21 ก.ย. 2023 เวลา 00:09 • ธุรกิจ

บทเรียนการทำธุรกิจกับเพื่อน จาก Death Note สู่เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของ Facebook

การทำธุรกิจกับเพื่อนถือว่าเป็น case study ในเรื่องปัญหาที่มักจะตามมาในภายหลังซึ่งมีน้อยคนนักที่สามารถทำธุรกิจร่วมกับเพื่อนแล้วจะประสบความสำเร็จในระยะยาวได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สบาย ๆ อย่างที่หลายคนคิด โดยเฉพาะปัจจัยเรื่องเงินและความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มักจะเข้ามารบกวนการทำธุรกิจอยู่เสมอ
2
ซึ่งเคสที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คงเป็นเรื่องของการก่อตั้งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอันดับหนึ่งของโลกในทุกวันนี้อย่าง facebook ที่เรียกได้ว่า ไม่ต่างจากศึกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดกันเลยทีเดียว
4
2
ถ้าย้อนกลับไปในช่วงปี 2004 นั้น เว็บไซต์ social network ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วและมีเจ้าตลาดอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น friendster หรือ myspace หรือในไทยเรา ก็เริ่มใช้ Hi5 กันแล้ว ถ้าหลาย ๆ คนยังคงจำได้
แล้ว facebook จะแจ้งเกิดได้อย่างไร ในวันที่ ระบบ social network เต็มไปหมดแล้ว ซึ่งถ้าใครหลายคนยังจำได้ การเข้าใช้งาน facebook ในช่วงแรก ๆ ที่เปิดให้คนทั่วไปใช้งานนั้น ต้องมีการ invite เข้าไปเล่น ไม่สามารถสมัครได้โดยตรง
เราอาจจะเคยได้ยินข่าวเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับการลอกไอเดียจาก snapchat ของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก โดยนำมาพัฒนาของตัวเองในฟีเจอร์อย่าง Stories ที่ตอนนี้มีทั้งใน facebook และ instragram ผลิตภัณฑ์หลักทั้งสองตัวของเขา
1
ก็ต้องบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับคนอย่าง มาร์ค ที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
การ copy ไอเดียนั้นเป็นเรื่องปรกติของมาร์ค มีผลิตภัณฑ์ startup หลายตัวมากที่ มาร์ค ทำการลอกเลียนแบบเพื่อหวังจะฆ่าทิ้ง หากไม่ยอมให้ซื้อกิจการแบบที่ snapchat ปฏิเสธการเข้าซื้อของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก
2
มาร์ค นั้นไม่ได้มีแนวคิดที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ social network อะไรมาก่อนเลย ทำ facemash โปรเจ็กต์ทดลองเล่น ๆ ในหอพักมหาวิทยาลัยก็เละไม่เป็นท่า กลายเป็นสาว ๆ ยี้กันทั้งมหาลัย
เพราะฉะนั้น แนวคิด เริ่มต้นมีความชัดเจนว่ามาจากสองพี่น้อง winklevoss ที่ มาร์ค ไปพบเพื่อเข้าร่วม project harvard connection ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐานมากมายในการส่ง email ระหว่าง มาร์ค กับ เหล่าสองพี่น้อง winklevoss เพื่ออัพเดทสถานะของ โปรเจค harvard connection
2
แต่สิ่งที่ สองพี่น้องไม่รู้ถึงความแสบของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็คือมาร์คนั้นได้สร้างโปรเจค social network ขึ้นมาอีกตัวโดยใช้ชื่อว่า thefacebook ซึ่งเป็นชื่อแรกก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็น facebook จนถึงทุกวันนี้
1
แม้ idea หลาย ๆ อย่างจะไม่เหมือนกันเลยซะทีเดียว เพราะทาง harvard connection นั้นจะมีส่วนของเว็บที่เป็นการหาคู่เดท แต่ฟีเจอร์หลัก ๆ ที่เหมือนกันก็คือ ความเป็น exclusive network ซึ่งเป็นฟีเจอร์หลักของทั้ง thefacebook และ harvard connection
2
แต่หลาย ๆ ฟีเจอร์นั้นมาร์ค ก็ได้ใส่เพิ่มเข้าไปเองใน thefacebook โดยเน้นให้เป็น social network แบบ exclusive จริง ๆ มีการสร้าง profile มีการ invite friend การ share รูปภาพ และความสนใจต่าง ๆ , class เรียน ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของเหล่านักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น
1
โดยนำทุกสิ่งยัดมาไว้ในระบบ online ทั้งหมด ซึ่งความเป็น social นั้น thefacebook ของ มาร์ค มีมากกว่า harvard connection ของสองพี่น้อง winklevoss อย่างเห็นได้ชัด ที่มาร์ค มองเป็นแค่เว็บหาคู่เดท online เท่านั้น
สร้างธุรกิจกับเพื่อน Love เพียงคนเดียวของเขา
ต้องบอกว่าในมหาลัย นั้น มาร์ค ก็แทบจะมีเพื่อนอยู่ไม่กี่คน แต่บุคคลที่มาร์ค สนิทที่สุด น่าจะเป็น เอดูอาร์โด ซาเวริน
ไม่มีใครรู้ว่า ทำไม มาร์ค ถึง ไม่ยอมสร้าง harvard connection กับทีมงานของ winklevoss ทั้งที่มีทั้งทุนทรัพย์ รวมถึง connection มากมาย เนื่องจากเป็นลูกมหาเศรษฐี ส่วนนี้ไม่มีใครที่รู้แน่จริงชัดเจน อาจจะเพราะไม่ได้ถูกชะตา หรือ มองว่าตัวเขาเองสามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าสองพี่น้องคู่นี้ได้ด้วยตัวของเขาเอง
สำหรับ เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้นในขณะนั้นได้เข้าร่วมกับชมรม ฟินิกซ์ ซึ่งเป็นชมรมชื่อดังแห่งหนึ่งของ harvard เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในวันสุดท้ายของการคัดเลือกเข้าชมรมนั่นเอง ที่มาร์ค ได้มาคุยเรื่อง idea ของ thefacebook ให้ เอดูอาร์โด ซาเวริน ฟัง
2
ซึ่ง เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้นก็งงว่าทำไมต้องเลือกเขาเพราะเพื่อนร่วมห้องของมาร์ค อย่าง ดัสติน มอสโควิช นั้นก็เป็นโปรแกรมเมอร์มือดี ฝืมือไม่ต่างจากมาร์ค น่าจะช่วยเหลือได้ดีกว่า เอดูอาร์โด ที่ไม่มีความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรมเลย
6
แต่ทุกอย่างก็เฉลย ด้วยเรื่องของเงินทุนตั้งต้นนั่นเอง เอดูอาร์โด เป็นเซียนเรื่องเกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยาซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับราคาน้ำมันที่ผันผวน โดยเขาสามารถทำนายพายุเฮอริเคนที่จะพัดเข้าฝั่งได้
1
ส่วนนี้ทำให้ในช่วงปิดเทอมเขาสามารถทำกำไรจากการซื้อขายน้ำมันได้กว่า 300,000 เหรียญ ซึ่งเรื่องนี้ดังพอสมควร และเป็นส่วนหนึ่งให้เขาสามารถเข้าชมรมฟินิกซ์ที่เข้ายากแสนยากชมรมหนึ่งได้
2
นอกจากเรื่องเงินแล้ว มาร์ค ซึ่งเป็นคนที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร แทบจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ แล้วจะมาสร้าง social network โดยที่ไม่มีความรู้เรื่องการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมันก็ค่อนข้างแปลกอยู่
1
การมี เอดูอาร์โดนั้น จะช่วยเหลือทั้งเรื่องเงินรวมถึงคอยเป็นที่ปรึกษาในฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ thefacebook ใน version แรกได้อย่างดี ว่าควรมีฟีเจอร์ใดบ้าง สังคมในมหาลัยนั้นขับเคลื่อนด้วยเรื่องเซ็กส์การลุ้นที่จะหาคู่เดท ซึ่งเป็นสิ่งที่มาร์ค ไม่ถนัดเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งมีการตกลงกันชัดเจนตั้งแต่แรก โดยมาร์ค จะให้ส่วนแบ่ง 70:30 โดยจะให้ เอดูอาร์โด 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเงินทุนตั้งต้น 1,000 เหรียญ ไว้เป็นค่า server รวมถึง software ต่าง ๆ ให้ระบบสามารถ online ได้ และมาร์คได้ มอบตำแหน่ง CFO ให้กับ เอดูอาร์โด ซาเวริน เพื่อดูแลส่วนของธุรกิจ ซึ่งเป็นงานที่ เอดูอาร์โด ซาเวริน นั้นถนัดอยู่แล้ว
หลังจากเปิดตัวเวอร์ชั่นแรกที่ตอนนั้นชื่อ thefacebook เว็บไซต์ก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและความนิยมก็เริ่มกระจายไปยังมหาวิทยาลัยชื่อดังต่าง ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา และทำให้ thefacebook นั้นเนื้อหอมและสามารถดึงดูดนักลงทุนจำนวนมากที่กำลังได้กลิ่นเงิน ที่ thefacebook จะเจริญรอยตามความสำเร็จของบริษัทรุ่นพี่ อย่าง yahoo หรือ google ทำได้
3
thefacebook เปิดตัวก็พุ่งทะยานสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว (CR:drishtiias.com)
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ๆ ฌอน บาร์คเกอร์ อดีตผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มแชร์ไฟล์ mp3 อย่าง Napster ก็ได้ตามหามาร์คจนพบและได้เข้ามาร่วมชายคาเดียวกับมาร์คในฐานะที่ปรึกษาและมองเห็นถึงศักยภาพของ facebook ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงโลกได้อีกครั้ง
สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของมาร์ค ให้ตัดสินใจรับเงินลงทุนเร็วขึ้น สาเหตุมากจากการทะเลาะกันกับเอดูอาร์โด ที่พยายามการอายัดบัญชีทั้งหมดรวมถึงยกเลิกเช็คทั้งหมดของ thefacebook ที่มาร์คใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่ ซิลิกอน วัลเลย์
1
เอดูอาร์โด ไม่พอใจที่มาร์ค ที่ให้ฌอนนัดแนะไปพบเหล่านักลงทุนต่าง ๆ โดยไม่มีเขาอยู่ด้วย เพราะเขาเป็นผู้ดูแลเรื่องธุรกิจของ thefacebook ตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งเอดูอาร์โด มองว่าต้องยึดมั่นตรงนั้น หากต้องการทำธุรกิจร่วมกัน
และที่สำคัญฌอนนั้นเป็นแค่ที่ปรึกษา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทเลยด้วยซ้ำและมาร์ค ก็ควรจะทำหน้าที่ของตัวเองคือดูแลส่วนของเทคโนโลยี หรือ การพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ แทนและให้ตัวเขานั้นจัดการเรื่องธุรกิจทั้งหมด
1
ด้วยสถานการณ์ทุกอย่าง รวมถึงการเติบโตอย่างฉุดไม่อยู่ของ thefacebook มันก็ถึงเวลาที่ต้องมีการเลือกนักลงทุน เพื่อมาสานต่อให้บริษัทนี้ กลายเป็นบริษัทหน้าใหม่ที่จะช่วยพลิกโฉมวิถีชีวิตของคนทั้งโลกได้ผ่านเครือข่ายสังคมอันทรงพลังอย่าง thefacebook
1
ปีเตอร์ ธีล ผู้ร่วมก่อตั้ง paypal หนึ่งในบุคคลที่ได้ยอมรับในฐานะผู้ปฏิวัติระบบการชำระเงิน online ซึ่งตอนนั้นเป็น ประธานของบริษัท คลาเรียม แคปปิตอล กองทุนเพื่อผู้ประกอบการหรือ startup หน้าใหม่ ซึ่งมีเงินลงทุน กว่าหลายพันล้านเหรียญในมือ
1
ในที่สุดการพบกันของ มาร์ค , ฌอน และ ปีเตอร์ ธีล ก็มาถึง เป็นการพบกันครั้งแรกของหนึ่งผู้ปฏิวัติที่เคยทำกับ paypal สำเร็จมาแล้ว กับอีกหนึ่งอัจฉริยะ อย่าง มาร์ค ที่กำลังจะดำเนินรอยตาม ปีเตอร์ ธีล ด้วยการปฏิวัติเครือข่ายสังคมออนไลน์ซึ่ง ธีล ก็พอจะมองเห็นและเข้าใจได้ถึงศักยภาพของ thefacebook ว่าจะเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างไร
ส่วนเรื่องเงินนั้น ปีเตอร์ ธีล ให้ทุนตั้งต้นมา 500,000 เหรียญ แม้จะดูไม่มากมาย แต่มันก็พอให้สามารถหล่อเลี้ยง thefacebook ไปได้ 3-4 เดือนก่อนที่จะมีการระดมทุนรอบใหม่ ซึ่งหากยังเติบโตในลักษณะนี้ก็มีโอกาสที่มูลค่าบริษัทจะสูงขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ
โดยหลังจากตกลงร่วมทุนกับธีล บริษัทจะถูกเรียกชื่อใหม่ว่า facebook ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งบริษัทใหม่ Facebook,Inc โดยสิ่งที่ธีลจะได้จากเงินลงทุนแรกเริ่ม 500,000 เหรียญ คือ หุ้น 7% และ 1 ที่นั่งในเก้าอี้กรรมการอำนวยการ โดยส่วนที่เหลือจะถูกควบคุมโดยมาร์ค ซึ่งมาร์คยังถือว่ามีอำนาจเบ็ดเส็จใน facebook เหมือนเดิม
2
ฌอน บาร์คเกอร์ ที่เข้ามามีบทบาทในการระดมทุนของ facebook (CR:denverpost.com)
ปัญหาใหญ่คือ เอดูอาร์โด ไม่มีส่วนรับรู้เห็นกับการกระทำดังกล่าวของมาร์คเลย เพราะมาร์คทำในนามบริษัทใหม่ที่แอบไปจดใหม่หลังจากการถูกระงับเงินจากเอดูอาร์โด ซึ่งมองจากตรงนี้นั้นเหมือน เอดูอาร์โด จะไม่ข้องเกี่ยวกับ facebook อีกต่อไปแล้ว
1
แต่สุดท้ายเพื่อนก็ยังคือเพื่อน ยังไงมาร์ค ก็ยังคงให้ เอดูอาร์โด คงสัดส่วนการถือหุ้นไว้ 30% รวมถึงฌอนก็จะได้หุ้นจากการปรับโครงสร้างใหม่ครั้งนี้ด้วย
แต่มันมีข้อแม้ว่าจะมีการออกหุ้นเพิ่มทุนตามความจำเป็นของสถานการณ์ เพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นบริษัท facebook ที่เป็นมืออาชีพเต็มตัวไม่ใช่โครงการโปรเจคนักศึกษาที่ทำเล่น ๆ กันที่ harvard อีกต่อไป
แม้ทุกอย่างที่มาร์คแสดงออกมาตอนพบกับ เอดูอาร์โด มันดูเหมือนปรกติ แม้กระทั่งยังแนะนำให้ เอดูอาร์โดกลับไปเรียนต่อที่ harvard ให้จบ ปล่อยหน้าที่การจัดการเรื่อง facebook ให้มาร์ค ที่จะดร็อปเรียนที่ harvard แล้วมาทุ่มเทให้กับ facebook เต็มตัว
เอดูอาร์โด เดินเข้ามาพบกับทีมทนายบริษัทที่เขาคิดว่าเป็นทนายของเขาเองด้วยซ้ำ และได้รับเอกสารจำนวนหนึ่ง ซึ่งดูข้อความทางกฏหมายแล้วมันมีความซับซ้อนอยู่มาก
เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการจดทะเบียนบริษัทใหม่ “facebook” ซึ่งจะมาแทนที่ “thefacebook” และจะมีการแปลงหุ้นเดิมของผู้ถือหุ้นเดิมใน thefacebook มาที่บริษัทใหม่รวมถึงตัวเอดูอาร์โดเองด้วย
ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วนั้น เอดูอาร์โด ก็ไม่ได้เข้าใจเอกสารทั้งหมดด้วยความเคลียร์แต่อย่างใด แต่คิดเพียงว่าทุกอย่างมันโอเคแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับมาร์คก็กลับมาปรกติแล้ว รวมถึงทนายก็น่าจะเป็นทนายฝ่ายเขาเอง น่าจะจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว
1
โครงสร้างใหม่ ทำให้เอดูอาร์โด มีหุ้นถือครองอยู่ 34.4% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มี อยุ่ 30% และมีข้อแม้ในเรื่องความจำเป็นในอนาคตในการปรับลดสัดส่วนหุ้น ที่จะเกิดขึ้นหากมีข้อเสนอจากนักลงทุนรายอื่นๆ
ส่วนของมาร์คนั้นลดลงเหลือ 51% ดัสตินนั้นได้ไป 6.81% และ ฌอนที่ 6.47% ส่วน ปีเตอร์ ธีล นั้นจะถือครองไว้ที่ 7%
และที่สำคัญคือ เอดูอาร์โดไม่สามารถนำหุ้นของตัวเองออกขายได้ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตอนแรกเขาก็คิดว่ามาร์ค และ ดัสติน น่าจะมีเงื่อนไขดังกล่าวเช่นกัน
Death Note
เอดูอาร์โด อ่านเอกสารเหล่านี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเขาน่าจะมีทนายส่วนตัวเพื่อปรึกษาเรื่องเอกสารเหล่านี้ แต่ก็อย่างว่า ทนายของ facebook ก็เหมือนทนายของเขาอยู่แล้ว ในฐานะหุ้นส่วนใหญ่ตั้งกว่า 30%
1
มาร์คก็ได้บอกเอดูอาร์โด ถึงความจำเป็น และข้อดีของเอกสารเหล่านี้ ที่ เอดูอาร์โด ต้องเซ็นต์
แม้เขาจะรู้สึกตะหงิด ๆ ใจอยู่บ้างที่มาร์ค สื่อสารบางอย่างเหมือนที่จะไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับ facebook อีกแล้ว เช่น การให้มุ่งไปที่การเรียนเพียงอย่างเดียว , บริษัทจำเป็นต้องจ้างฝ่ายขายใหม่มาดูแลส่วนที่เอดูอาร์โดเคยทำ
แม้ทุกอย่างจะดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่สุดท้ายเอกสารทั้งหมดเหล่านี้ก็ดูเหมือนทำให้เขายังกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่อย่างที่เคยเป็น แต่เอกสารก็มีเปิดประเด็นไว้ว่าจะมีการปรับสัดส่วนหุ้นหากมีนักลงทุนเพิ่มและอาจจะมีการปรับโครงสร้างเมื่อจำเป็น
1
และมาร์คได้บอกกับ เอดูอาร์โด ว่าตอนนี้จำนวนสมาชิกกำลังใกล้แตะหลักล้านคนแล้ว ปีเตอร์ ธีล จะจัดงานฉลองใหญ่ขึ้น ให้เอดูอาร์โด บินกลับมาอีกครั้ง
1
ในใจเอดูอาร์โด ทุกอย่างมันดูเหมือนว่าจะราบรื่นไปหมด facebook ก็กำลังโตอย่างรวดเร็วจนจำนวนสมาชิกจะถึงล้านแล้ว มันถือว่ามาไกลมากจากจุดเริ่มต้นที่ห้องพักใน harvard ยังไงเขาก็ต้องบินกลับมาเพื่อฉลองกับทีมอย่างแน่นอน
และในที่สุด เขาก็ได้ทำการหยิบปากกาจากทนาย และเริ่มเซ็นต์ในเอกสารทั้งหมด จนทุกอย่างเรียบร้อย
ซึ่งหารู้ไม่ว่า สิ่งที่เอดูอาร์โดเพิ่งจะทำไปนั้นเปรียบเสมือนการเซ็นต์ชื่อตัวเองลงใน สมุด deathnote หรือ การตัดตัวเองออกจากการมีส่วนร่วมกับ facebook อีกต่อไปนั่นเอง
2
เอดูอาร์โดที่เปรียบเสมือนการเขียนชื่อตัวเองลงไปสมุด death note (CR:Alibaba)
สิ่งที่เอดูอาร์โดรู้สึกประหลาดใจที่สุดน่าจะเป็นเรื่องที่มาร์คแจ้งมาว่า ทางตัว มาร์ค , ฌอน และ ดัสติน กำลังจะขายหุ้นออกไปประมาณคนละ 2 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่น่าจะสะกิดใจเอดูอาร์โดที่สุด ทำให้เขาคิดว่าทำไมในรายละเอียดของเขาที่ได้เซ็นต์ไปนั้นไม่สามารถขายหุ้นของตัวเองได้ในเร็ว ๆ นี้อย่างที่มาร์ค , ฌอน และ ดัสติน กำลังจะทำ
แล้วเอกสารที่เขาได้เซ็นต์ไปในรอบที่แล้วนั้น มันไม่ใช่รูปแบบเดียวกับที่มาร์ค , ฌอน รวมถึง ดัสติน ได้เซ็นต์ไปหรือ? และที่ไม่แฟร์ที่สุดคือ ทำไม ฌอน ที่มาหลังสุด ถึงสามารถทำเงินจาก facebook ได้แล้วถึง 2 ล้านเหรียญทั้งที่มาร่วมงานกับ facebook จริง ๆ จัง ๆ เพียงแค่ 3-4 เดือนเพียงเท่านั้น มันต้องมีอะไรที่ผิดปรกติอย่างแน่นอน
Relationship Status
1
มันเป็นวันที่ เอดูอาร์โด จะจดจำไปตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ กับการได้เห็นเอกสารที่ทางทนาย ได้ส่งให้ ในขณะเดินเข้ามาที่ออฟฟิศใหม่ของ facebook
1
มันเป็นสำนักงานใหม่ที่เป็นบริษัทจริง ๆ ครั้งแรกของ facebook ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของ พาโล อัลโต โต๊ะทำงานถูกสั่งซื้อใหม่เอี่ยมทั้่งหมด ไม่มี โต๊ะเก่า ๆ ที่ซื้อมือสองจาก เครกลิสต์ อีกต่อไป
แถมยังมีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีทั้งภาพกราฟิตี้ที่ให้ศิลปินท้องถิ่นวาดให้เป็นจุดเด่นของออฟฟิศแห่งนี้
ทนายคนใหม่ ที่อยู่ระหว่าง เอดูอาร์โด และ มาร์ค ซึ่งก็เหมือน ทุก ๆ ครั้ง มาร์ค แทบจะไม่สนใจอะไร นั่งอยู่แต่หน้าจอคอมเขียนแต่โค้ดเพื่อกลบเกลื่อนทุกสิ่ง
1
ซึ่งหลังจากเอดูอาร์โดได้อ่านเนื้อหาในเอกสารต่าง ๆ มันไม่เกี่ยวอะไรกับที่มาร์คอ้างเลยที่บอกให้มาเรื่องประชุมธุรกิจ หรือการเทรนพนักงานใหม่อะไรทั้งสิ้น
เพราะมันคือการหักหลังมันคือการลอบทำร้ายกัน เอดูอาร์โด ต้องใช้เวลาหลายนาทีในการทำความเข้าใจเอกสารทั้งหมด
ทำให้เขาได้รู้ตัวว่ากำลังโดนหยามอย่างที่สุด มันเหมือนถูกยิงเข้าที่กลางอกไม่มีผิด มันไม่สามารถบรรยายอะไรได้เลย กับความรู้สึกเช่นนี้ เขาเสียท่า เสียรู้ เขาควรจะรู้ตัวก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง
แต่เขาเพียงไม่คิดว่า มันจะมาจาก มาร์ค มาจากเพื่อนสนิท เขาแทบจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของมาร์ค ตอนที่อยู่ harvard ร่วมกันต่อสู้ฝ่าฟันกันมาทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น
มันคือการทรยศชัด ๆ ทรยศต่อความไว้ใจของเพื่อน มาร์คทรยศเขา ทำลายเขา และชัดเจนว่า ต้องการเอาทุกสิ่งไปทั้งหมด ทุกอย่างมันชัดเจนในเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในมือเขาในตอนนั้น
1
มีการเพิ่มหุ้นสามัญ จำนวน 19 ล้านหุ้น หลังจากนั้นมีการออกหุ้น อีกจำนวนถึงกว่า 20 ล้านหุ้น และมีการอนุมัติให้มีการจัดสรรหุ้นเพิ่มเติมให้กับมาร์ค 3.3 ล้านหุ้น ส่วน ฌอน และ ดัสติน ได้ไปคนละ 2 ล้านหุ้น
1
ซึ่งทำให้ เอดูอาร์โด เหลือหุ้นแทบจะไม่ถึง 10% และหากมีการกระทำแบบนี้ต่อไปอีก โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ไปเรื่อย ๆ สัดส่วนหุ้นของเขาจะถูกลดจนแทบจะเหลือ 0%
1
ในช่วงแรกของการเปิด thefacebook ฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดของ thefacebook ที่เป็นจุดสำคัญในการแจ้งเกิดเลยก็คือ Relationship Status ที่เหมือนป้ายห้อยคอบอกสถานะว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร ซึ่งมันเป็นการขับเคลื่อนชีวิตในมหาลัย
2
แต่ดูเหมือนว่า Relationship Status ระหว่าง ผู้ก่อตั้งทั้งสองระหว่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก อัจฉริยะด้านคอมพิวเตอร์ กับ เอดูอาร์โด ซาวาริน ผู้ซึ่งเหมือนเป็นคนลงทุนก่อร่างสร้าง thefacebook มาตั้งแต่วันแรก ๆ แต่ถูกเพื่อนที่เขาคิดว่าเป็นเพื่อนรัก ทรยศ ซึ่งไม่ว่ามาร์คจะไปปรึกษาใครมาก็ตาม แต่การตัดสินใจสุดท้ายที่ทำสิ่งเลวร้ายทั้งหมดกับ เอดูอาร์โด เพื่อนที่ออกทุนเริ่มต้นให้กับ facebook จนเติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็คือชายที่ชื่อ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก นั่นเองครับผม
2
Reference
หนังสือ The Accidental Billionaires by Ben Mezrich
หนังสือ แบบว่า…บังเอิญรวย
ผู้เขียน : เบน เมซริช
แปลโดย : ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์
หนังสือ มาร์ค ยอดคนเหนืออัจฉริยะ
ผู้เขียน ถนอมศักดิ์ จิรายุสวัสดิ์
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา