18 ก.ย. 2023 เวลา 04:32 • หุ้น & เศรษฐกิจ

รู้ว่าstoplossแล้วปลอดภัย แต่ทำไมเราไม่stoploss?

สิ่งหนึ่งที่เราต้องมีเพื่อที่จะให้เราอยู่รอดในตลาดหุ้นได้คือstoploss
เพราะการปล่อยให้เกิดการขาดทุนขนาดใหญ่นอกจากจะทำให้portเสียหายแล้ว ยังส่งผลต่อจิตใจของเราด้วย การที่เราเห็นportติดลบหนักๆจะทำให้เราเกิดความอยากเอาคืน หรือเกิดความท้อแท้ ซึ่งทั้ง2อย่างไม่ส่งผลดีต่อการลงทุน
ถึงเราจะรู้อย่างนั้นแต่ก็มีคนอีกมากมายที่ไม่stoploss หรืออยากstoplossแต่ก็ติดปัญหาบางอย่าง ซึ่งผมคิดว่าสาเหตุหลักๆมีดังนี้
1.ใช้fundamentalอย่างเดียว
ข้อนี้จริงๆก็ไม่ถึงกับไม่มีstoplossแต่ก็เป็นอะไรที่ใกล้เคียงมาก เพราะการใช้fundamentalอย่างเดียวโดยมากจะขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน
ตรงพื้นฐานเปลี่ยนของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนอาจมองว่า ยอดขายตก กำไรตก ก็ถือว่าพื้นฐานเปลี่ยนแล้ว บางคนรอจนมีเรื่องกระทบกิจการจริงๆค่อยขาย
นอกจากนั้นการใช้fundamentalจะทำให้เราเกิดbiasจากupside คือมองว่ายิ่งหุ้นลงยิ่งมีupsideมากขึ้น ดังนั้นเมื่อหุ้นลงมาลึก พร้อมเฉลยว่างบแย่หรือพื้นฐานเปลี่ยน จึงทำให้เกิดความเสียหายได้มาก
ทางแก้เรื่องนี้สำหรับผมคือถ้าเราซื้อในจุดที่มีMOSเพียงพอแล้วผมจะตั้งSLที่15% หรือแบ่งขายที่ 15% 1/2 และ 20% อีก1/2
เพราะถ้าเราซื้อหุ้นที่มีMOSเพียงพอแล้วปกติหุ้นจะแกว่งตัวอยู่ในระดับ 15-20% (ถ้าเป็นกราฟคือกำลังสร้างbaseอยู่)
ค่าstoplossนี้อาจจะปรับให้น้อยลงได้ตามความconservativeและสถิติการซื้อของเรา ถ้าข้อมูลบอกว่าการซื้อของเราconservativeจนstoploss 10%เอาอยู่ก็สามารถลดSLลงมาได้
ผมคิดว่าwinrateเฉลี่ยของสายfundamentalคือประมาณ40-50%(จริงๆผมคิดว่าคนที่ใช้fundamentalเก่งๆน่าจะมีwinrateระดับ60-70%) และเป้าของกำไรในแต่ละการซื้ออยู่ที่ประมาณ30%
ดังนั้น RRR 1:2 สำหรับผมคือว่าใช้ได้(RRR 1:2 ต้องการwinrate 33% สำหรับ breakeven)
ผลตอบแทน
ที่winrate 30% จะได้ -29.57% ทบต้น
ที่winrate 40% จะได้ 7.71% ทบต้น
ที่winrate 50% จะได้ 64.75% ทบต้น
ถ้าเราเลือกหุ้นgrowthที่มีMOSตามแบบpeter lynch 5ตัว อาจมีตัวที่ได้เป็นเด้ง1ตัว ผลตอบแทนธรรมดา 4 ตัว ขาดทุน 1 ตัว โดยรวมแล้วผมว่าผลตอบแทนก็น่าจะใช้ได้
2.มีปัญหาจากwatchlist หรือจากการAll-in
การที่เราไม่สามารถสร้างwatchlistที่มีคุณภาพ หรือเรามีหุ้นในwatchlistในปริมาณที่น้อยทำให้เราไม่อยากที่จะSL
เพราะเราจะมีความกลัวที่จะไม่ได้ผลตอบแทนดีๆ กลัวที่จะหาหุ้นไม่ได้ ทำให้เราเกิดbiasขึ้นว่าหุ้นที่เรามีคือหุ้นที่ดี มีupside ยิ่งหุ้นลงupsideยิ่งมาก
นั่นทำให้เกิดการซื้อถัวเฉลี่ยขาลง ซึ่งบางครั้งอาจได้ผล แต่การทำแบบนี้ทำให้เราเสียวินัย และสุดท้ายถ้าหุ้นไม่กลับมาเป็นขาขึ้นพอร์ตจะเสียหายมาก
การAll-inก็เป็นผลพวงจากการที่เราไม่สามารถสร้างwatchlistที่มีปริมาณหุ้นเพียงพอได้ เพราะทำให้เราเกิดความอยากที่จะเร่งผลตอบแทน ด้วยการถือตัวเดียว
โดยปกติแล้วriskที่เราจะเสี่ยงในแต่ละpositionไม่ควรเกิน 1.5% port ดังนั้นการAll-inหุ้นตัวเดียวโดยไม่ถัวเฉลี่ยขาขึ้นจะทำให้พอร์ตมีความเสี่ยงสูงมาก และเมื่อหุ้นลงก็จะเกิดความไม่อยากขายหุ้นเพราะทนเห็นตัวเลขติดลบไม่ได้
วิธีการแก้คือเราต้องพยายามหัดสร้างwatchlistให้มีปริมาณหุ้นมากเพียงพอ ซึ่งจะทำให้เราไม่เกิดความกดดันในการที่ต้องขายหุ้น
การสร้างwatchlistควรมีข้อกำหนดให้แน่ชัดว่าหุ้นควรมีลักษณะแบบไหนถึงผ่านเกณฑ์ที่จะเข้ามาอยู่ในwatchlist การที่เรามีข้อกำหนดที่ชัดเจนจะทำให้เรากล้าที่จะถือเงินสดในเวลาที่ไม่มีหุ้นในwatchlist และเราควรเก็บข้อมูลว่าหุ้นที่อยู่ในwatchlistทั้งที่เราซื้อและไม่ซื้อให้ผลตอบแทนเป็นยังไง เพื่อปรับปรุงคุณภาพwatchlist
3.โดนLosing streakติดกันจนช้ำ
เรื่องนี้เป็นปัญหาของนักลงทุนที่ลงทุนที่มีประสบการณ์ประมาณนึง และเริ่มเข้าใจในความสำคัญของการSLแล้ว แต่เมื่อตลาดไม่ดี winrateของเราจะตกลงมาก อาจอยู่ในระดับ 10-20% นั่นหมายความว่า
ถ้าwinrateอยู่ที่10% เรามีโอกาสที่เราจะเจอ 11 losing streak 100%
ถ้าwinrateอยู่ที่ 20% เรามีโอกาสที่เราจะเจอ 11 losing streak 97.2%
เมื่อเทียบกับปกติแล้ว
ถ้าwinrateอยู่ที่ 50% เรามีโอกาสที่เราจะเจอ 11 losing streak 1.9%
ดังนั้นเมื่อตลาดไม่ดีเราต้องลดposition sizeลงเรื่อยๆ เช่นจากปกติเทรดที่size 20%ก็อาจจะลดลงเหลือ 10% และลดลงเรื่อยๆ ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ต้องหยุดเทรดอาจจะหยุด 5วันหรือ10วันก็แล้วแต่การวางระบบของเรา
การลดposition sizeจะทำให้portของเราไม่เกิดdrawdownลึกมาก ซึ่งจะทำให้สภาวะจิตใจยังดีและสามารถคงวินัยในการSLไว้ได้
4.วินัยเสียจากการไม่ทำตามกฎ
เวลาที่ตลาดแย่มันจะแย่ยาวนานกว่าที่เราคิด ต่อให้เราเป็นคนที่มีวินัยและระบบเทรดที่แข็งแกร่ง ถึงแม้เราจะคุมDDได้ แต่การที่เราโดนSLอย่างยาวนานจนไม่สามารถดันExposureไปได้เยอะๆก็จะทำให้เรารู้สึกอึดอัด
ความอึดอัดจะทำให้เราเกิดstyle drift เพราะเกิดbiasจากการมองผลการเทรดของคนอื่น(ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นความจริงรึเปล่า) และพยายามแก้ปัญหาเพื่อให้สามารถเทรดในสภาวะตลาดhard pennyได้
หนึ่งในวิธีการที่ชอบทำกันคือยืดSLให้กว้างขึ้น เพราะในตลาดhard pennyเราจะโดนshake outอยู่เสมอ และจะสร้างความเจ็บปวดยิ่งขึ้นเมื่อหุ้นshake outแล้ววิ่งไปไกล
การที่เรายืดbreakoutแล้วได้ผลในช่วงแรก จะเป็นต้นเหตุของการเสียวินัย ถ้าเราไม่ควบคุมดีๆสุดท้ายเราจะไม่สามารถคุมSLได้ เพราะคิดว่าสุดท้ายหุ้นจะกลับมาเหมือนทุกๆครั้ง
วิธีแก้คือ
1.ถ้าจะยืดSLต้องกำหนดให้แน่นอน สร้างเป็นกฎใหม่ว่าเงื่อนไขแบบไหนถึงใช้SLนี้ และSLนี้จะเป็นเท่าไหร่ จากนั้นพยายามทำRRRให้ได้ 1:2
2.หยุดเทรด ถ้าเรามีความคิดที่จะแหกกฎแปลว่าสภาพจิตใจเราไม่พร้อม เราอาจต้องหยุดเทรด 1-2 week
3.อ่านกฎการเทรดของเราและบันทึกผลการเทรดก่อนตลาดเปิด การอ่านกฎการเทรดจะทำให้เรายึดมั่นในกฎ และบันทึกการเทรดจะเป็นตัวเน้นย้ำว่าการที่เราหย่อนกฎจะสร้างผลร้ายมาให้
บางครั้งเราอาจเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อนแล้วไม่ทำตามกฎจนสร้างผลร้ายให้กับพอร์ต แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรากลับลืมเรื่องพวกนี้ การอ่านบันทึกการเทรดจะทำให้ความระมัดระวังตัวของเรากลับคืนมาอีกครั้ง
โฆษณา