19 ก.ย. 2023 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จีนจะเป็นผู้นำโลกคนต่อไป ได้หรือไม่?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศจีนพยายามผลักดันตัวเองให้เทียบเท่ากับสหรัฐฯ ไม่ว่าจะด้วยการออกโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road)” เพื่อขยายการค้าขายระหว่างประเทศ
การส่งนักศึกษาจีนไปเรียนที่ต่างประเทศ หรือ การพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มต่างๆ ของตัวเอง ซึ่งจีนก็ทำได้ดีจนคนมากมายมองว่าจีนอาจกลายเป็นมหาอำนาจแทนสหรัฐฯ ในอีก 10 ปีข้างหน้า แต่ทว่า หลายสิ่งที่เกิดขึ้นปัจจุบันกลับทำให้มีคนเริ่มสงสัยกับความเป็นไปได้นั้นแล้ว
หนึ่งในสิ่งนั้นก็คือการที่เศรษฐกิจจีนเริ่มขยายตัวช้าลง อย่างในช่วงทศวรรษก่อนหน้า อัตราการเติบโตของประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7% ต่อปี แต่ตั้งแต่หลังโควิดมา ประเทศกลับโตช้าลงที่ราวๆ 5% ต่อปี แถมตัวเลขการเติบโตที่ดีขึ้นที่ 6.2% ในไตรมาส 2 ของปีนี้
ก็มาจากฐาน GDP ที่ค่อนข้างต่ำในปีที่แล้ว นี่แปลว่าการฟื้นตัวหลังโควิดไม่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นเท่าไร นอกจากนี้ การส่งออกก็น่าจะอ่อนแอไปอีกสักพักใหญ่ด้วย
จากการคาดการณ์ของ Capital Economics การส่งออกของจีนน่าจะแผ่วลงในหลายเดือนข้างหน้าเนื่องจากความต้องการซื้อทั่วโลกยังเจอปัญหาที่เรื้อรังมาจากช่วงโควิดและดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แถมโครงการยักษ์ใหญ่ที่น่าจะช่วยสนับสนุนการส่งออกของจีน อย่าง โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ก็ดูจะสั่นคลอนอีกด้วย นี่เป็นเพราะจีนกำลังเจอปัญหาเศรษฐกิจเองและหลายประเทศก็เริ่มผิดนัดชำระหนี้ที่ค้างไว้กับจีนหลังจากเจอปัญหาในช่วงโควิดไป
จากสถานการณ์เหล่านี้ American Enterprise Institute จึงมองว่าจีนไม่น่าจะได้เป็นผู้นำโลกในอีกหนึ่งหรือสองทศวรรษข้างหน้า ส่วน Bloomberg Economics มองว่าจีนอาจขยายตัวเกินสหรัฐฯ ได้ในปี 2040 แต่ก็จะได้ไม่มากและไม่นาน เพราะหลังจากนั้นเศรษฐกิจจีนจะโตช้าลงจนตามสหรัฐฯ ไม่ทันเนื่องจากปัญหาที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นในภาคอสังหาฯ และความเชื่อมั่นในผู้นำจีนที่ลดลง
นอกจากนี้ รายได้ต่อหัวของจีนก็ยังต่ำว่าและรายได้ต่อหัวของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอยู่มาก อย่างในปัจจุบันที่เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัว รายได้ต่อหัวของคนจีนอยู่สูงกว่าของคนในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางเพียงเล็กน้อย แต่ตอนที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มชะลอตัวในทำนองเดียวกันในปี 1990 รายได้ต่อหัวของคนญี่ปุ่นก็สูงกว่ารายได้เฉลี่ยของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (แผนภูมิ 1)
ซึ่งนี่ทำให้เห็นถึงความยากที่จีนจะตามรอยสหรัฐฯ หรือประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มมีปัญหา นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าจำนวนประชากรจีนที่มีรายได้ปานกลางจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ปัจจัยหลายอย่างก็ทำให้คนเหล่านี้ไม่ออกมาจับจ่ายใช้สอยกัน หนึ่งในปัจจัยนั้นคือการที่รายได้ของคนจีนโตช้าลงเรื่อยๆ มา 10 กว่าปีแล้ว (แผนภูมิ 2)
นอกจากนี้ การจ้างงานโดยภาครัฐฯ และบริษัทต่างชาติก็ลดลงด้วย อย่างในปัจจุบัน อัตราการว่างงานของหนุ่มสาวชาวจีนในเมืองก็พุ่งสูงแตะ 20% ไปแล้ว ซึ่งนี่ยังไม่รวมคนว่างงานที่อยู่นอกตัวเมืองด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุด สถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ของจีนยังไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการเติบโตในระยะยาว นโยบายที่ไม่แน่นอนและความสัมพันธ์กับต่างชาติที่ตึงเครียดทำให้ชาวจีนไม่กล้าออกมาใช้สอยกันเนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสงคราม แถมการลงทุนระยะยาวจากต่างชาติก็ลดลงเพราะบริษัทหลายแห่งไม่มั่นใจในนโยบายที่ไม่แน่นอนของจีนด้วย
ตามผลสำรวจของ European Chamber of Commerce ในจีน 64% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าการทำธุรกิจในจีนนั้นมีความท้าทายมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการออกแบบสำรวจมาในปี 2014
โดยสรุปแล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจและรายได้ที่ชะลอตัวบวกกับนโยบายและความสัมพันธ์กับต่างชาติที่ไม่แน่นอน กำลังลดโอกาสที่จีนจะก้าวขึ้นมาเป็นมาหาอำนาจในอีก 10 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อาจจะดีขึ้น หากรัฐบาลจีนออกนโยบายที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันได้อย่างตรงจุดและช่วยเสริมสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวได้
ผู้เขียน : บูชิตา ปิตะกาศ Economist, Bnomics
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
Sources:
โฆษณา