22 ก.ย. 2023 เวลา 02:30 • ธุรกิจ

กรณีศึกษา หุ้นขึ้น 5 เด้ง บริษัทเจ้าของขนม HI-CHEW

รู้หรือไม่ว่า HI-CHEW ลูกอมเคี้ยวหนึบ ทำเงินได้มากถึงหลักพันล้านบาทต่อปี
โดยบริษัทเจ้าของขนม HI-CHEW
มีชื่อว่าบริษัท Morinaga Group
ที่น่าสนใจคือ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้เติบโตเฉลี่ยแล้วเพียงปีละ 2.4%
แต่ในช่วงเวลาเดียวกัน
มูลค่าบริษัทกลับเพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า
เรื่องนี้เป็นเพราะอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Morinaga Group เป็นบริษัทขายขนมจากประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว
อย่างที่เรารู้กันว่า ประเทศญี่ปุ่นมักจะมีขนมอร่อย ๆ ที่มีเอกลักษณ์อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น คิทแคทหลากรส เจลลีสอดไส้น้ำผลไม้ ไปจนถึงขนมรสมัทฉะ
แล้ว Morinaga Group เอง ขายขนมแบบไหนบ้าง เราสามารถแบ่งตามสัดส่วนรายได้ ได้ตามนี้
- ขนมขบเคี้ยว เช่น HI-CHEW สัดส่วน 40%
- ขนมแช่แข็ง เช่น เวเฟอร์ไส้ไอศกรีม สัดส่วน 22%
- ขนมเพื่อสุขภาพ เช่น เจลลีพร้อมดื่ม มีสารอาหาร อ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์การกีฬา สัดส่วน 16%
ที่น่าสนใจคือ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 12,000 ล้านบาท เป็น 63,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 5 เท่า เลยทีเดียว
ซึ่งหากเราลองมาดูรายได้ของบริษัท จะพบว่า
(รอบงบการเงินของบริษัท เริ่มเดือนเมษายน
ถึงเดือนมีนาคม)
- ปี 2013 บริษัทมีรายได้ 37,000 ล้านบาท
- ปี 2023 บริษัทมีรายได้ 47,000 ล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตเพียง 27% หรือเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้น เพียงปีละ 2.4% เท่านั้น
แล้วอะไร ทำให้มูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นขนาดนี้ ?
คำตอบของเรื่องนี้อยู่ที่ “กำไร”
เราลองมาดูกำไรของบริษัท ในช่วงเวลาเดียวกันบ้าง
- ปี 2013 บริษัทมีกำไร 340 ล้านบาท
- ปี 2023 บริษัทมีกำไร 2,400 ล้านบาท
คิดเป็นการเพิ่มขึ้นเป็น 7 เท่า
หรือเฉลี่ยประมาณ 21% ต่อปี
1
คำถามต่อมาคือ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
สาเหตุก็เป็นเพราะว่า ในช่วงก่อนปี 2013
เป็นช่วงที่บริษัท ต้องการขยายตลาดไปในต่างประเทศ
หลังจากที่ประสบความสำเร็จ จากตลาดในประเทศแล้ว
1
เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ บริษัทจึงทำการลงทุน
เพื่อบุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
1
ถ้าลองไปดูจำนวนบริษัทที่ไปจัดตั้งในต่างประเทศ จากข้อมูลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่า
- ตั้งบริษัทย่อยในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน
มีชื่อว่า Morinaga Food (Zhejiang)
- ตั้งบริษัทย่อยในสหรัฐอเมริกา
มีชื่อว่า Morinaga America Foods
- ตั้งบริษัทในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
มีชื่อว่า Morinaga Asia Pacific
แม้ช่วงแรกที่ลงทุน บริษัทจะเจอกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ค่าโฆษณา และค่าโปรโมชัน
1
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ตัวเลขทางการเงินต่าง ๆ โดยเฉพาะอัตรากำไร ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อัตรากำไรขั้นต้น
- จาก 46% ในปี 2015 เพิ่มขึ้นเป็น 52% ในปี 2019
อัตรากำไรสุทธิ
- จาก 2% ในปี 2015 เพิ่มขึ้นเป็น 6% ในปี 2019
บวกกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดตลาดใหม่ ๆ
ทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เราลองมาดูรายได้ และกำไรของบริษัทกันอีกที
- ปี 2013 รายได้ 37,000 ล้านบาท กำไร 340 ล้านบาท
- ปี 2023 รายได้ 47,000 ล้านบาท กำไร 2,400 ล้านบาท
จะเห็นว่า รายได้เพิ่มขึ้นเพียง 27% ในขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นมากถึง 600%
ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นนี้เอง ส่งผลต่อการประเมินมูลค่าหุ้นโดยตรง
ทำให้ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา หุ้นของบริษัท Morinaga Group ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จนปัจจุบันมูลค่าบริษัท Morinaga Group
เพิ่มขึ้นมา 5 เท่า จาก 12,000 ล้านบาท
เป็น 63,000 ล้านบาท ไปเรียบร้อยแล้ว
จากเรื่องนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่ดี โดยเฉพาะในมุมของนักลงทุน
หากเราเข้าใจการทำธุรกิจจริง ๆ เราจะมีโอกาสในการทำกำไรมากกว่าคนอื่น
เหมือนกับในเคสนี้ ในช่วงที่บริษัทเริ่มลงทุน ขยายกิจการไปในตลาดต่างประเทศ ผลประกอบการในช่วงแรก อาจไม่ได้ดูดีมากนัก
แต่หลังจากสิ่งที่ลงทุนไป เริ่มเห็นผล ราคาหุ้นก็มักจะตามมา
แต่ก็ต้องหมายเหตุไว้ว่า การที่บริษัทจะไปเติบโตในต่างประเทศ อาจจะมีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน
เช่น พฤติกรรมการบริโภคในบางประเทศ ที่ไม่เหมือนกัน, ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ต้องทำให้ถูกใจคนท้องถิ่น หรือความเสี่ยงเฉพาะตัวในประเทศนั้น ๆ
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วหากใครเข้าใจธุรกิจ อ่านเกมได้ขาด รางวัลก็คือ หุ้นขึ้น 5 เด้งนั่นเอง..
โฆษณา