17 ก.ย. 2023 เวลา 01:32 • ความคิดเห็น
คือความบอบบาง
โลกนั้นงดงาม แต่ก็โหดร้ายพอที่จะเคี้ยวกินความไร้เดียงสาอย่างทารกอ่อนๆ ได้อย่างทารุณ หากต้องการอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ให้ยืนยาวและแข็งแกร่ง สิ่งมีชีวิตต้องสรา้งผิวหนังที่หยาบกร้าน ข้นแข็งขึ้นมาเพื่อปกป้องใจดวงน้อยๆ จากโลกที่โหดร้ายทารุณ หน้ากาก คือชั้นผิวหนังของสังคม มันทำให้คนอื่นๆ รู้ว่าเราเป็นใคร สถานะเป็นอย่างไร ตำแหน่งแห่งที่ในความสัมพันธ์ทางสังคมที่จะต้องมีปฎิสัมพันธ์กันเป็นอย่างไร หากไม่มีเจ้าหน้ากากนี่แล้ว ไม่รู้สิ มนุษย์เราคงเปล่าเปลือย
แต่สังเกตไหมว่า เรามักจะเอียงอายความเปลือยเปล่าของตัวเอง ยิ่งต่อหน้าสาธารณชนเรายิ่งอับอายความเปล่าเปลือยล่อนจ้อนนั้นเข้าไปใหญ่ ซึ่งก็ถูกแล้ว เพราะคือสัญญาณของความมีอารยธรรม (ฉะนั้นมนุษย์ในสวนสวรรค์ของพระเจ้าไม่ได้มีอารยธรรมแต่อย่างใด ทั้งอดัมและอีฟต่างอยู่กันอย่างสัตว์ป่า พวกเขาไม่รู้จักความอับอายในความเปลือยเปล่าของตัวเองด้วยซ้ำ จนกระทั่งพวกเขาได้รับความอับอายนั้นมาจากซาตาน เห็นไหมว่า คนแต่งคำภีร์ชาวคริสต์นั้นชอบเรื่องย้อนแย้งเหมือนพวกกรีกไม่มีผิด
มนุษย์ได้รับความอับอาย ซึ่งเป็นลักษณะอันดีงาม มาจากความชั่วร้าย) เราจึงต้องแต่งตัวกันให้มิดชิด ประดับประดาหน้ากากของเราหรูหรางดงามอย่างที่สุด เหมือนหญิงสาวสมัยนี้ที่จะต้องแต่งหน้าเสมอก่อนอวดโฉมสู่สาธารณชน (แล้วผู้ชายเราก็กำลังจะเอาอย่างตามพวกเธอไปด้วย) เราจะ "เปิดเผย" ความเปลือยเปล่าของเราก็ต่อฌฉพาะคนที่เรารักเพียงเท่านั้นแหละ
ในแง่หนึ่ง "หน้ากาก" ทำให้เราเกลียดชังธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเอง เราเกลียดชังตัวตนที่เปล่าเปลือยของตัวเอง เกลียดชังความไร้เดียงสา ความจืดชืด ว่างเปล่า ไม่มีอะไรของตัวเอง มันจะเป้นอย่างนั้น หากเราหลงไหลหน้ากากของเราและคนอื่นๆ จนหลงลืมเหตุผลที่เราต้องใช้งานมัน นั่นคือ
ในแง่หนึ่ง "หน้ากาก" ช่วยปกป้องเราจากโลกภายนอก โลกอันมีสัมผัสที่แสนหยาบกร้านและโหดร้าย ไม่มีสัมผัสจากผิวหนังใดในโลกนี้ที่จะนิ่มนวนเท่าสัมผัสของจิตใจ ต่อให้มันอบร่ำด้วยเครื่องประทินผิวอันเลอค่าอย่างเท่าไหร่ๆ ก็ไม่อาจอ่อนโยนเท่าสัมผัสของหัวใจอันเปี่ยมรัก ของคนที่มีรักให้ต่อกัน แต่ก็นั่นแหละ นี่มันออกนอกประเด็นแล้ว (โอ้ผมช่างออกนอกเรื่องได้ดีจริงๆ) ก็เพราะโลกมันมีสัมผัสอันหยาบกร้านและโหดร้ายอย่างนั้นแหละ เราจึงต้องปั้นแต่งใบหน้าเทียมๆ ขึ้นมาเพื่อสวมใส่ให้กับตัวเราเอง ใบหน้าที่แสดงวามนอบน้อม
ใบหน้าที่แสดงความเคียดขึง หน้ากากแห่งความร่ำรวย หน้ากากแห่งความยากจน แห่งความเป็นคนผู้ดี แห่งความเป็นคนกักขฬะ แห่งความเป็นผู้มีปัญญานักวิชาการ(ช่างใสปิ๊งเสียจริง) แห่งความโง่เง่าเต่าตุ่น เหล่านี้ล้วนจอมปลอมด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็งดงาม และมีประโยชน์ต่อโลกอันจอมปลอมนี้ด้วยเช่นกัน
1
คุณเคยเห็นตัวตุ่นไหม มันเป็นสัตว์ที่โง่บัดซบอย่างที่สุด ดวงตาเล็กจิ๋วเหมือนเข็มหมุด จมูกแหลมๆ น่าเกลียด ซุกหัวอยู่แต่ใต้ดิน เมื่อมีใครมาเปิดโพลงมันออกให้ลมจากภายนอกเข้าไปได้บ้าง มันจะรีบขุดดินขึ้นมาปิดปากโพลงนั้นให้ไวที่สุด ปานกันกับพวกหัวอนุรักษ์นิยมบ้านเราเลยนั่นแหละ พวกมันจะตายอย่างโง่ๆ ด้วยเครื่องดักของชาวนาที่พวกเขาทำด้วกระบอกไม้ไผ่ เสียบเข้ากับคันธนูที่เหมือนๆ กับคันเบ็ดตกปลา เมื่อโก่งคันธนูนั้นลงมาแล้วใช้เถาวัลย์รั้งไว้ให้เหมือนรากไม้ รากไม้ปลอมๆ!
แล้วบ่วงเข้ากับคันธนูนั่นอีกทีโดยให้บ่วงอยู่ภายในกระบอกไม้ไผ่ เมื่อเจ้าตุ่นหน้าโง่มุดเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่อันนั้น แล้วมาเจอรากไม้ปลอมๆ นั่นเข้า ด้วยความโง่เง่าของมัน หลงคิดว่าของปลอมๆ นั่นเป็นของจริงที่กีดขวางมันอยู่ มันจะกัดด้วยฟันน่าขยะแขยงของมันจนรากไม้ปลอมๆ ที่รั้งคันธนูไว้ขาด แล้วบ่วงก็จะรูดรัดคอมันตาย ใช่ ตายอยู่ภายในกระบอกไม้ไผ่อันอุดอู่ เหมือนๆ กับรูของมัน ช่างเป้นการตายที่น่าสมเพชอะไรอย่างนั้น
ต้องชื่นชมคนที่ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์นี้ขึ้นมา สำหรับสิ่งที่ชอบอยู่แต่ในรู พวกเขาก็ทำให้มันตายอยู่ภายในรู แต่เป็นรูปลอมๆ ที่พวกสร้างขึ้นมาอีกที
บางทีซักวัน (หรือไม่ก็ตอนนี้แหละ) มนุษย์เราอาจจะเป็นเหมือนกับตุ่นพวกนี้ เราจะกัดรากไม้ปลอมๆ ให้ขาด ภายใต้หน้ากากปลอมๆ ที่เราสร้างขึ้นมาเอง แล้วก็ถูกบ่วงรัดคอตายอยู่ภายในหน้ากากปลอมๆ นั้น โอ้! นี่จะไม่เท่ากับว่าเราโง่ซะยิ่งกว่าตัวตุ่นซะอีก ตุ่นตายในเครื่องดักของนายพราน แต่เราจะตายในเครื่องดักของตัวเอง อนาถอะไรอย่างนั้น
โฆษณา