22 ก.ย. 2023 เวลา 07:52 • กีฬา
ลิเวอร์พูล

Liverpool เครื่องดีเซล กับนัดเคาะสนิมในศึกยูโรป้า

ลิเวอร์พูลชุดผสมนักเตะตัวหลักกับเหล่าพลพรรคตัวสำรองสามารถเก็บชัยชนะนัดแรกในยูโรป้าลีคไปได้ด้วยผล 3 ประตูต่อ 1 และเป็นอีกครั้งที่เราไม่สามารถรักษา Clean sheet ไว้ได้
ปีนี้เด็กหงส์คนไหนไม่ค่อยมีเวลาว่างแนะนำให้เปิดดูครึ่งหลังได้เลย ครึ่งแรกถือว่าลงมาวอร์มกัน โดยเฉพาะในเกมนี้ที่ผู้เล่นสำรองทั้งหลายเล่นกันได้อย่างสะเปะสะปะ ยังจับจังหวะไม่ได้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าหลายๆคนแทบไม่เคยลงเล่นด้วยกันเลย เกมนี้แทบจะเป็นเกม pre season ย่อยๆให้บรรดานักเตะที่ห่างหายจากสนามได้มาเคาะสนิมกัน โดย 7 ประเด็นน่าสนใจในเกมเคาะสนิมอย่างวันนี้จะมีอะไรบ้าง เชิญทัศนากันได้เลยครับ
ประเดิมสนามนัดแรกของ Gravenberch
เปิดตัวได้อย่างน่าตื่นเต้นสำหรับ Ryan Gravenberch ที่วันนี้รับบทบาทเป็น Midfield box-to-box คอยขับเคลื่อนแดนกลาง จุดเด่นที่ผมเห็นชัดๆจากน้องกราฟคือเป็นคนที่บอลแรกดีมาก สามารถเลือกจังหวะเล่นต่อได้ทันที ทำให้คู่ต่อสู้ต้องตัดฟาล์วอยู่บ่อยๆ จนท้ายเกมก็มีอาการบาดเจ็บออกมาจนได้ คนจะเกิดทำไมอุปสรรคมันเยอะแท้ เกมที่แล้วก็น้องจาเรลกำลัง debut ดีๆก็เจ็บเปลี่ยนออก ก็ขอให้น้องกราฟอย่าเป็นอะไรมากแล้วกัน
ส่วนที่ยังต้องปรับปรุงคือจังหวะสุดท้าย ซึ่งถึงแม้จะมี 1 assist จากลูกเปิดให้ Luis Diaz แต่หลายๆจังหวะของกราฟนั้นดูยังไม่เข้ากับเพื่อน ลูกที่หลุดไปกับ Diaz และ Nunez 3 ต่อ 2 อย่างน้อยควรต้องได้จบแล้ว แต่จ่ายไปติดผู้เล่นของ LASK รวมทั้งในครึ่งแรกการประสานงานกับ Elliott และ Endo รวมถึง Bajsetic ด้วยก็ยังไม่ค่อยไหลลื่น
ช่วงท้ายเกมที่เปลี่ยน Szobo&Mac ลงมาคือเห็นได้ชัดเลยว่าเกมแดนกลางเราดีขึ้นอย่างชัดเจน ก็ต้องค่อยๆให้โอกาสได้สัมผัสสนามกันต่อไป เพราะถ้าเราย้อนมองกลับไปกว่าที่ Szobo&Mac จะเล่นกันได้อย่างงี้ตอน Pre-season ก็ตะกุกตะกักอยู่เหมือนกัน
ปล.หลังจบเกมส์คล็อปให้สัมภาษณ์แล้วว่า น้องกราฟแค่ตะคริวกินเฉยๆ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ
กองหลังตัวจริงกลับมาเคาะสนิม โดนยิง 1 ประตู
แม้เราจะได้คู่กองหลังตัวจริงกลับมาก็ยังมิวายเสียประตูใน 15 นาทีแรกอีกครั้ง แต่เอาเข้าจริงเราก็เสียมาตั้งแต่สองคนนี้เป็นตัวจริงอยู่แล้ว ผมกลับมองว่าหลายๆเกมที่เราเสียประตูก่อน การที่เราเล่นไม่ดีมันก็มีส่วน แต่มันเหมือนเป็นความฮึดของคู่ต่อสู้มากกว่าที่จะมาอัดแรง pressing กันอย่างดุดันและหนักหน่วงจนสามารถทำประตูได้ ซึ่งในระหว่างที่อีกฝ่ายเร่งสปีดมา ลิเวอร์พูลมักจะพยายามดึงช้า ไม่เร่งไปกับจังหวะเกม ทำให้อาจจะดูเหมือนเฉื่อย แต่ถ้าคู่ต่อสู้ไม่สามารถลงโทษลิเวอร์พูลถึงตายได้ ก็มักจะหมดแรงไปเองในที่สุด
แต่แม้จะเป็นข้อดีที่เราสามารถเล่นอย่างสุขุมและใจเย็นจนสามารถกลับมาได้บ่อยๆ การเสียประตูทุกนัดก็ไม่ใช่ข้อดีแน่นอน ก็ต้องแก้กันต่อไป
นอกจากจังหวะที่เสียประตูแล้ว เกมนี้ Konate และกัปตัน Van Dijk เล่นกันได้แทบจะไม่มีข้อผิดพลาด ทั้งจังหวะสกัดบอลและจังหวะการช่วย Build up เกม ทำให้ LASK ในจังหวะ open play แทบจะไม่มีโอกาสจบสกอร์กันเลยทีเดียว
การเคลื่อนที่ของ Tsimikas ยามไม่มีบอลยังเป็นปัญหา
ถือว่าเป็นคนที่อยู่กับทีมมานานแล้วเหมือนกันสำหรับกรีกสเกาเซอร์ของเรา แต่ปัญหาหนึ่งที่ผมมองเห็นไม่ใช่การเปิดบอลหรือการเล่นเกมรับของเขา แต่คือการยืนตำแหน่งเมื่อไม่มีบอลอยู่กับตัว วันนี้จะเห็นหลายครั้งที่ tsimikas รับบอลไม่ได้ ซึ่งบางลูกมองเผินๆเราอาจจะมองว่าเพื่อนร่วมทีมจ่ายบอลย้อนหลังหรือจ่ายไม่ถึง แต่สำหรับผม ให้เป็นความผิดซิมิ 50% เพราะบางจังหวะเพื่อนไม่สามารถ control การจ่ายบอลได้เป๊ะขนาดนั้น ซิมิคาสควรยืนในพื้นที่ที่ได้เปรียบ ในตำแหน่งที่เพื่อนสามารถจ่ายมาได้
สังเกตจากการที่ถ้าเป็น Robbo เราจะเห็นบอล Switch จากฝั่งขวามาซ้ายได้บ่อย และมีพื้นที่มากในการสวน แต่ซิมิคาสมักจะเติมขึ้นสูงไป ทำให้บอลจากฝั่งขวาย้อนหลัง หรือถ้าต้องเปิดขึ้นไปอีกก็จะโดนตัดบอลและสวนกลับทันที เป็นปัญหาหนึ่งที่ซิมิคาสยังต้องพัฒนาต่อไป
Bajsetic ก็ไม่รอด โดนจับมาลองของ Invert fullback
สำหรับเกมนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราพยายามจะเล่นแผนที่ซ้อมมาเพื่อเด็กชายเทรนท์ แต่จำเป็นต้องหาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนเขา ซึ่งหลังจากพี่โจไปไม่รอดในเกมที่แล้ว เกมนี้บายเซติชกลับมาลงจากที่ไม่ได้เล่นมานานก็ได้รับบทบาทใหม่เลย สำหรับน้องบายที่เคยเล่นกลางรับมาก่อน ทำให้จังหวะพื้นที่ตรงกลางสามารถเติมมาช่วยได้ดี แต่จังหวะเติมฝั่งขวายังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ Ben Doak เลยค่อนข้างโดดเดี่ยว
ซึ่งสุดท้ายพอเราเปลี่ยนตัวกลับมา โดยมีโจโกเมซเล่นเป็นแบคขวา ก็เล่นดีหนิ จะ Invert กันไปทำไมถ้าเทรนท์ไม่อยู่ ผมละไม่เข้าจาย
Ben Doak ยังต้องพัฒนาอีกมาก
เป็นโอกาสลงเป็นตัวจริงนัดแรกของ Ben Doak ในฤดูกาลนี้ เจ้าหนูสุดจี๊ดเมื่อพรีซีซั่นที่ตอนมีข่าวว่าซาอุจะซื้อซาลาห์แล้วแฟนๆหลายคนก็เชียร์ให้ขายแล้วปั้นโด๊คเลย ซึ่งผมก็เข้าใจนะ แต่เราก็ได้เห็นแล้วว่าความต่างของ World class กับดาวรุ่งที่มี Potential มันห่างกันมาก วันนี้โด๊คมีจังหวะลากผ่านอยู่บ้างเป็นครั้งครา แต่ความน่ากลัวแทบไม่มีเลย
โด๊คยังต้องปรับปรุงอย่างมาก ในเรื่องของจังหวะสุดท้าย ซึ่งบางครั้งเหมือนน้องยังคิดมากไปทำให้มันมากจังหวะ และช้าเกินไป อย่างจังหวะสุดท้ายที่ซาลาห์ยิงประตูได้ จังหวะการล็อคเข้าไปแทบจะเหมือนที่โด๊คทำได้ในครึ่งแรก แต่ความเฉียบของซาลาห์คือเห็นช่องระหว่างขาผู้รักษาประตูแล้วดีดเข้าไปทันที ซึ่งนี่แหละคือความแตกต่าง ซาลาห์จ่ายให้เพื่อนก็ได้ หรือจะยิงประตูก็ได้ แต่โด๊คยังต้องพัฒนาทั้งสองอย่างอีกหลายขั้นเลย
ยังไม่สามารถโชว์ข้อดีของตัวเองสำหรับ Endo
วันนี้ถือเป็นวันที่เอนโดได้พิสูจน์ตัวเองจริงๆซะทีว่าจะสมกับตัวความหวังที่พ่อคล็อปเขาอยากได้มานานไหม สำหรับผมตอนแรกที่ได้เขามาก็ค่อนข้างดีใจ และคาดหวัง ด้วยประสบการณ์และตำแหน่งที่เน้นเป็นตัวรับอยู่แล้ว รู้สึกว่าจะมาเติมเต็มทีมในตำแหน่งที่ขาด แต่จากการที่ดูมาหลายนัดก็เริ่มสัมผัสได้ว่าคุณภาพเขามันต่างกับคนอื่นจริงๆ
วันนี้เอนโดทำหน้าที่เดียวกับ Mac คือกองกลางเบอร์ 6 จังหวะที่คอยต่อบอลประสานกับเพื่อนอาจจะดูดี มาช่วยต่อบอล แต่กลายเป็นว่าแผนของลิเวอร์พูลนั้นต้องการอะไรจากตำแหน่งนี้มากกว่านั้น ต้องเป็นคนลำเลียงบอลขึ้นมา และต้องคอยกระจายบอลให้ทั่วสนาม ซึ่งคนที่เคยเล่นตรงนี้มาก่อนไม่ว่าจะเป็น ฟาบินโย่ เฮนโด้ ติอาโก้รวมถึงล่าสุดแมคอัลลิสโต้ จะมีการวางบอลยาวและการ switch บอลสั้นยาวให้เห็นบ่อยๆ แต่เอนโดนั้นสิ่งที่เขาสามารถทำได้คือการช่วยเพื่อนแกะบอล แปะบอลชิ่งสั้นๆ ทำให้ยังขาดข้อดีที่จะมาช่วยเสริมทีมตรงนี้ไป
เรื่องเกมรับ เอนโดก็ยังด้อยกว่าเพื่อนในด้านความเร็ว เขามีการยืนตำแหน่งที่ดี และอาจจะมีดีลูกกลางอากาศอยู่บ้าง แต่เรื่องความเร็วแทบไม่ต่างกับฟาบินโย่เลย มีจังหวะหนึ่งต้นเกมที่เข้าบอลพลาดแล้วน้องบายเซติชมาช่วยสไลด์ ไม่งั้นทีมอาจจะเสียหายได้ รวมทั้งพอเปลี่ยนแมคลงมาก็มีจังหวะสวยๆที่วิ่งไปบังบอลซ้อนให้หลังจากโกเมซพลาดเสียบอลแล้วเขาสวนมา ซึ่งทั้งเกมเอนโดแทบไม่มีจังหวะแบบนี้เลย
คู่หูอเมริกาใต้เฉิดฉายคนละ 1 ประตู
สำหรับคนที่ผมเชียร์เสมอมาอย่างเดอะหนูนและดิอาซพลังใบวันนี้ก็โชว์ให้เห็นอีกครั้งว่าความขยันและมุ่งมั่นของพวกเขามันตอบแทนแฟนบอลได้ดีมาก จังหวะเพรสซิ่ง จังหวะวิ่งไปเอาบอลที่เพื่อนทิ้งมา และจังหวะลงไปช่วยล้วงบอลในเกมรับ เราเห็นได้จาก 2 คนนี้สม่ำเสมอจนต่อให้ไม่สามารถทำประตูได้ เราก็จะด่าเขาไม่ลงเลย
สำหรับผมวันนี้ทั้ง 2 คนอาจจะไม่สามารถสร้างความอันตรายในแดนหน้าได้มากนัก แต่พลังงานที่ใช้วิ่งสลัดกองหลังของ LASK ก็ส่งผลตอบแทนในครึ่งหลังที่เห็นเลยว่ากองหลังทีมเขาหมดแรงแล้วเมื่อโดนคู่หูคู่นี้ผลัดกันวิ่งป่วนทั้งเกม และผลตอบแทนของทั้งคู่ก็คือคนละ 1 ประตูในวันนี้ สำหรับช่วงนี้ไม่ว่ายังไงผมก็อยากให้ตัวจริงเป็นของสองคนนี้ไปก่อน แน่นอนรวมถึงพี่ใหญ่โมซาลาห์ด้วย
สำหรับเกมยูโรป้านัดแรกอาจจะเป็นแค่การลองทีมให้ลงสนามเคาะสนิม และเรียกความมั่นใจสำหรับผู้เล่นหลายๆคน แต่ปีนี้ถ้าต้องได้แชมป์สักถ้วยก็ขอให้เป็นถ้วยนี้นี่แหละ เพราะเป็นถ้วยเดียวที่เรายังคาใจอยู่ และขอให้ทีมทำสำเร็จ ไปคว้ามาให้ได้ พ่อคล็อปจะได้มีถ้วยครบทุกใบของแทร่
เขียนโดย ซีโม่
#normalladsliverpool
#7gamechangingfactors
โฆษณา