“หวังนิน” (Wang Ning) CEO ของ “Pop Mart International Group”
“คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มคนที่อิงกับความอินเทรนด์ และไล่ล่าตามเทรนด์อย่างแท้จริง มันจึงทำให้เราพบว่า Art Toy เป็นตลาดที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว Pop Mart จึงเริ่มนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม และสร้างสรรค์ให้กับผู้บริโภค รวมถึงมุ่งโฟกัสไปที่ การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (Customer experience) ด้วย” หวังนิน ผู้ก่อตั้ง Pop Mart กล่าว
ทำให้ในปี 2010 “หวังนิน” ซึ่งพยายามขายไอเดียธุรกิจ จนกระทั่งสามารถระดมเงินทุนจากบรรดาเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยมาได้ก้อนหนึ่ง จึงเปิดร้าน Pop Mart แห่งแรกขึ้นที่ “จงกวนชุน” (Zhongguancun) นครหนานหนิง ศูนย์รวม Startup ของประเทศจีนได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดีการตั้งต้นทำธุรกิจโดยยึดโมเดลธุรกิจเช่นเดียวกับ “LOG-ON” ของ Pop Mart กลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิด เนื่องจากประสบปัญหาในการบริหารงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการบริหารสินค้าคงคลัง, พนักงาน รวมไปจนกระทั่งถึงการให้บริการลูกค้า จนกระทั่งยากที่จะพบกับ “จุดคุ้มทุน” ด้วยเหตุนี้เจ้าของ Pop Mart จึงตัดสินใจไปเรียนหลักสูตร MBA ที่ Guanghua School of Management มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เพื่อเป็นการเสริมความรู้ด้านการบริหารธุรกิจเพิ่มเติม
●
Turning Point :
จนกระทั่งในปี 2014 จึงได้เกิด “จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ” เมื่อ “หวังนิน” ได้วิเคราะห์ธุรกิจของตัวเองอย่างจริงจัง และได้พบว่า “มีสินค้าอยู่หมวดหนึ่งที่ Pop Mart ขายดีที่สุด” นั่นคือสินค้าหมวด “Art Toy” ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของยอดขาย Pop Mart ในเวลานั้น ซึ่งนำโดย “ซอนนี แองเจิล” (Sonny Angel) ฟิกเกอร์อาร์ตสุดร้อนแรงจากประเทศญี่ปุ่น
ทำให้จากนั้นเป็นต้นมา Pop Mart จึงค่อยๆ ลดการขายสินค้าชนิดอื่นๆ และมุ่งโฟกัสไปที่การขายผลิตภัณฑ์ Art Toy ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นหลัก!
อย่างไรก็ดีหากมุ่งเน้นไปที่ “ขายของเล่น” เพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถทำให้ Pop Mart มีทุกวันนี้ได้อย่างแน่นอน มันจึงทำให้ “หวังนิน” มองหา “จุดขายอันโดดเด่น” ที่จะทำให้เกิด “ความแตกต่าง” จาก “คู่แข่ง”
ซึ่งปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้ที่มีต่อน้อง Molly นี้เอง ได้ช่วยผลักดันให้ Pop Mart กลายเป็นบริษัทที่สุดร้อนแรงขึ้นในบัดดล! และในบรรทัดด้านล่างนี้คือเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ณ ปัจจุบัน น้อง Molly และ “เคนนี วอง” สำคัญสำหรับ Pop Mart มากแค่ไหน?
ด้านความพยายามควานหา “ศิลปินเพชรเม็ดงามหน้าใหม่” จากทั่วทุกมุมโลกนั้น Pop Mart จะใช้วิธีผ่านการจัดงานแสดงโชว์สินค้าทั้งในประเทศจีน และต่างประเทศ เพื่อที่จะได้พบกับศักยภาพอันแท้จริงของศิลปิน รวมถึงวัดระดับความนิยมจากฐานแฟนคลับด้วย และหลังจากจบอีเวนต์ จะมีการวิเคราะห์และประเมินความเป็นไปได้ในการที่จะดึงศิลปินที่หมายตาเอาไว้มาร่วมงานกับแบรนด์ในท้ายที่สุด
●
Gashapon = Blind Box Toy :
“อังรี แบร์กซอง (Henri Bergson) นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสเคยกล่าวเอาไว้ว่า คนที่ไม่ได้ยินเสียงเพลงมักคิดว่าคนที่กำลังเต้นรำอยู่เป็นคนบ้า” หวังนิน CEO Pop Mart กล่าว
หากแต่ “หวังนิน” ได้ปรับกลยุทธ์กล่องสุ่มของ Pop Mart ให้เกิดความแตกต่างขึ้นเล็กน้อย โดยเขาจะเน้นไปที่รูปแบบของกล่องที่บรรจุผลิตภัณฑ์นั้นจะต้องทั้งหรูหรา และมีการออกแบบที่สามารถมัดใจคนที่มองเห็นได้ทันที
สำหรับเสียงเรียกร้องส่วนหนึ่งที่มองว่า “ธุรกิจกล่องสุ่ม” มีความสุ่มเสี่ยงที่จะเข้าข่าย “การพนัน” รวมทั้งยังนำไปสู่การเก็งกำไรในราคาที่สูงเกินจริง จนกระทั่งเรียกร้องให้มีการออกกฎหมายมาควบคุมธุรกิจประเภทนี้นั้น “หวังนิน” ได้เคยให้ความเห็นในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจในช่วงที่ Pop Mart เปิดระดมทุนที่ตลาดหุ้นฮ่องกง เมื่อปี 2020 ว่า...
“ในอดีตเมื่อผมพูดว่า ผมจะขายของเล่นให้กับกลุ่มผู้ใหญ่ คนส่วนใหญ่มองว่าผมบ้า เพราะกลุ่มผู้ใหญ่จะมาซื้อของเล่นได้อย่างไร? แต่พอมาถึงตอนนี้ใครๆ ต่างก็พูดว่าผมได้พบเหมืองทองคำแล้ว ทั้งที่จริงๆ มันต้องใช้ทั้งความกล้าหาญและความพยายามอย่างมากในการก้าวไปสู่อุตสาหกรรมที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน แถมเมื่อเริ่มต้น หนทางข้างหน้าก็เต็มไปด้วยความมืดมนเสียจนแทบจะมองไม่เห็นอนาคตเอาเลย” หวังนิน CEO Pop Mart กล่าว
มุมมองของ “หวังนิน” กลุ่มลูกค้าหลักของ Pop Mart คือ กลุ่มคนอายุระหว่าง 18-35 ปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพนักงานออฟฟิศ และนักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่เขตเมือง โดยในจำนวนนี้มากถึง 75% เป็นเพศหญิง
ด้วยเหตุนี้จึงต้องเน้นกลยุทธ์ให้ร้านค้าของเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของห้างสรรพสินค้าสำคัญๆ ในพื้นที่เขตเมืองเป็นหลัก เพื่อให้ Pop Mart สามารถใกล้ชิดและปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายสำคัญ คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ และฐานแฟนคลับได้ง่ายและสะดวกที่สุด เพราะสิ่งที่ปรารถนาไม่ใช่ต้องการให้แฟนคลับรักเพียงผลิตภัณฑ์ แต่ต้องการให้ลูกค้าหลงรักแบรนด์ด้วย...