22 ก.ย. 2023 เวลา 07:34 • กีฬา

ส่องฟอร์มแข้งหน้าใหม่ “ลิเวอร์พูล” หลังประเดิมชัยยูโรปาลีก

By: Colly
ค่ำคืนที่ผ่านมา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ลงสนามในศึกฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พ่าย เซบีย่า ในนัดชิงชนะเลิศปี 2016 โดยนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาบุกไปเก็บชัยชนะเหนือ แอลเอเอสเค ลินซ์ (หรือ ลาสค์ ลินซ์ แล้วแต่ใครจะสะดวกเรียกแบบไหนละกัน) ทีมจากออสเตรียที่ผมขอยอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้จักทีมหรือนักเตะในทีมนี้มาก่อน 555
ซึ่งก็ตามสไตล์หงส์แดงแหละครับ ไม่ว่าจะเจอกับทีมไหนก็ไม่ทำให้สาวกนอนดูบอลแบบสบายใจได้ง่ายๆ จะต้องหาทางทำให้เราต้องหยิบยาดมขึ้นมาจ่อจมูกอยู่เสมอ และเกมนี้ก็เช่นเดียวกัน โดนนำก่อน 1-0 ในครึ่งแรก ก่อนที่ครึ่งหลังจะรัว 3 เม็ดรวด แซงกลับมาเอาชนะไป 3-1
คงกลัวโดนล้อแหละ รีบแซงรีบชนะรีบกลับบ้านดีกว่า
โดยเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จัดการโรเตชั่นนักเตะแบบยกทีม โดย ควีวิน เคลเลเฮอร์ ลงเฝ้าเสาตัวจริง แดนหลังจับ สเตฟาน บายจ์เซติช มาเล่น inverted fullback แดนกลางส่งแข้งหน้าใหม่อย่าง วาตารุ เอ็นโด กับ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ลงเล่นร่วมกับ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ขณะที่แดนหน้าเป็นโอกาสของ เบน โด๊ค-หลุยส์ ดิอาซ-ดาร์วิน นูนเญซ
ซึ่งก็จะเห็นได้ว่ามีนักเตะหน้าใหม่ๆที่น่าสนใจอยู่หลายรายที่น่าจับตามองว่า ดีพอที่จะเข้ามาแย่งตำแหน่งกับเหล่าตัวหลักได้หรือไม่ ซึ่งผมขอวิจารณ์แต่ละคนโดยแบ่งเป็น 2 หมวด คือ พวกดาวรุ่งหน้าเก่าแต่นานๆทีจะได้รับโอกาส กับพวกหน้าใหม่ที่เพิ่งคว้าตัวเข้ามา
1. ควีวิน เคลเลเฮอร์
เป็นผู้รักษาประตูชาวไอริชที่ถือว่าผลงานที่ผ่านมา “ดีกว่าจะเป็นมือ 2” คือสามารถลงเฝ้าเสาเป็นตัวหลักให้ทีมอื่นได้สบายๆ แต่ปัญหาคือต้องเจอกำแพงใหญ่ยักษ์อย่าง อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของโลกในยุคปัจจุบัน ก็เลยต้องอาศัยเกมที่เจอกับทีมเล็กๆแบบนี้แหละถึงจะได้ลงสนาม
สำหรับผลงานนัดนี้ถือว่าสอบผ่านสบายๆ ลูกเซฟแม้จะไม่ได้เห็นนักเพราะคู่ต่อสู้ก็ไม่ค่อยจะมีโอกาสยิงซักเท่าไหร่ แต่การออกมาตัดบอล การเล่นบอลด้วยเท้า การออกบอลทั้งระยะสั้นและระยะยาวถือว่าทำได้ดี
คือฝีมือยังพัฒนาได้อีกล่ะ แต่อายุอานาม 25 ปีเข้าไปแล้ว ไม่รู้จะทนเป็นมือ 2 ได้อีกนานแค่ไหน ซัมเมอร์หน้าน่าจะเป็นตัวชี้ชะตาอนาคต
2. สเตฟาน บายจ์เซติช
ดาวโรจน์ที่ถูกหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นตัวแทนของ ฟาบินโญ่ ในระยะยาว โชว์ผลงานโดดเด่นตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว ก่อนจะดวงซวยเจ็บหนักพักยาว เพิ่งจะกลับมาเต็มตัวก็เกมนี้ แถมยังโดนจับเป็นแบ็กขวาในระบบ inverted fullback อีกต่างหาก
ตอนเห็นผังการเล่นก็เสียวๆว่าน้องมันจะไหวมั้ย แต่ปรากฏว่าดันทำได้ดีเกินคาด โดยเฉพาะการขยับมาบิลด์อัพเกมรุกตรงกลาง ที่พลิกบอลและวางบอลยาวสวยๆหลายครั้ง ส่วนเกมรับยามเมื่อเล่นเป็นแบ็กขวา แม้จะไม่ดีที่สุด โดนการเพรสซิ่งของคู่แข่งเล่นงานหนักอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะช่วงต้นเกม แต่ก็พอถูไถไปได้ล่ะ
3. วาตารุ เอ็นโด
มิดฟิลด์หน้าใหม่แต่ประสบการณ์มิใช่น้อย เกมนี้ดูจะทำอะไรผิดที่ผิดทางไปเสียหมด จ่ายบอลสั้นไปยาวไป ผิดจังหวะกับเพื่อนร่วมทีม บทควรจ่ายควรเล่นง่ายๆก็เลี้ยง แล้วก็ดันเลี้ยงไม่ผ่านซะอีก ดังนั้นการโดนแฟนบอลด่าหนักหน่อยหลังจบเกมก็เป็นเรื่องที่เจ้าตัวต้องยอมรับ
อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจว่า เอ็นโด เพิ่งย้ายเข้ามา ต้องให้เวลาปรับตัวอีกซักพัก แถมเกมนี้ยังต้องเล่นร่วมกับเหล่านักเตะที่ไม่ใช่ตัวหลักอีก มันเลยดูไม่เข้าจังหวะกับใครซักคน
4. ไรอัน กราเฟนแบร์ก
กองกลางชาวดัตช์ที่ JK และบอร์ดบริหารจับตามองมานานหลายปีก่อนจะมาสมหวังเอาในปีนี้ ซึ่งผลงานช่วงแรกก็คล้ายๆ เอ็นโด คือแม้จะมีเทคนิคสูง เอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่โดนบีบบได้ดี พลิกบอลสวยๆหลายครั้ง แต่มันก็ยังไม่เข้าจังหวะกับเพื่อนร่วมทีม กระทั่งครึ่งหลังที่ส่ง โดมินิค โซโบซไล กับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ลงมานั่นล่ะ ถึงจะเห็นการ “ปล่อยของ” มากขึ้น ว่าแล้วก็จัดไป 1 แอสซิสต์สวยๆ
อนาคตยิ่งกว่าสดใสครับสำหรับกองกลางรายนี้ กราเฟนแบร์ก-โซโบ-อเล็กซิส น่าจะผนึกกำลังเป็นตัวจริงกันไปยาวๆ
5. เบน โด๊ค
ดาวรุ่งพุ่งแรงจากชุดเยาวชนที่ดันขึ้นชุดใหญ่เต็มตัวในซีซั่นนี้ เทคนิคดี ความเร็วจัด แต่ปัญหาอยู่ที่ประสบการณ์ พยายามฝืนเล่นฝืนเลี้ยงในหลายจังหวะ สุดท้ายถ้าไม่เสียบอลก็โดนบีบให้ลากไปสุดเส้นหลังแล้วก็ผ่านบอลยัดเข้ามาตรงหน้าปากประตู ซึ่งก็แน่นอน โดนเคลียร์ทิ้งหมด
อนาคตจะมีแน่ แต่ต้องหาเกมลงสนามสั่งสมประสบการณ์อีกมากกว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นทายาทของ โม ซาลาห์ ในอนาคต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะทนได้นานแค่ไหน และจะตัดสินใจอย่างไร จะอยู่เก็บเกี่ยวประสบการณ์กับตำนานอย่างบังโม หรือจะออกไปเป็นตัวจริงให้ทีมอื่นแล้วไปวัดดวงเอาว่าจะพัฒนาต่อได้อีกมั้ยหรือฝีเท้าจะหยุดนิ่งอยู่แค่นี้
โดยภาพรวมมีทั้งสอบผ่านและสอบตก แต่ที่เป็นนิมิตหมายอันดีก็คือขุมกำลังของลิเวอร์พูลชุดนี้มีดีพอที่จะสู้ได้ยาวๆ แถมยังมีความหลากหลายที่จะทำให้ คล็อปป์ สามารถปรับแท็กติกให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ได้
ก็ได้แต่หวังว่า ลิเวอร์พูล จะกรุยทางผ่านเข้ารอบลึกๆได้ในแต่ละถ้วย เพราะนั่นย่อมหมายถึงเหล่าแข้งหน้าใหม่พวกนี้จะได้รับโอกาสลงสนามมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง
โฆษณา