ทำให้มวลกระดูกหนาแน่นขึ้น พบว่าผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป หากได้รับไอโซฟลาโวนอยด์วันละ 50-150 มิลลิกรัมเป็นประจำ สามารถช่วยละอาการกระดูกพรุนได้  และยังช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินดีในกระดูกของผู้หญิงวัยทองอีกด้วย
4. ช่วยลดความดันโลหิต และลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
การดื่มน้ำเต้าหู้มีส่วนช่วยในเรื่องความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัวและคลายตัวได้ และยังทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ร่วมกับการเป็นโรคไตนั้นสามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ จากการทดลองพบว่าการบริโภคน้ำเต้าหู้มีผลต่อการควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น แต่อย่าลืมว่าต้องจำกัดปริมาณน้ำตาลแอบแฝงด้วยนะ ทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ป่วยคือดื่มน้ำเต้าหู้แบบไม่เติมสารให้ความหวานจะดีที่สุด
5. น้ำเต้าหู้เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องการแพ้นมวัว หรือดื่มนมวัวแล้วย่อยไม่ดี ท้องเสีย หรือดื่มนมวัวไม่ได้
เนื่องจากในน้ำเต้าหู้ไม่มีน้ำตาลแลกโตส (lactose) และกรดอะมิโนเคซีน (casein) เหมือนในน้ำนมวัว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโปรตีนจากการดื่มนมแต่ไม่สามารถดื่มนมวัวได้ การดื่มน้ำเต้าหู้จึงเป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว
แม้ว่าน้ำเต้าหู้มีคุณประโยชน์มากมายหลายประการ แต่ก็ไม่ใช่เหมาะกับทุกกลุ่มคน ผู้ที่ป่วยเป็นลำไส้อักเสบเรื้อรัง ผู้ท้องเสียง่าย ก็ไม่ควรดื่มมากและบ่อย และแต่ละครั้ง ไม่ว่าใครก็ไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะจะทำให้กระเพาะมีภาระหนักขึ้นในการย่อยโปรตีนจากพืช จนท้องเฟ้อ และท้องเสีย
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ต้องต้มน้ำเต้าหู้ให้สุกเต็มที่ก่อนดื่ม ไม่งั้นจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และไม่ควรใส่ไข่ไก่ดิบเข้ากับน้ำเต้าหู้ เพราะจะทำให้น้ำเต้าหู้มีเชื้อโรค ทำลายสุขภาพ ส่วนการใส่น้ำตาลทรายแดงเข้าในน้ำเต้าหู้ก็ไม่ดี จะส่งผลกระทบต่อการดูดซึมแคลเซียมและสารอาหารอื่นๆ แต่ใส่น้ำตาลทรายขาวไม่มีปัญหาค่ะ
โฆษณา