เคล็ดลับในการรักษาความมั่งคั่งของ "ตระกูลรอธส์ไชลด์ Rothschild Family)"
"ตระกูลรอธส์ไชลด์ Rothschild Family)" คือตระกูลในยุโรปที่มั่งคั่งร่ำรวยและยิ่งใหญ่ในธุรกิจธนาคารมาเป็นเวลานานกว่า 200 ปี
ว่ากันว่าทรัพย์สินของตระกูลรอธส์ไชลด์นั้นมีจำนวนมหาศาล โดยประเมินกันว่ามีทรัพย์สินระหว่าง 350,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 12.6 ล้านล้านบาท) ถึง สองล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 72 ล้านล้านบาท) เลยทีเดียว
ด้วยความมั่งคั่งร่ำรวยยิ่งกว่าใครๆ ในประวัติศาสตร์ ทำให้มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับตระกูลรอธส์ไชลด์มากมาย และเกิดทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ
เรื่องราวความยิ่งใหญ่ของตระกูลรอธส์ไชลด์นั้นเริ่มต้นในสมัยศตวรรษที่ 18 โดย "เมเยอร์ อัมเชล รอธส์ไชลด์ (Mayer Amschel Rothschild)" นายธนาคารชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ได้ส่งบุตรชายทั้งห้าไปยังเมืองต่างๆ ในยุโรปเพื่อบริหารสาขาของธนาคารซึ่งเป็นกิจการของตระกูล
บุตรทั้งห้าของเมเยอร์นั้นบริหารกิจการได้อย่างดี และทำให้ธุรกิจของครอบครัวเติบโตได้อย่างมาก และยิ่งใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
หากพิจารณานั้น การทำเงินได้เป็นจำนวนมากนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การบริหารเงินนั้นยากกว่า และยิ่งทำให้เงินเหล่านั้นเติบโตก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก แต่ที่ยากที่สุดคือการส่งต่อเงินและความร่ำรวยนั้นไปยังคนรุ่นต่อไปและทำให้เติบโตยิ่งขึ้นไปนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุด
ดังนั้นสิ่งที่น่าสนใจก็คือ ตระกูลรอธส์ไชลด์นั้นมีวิธีการอย่างไรถึงทำให้ตระกูลของตนยังคงยิ่งใหญ่และร่ำรวยมาได้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานนับร้อยปี ในขณะที่ตระกูลอื่นๆ ที่ร่ำรวยแต่มาเสียทรัพย์สมบัติจนตระกูลล่มจมในรุ่นลูกรุ่นหลานก็มีให้เห็น แต่ตระกูลรอธส์ไชลด์กลับรอดพ้นมาได้
เมเยอร์ อัมเชล รอธส์ไชลด์ (Mayer Amschel Rothschild)
เราลองมาวิเคราะห์กันครับ
1.ตระกูลรอธส์ไชลด์ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง
สมาชิกตระกูลรอธส์ไชลด์นั้นล้วนแต่บริหารงานอย่างหลักแหลม อีกทั้งยังทำงานหนักและมีความเป็นนักธุรกิจเต็มตัว สามารถขยายธุรกิจไปยังภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างกว้างขวาง
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากธุรกิจหลักอย่างธนาคารแล้วนั้น ตระกูลรอธส์ไชลด์ยังลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคงสูง เช่น ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ เหรียญหายาก และของสะสมล้ำค่าต่างๆ ทำให้มูลค่าทรัพย์สินของตระกูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะไม่ได้ลงมือทำงานก็ตาม
ในยุโรปนั้น ตระกูลรอธส์ไชลด์ครอบครองที่ดินจำนวนมาก คฤหาสน์และปราสาทต่างๆ รวมทั้งงานศิลปะล้ำค่าหลายชิ้น โดยที่ดินหลายแห่งของตระกูลก็ถูกนำมาทำเป็นไร่องุ่นและฟาร์มม้า
ด้วยการลงทุนที่ฉลาดและลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคง ทำให้ความร่ำรวยของตระกูลรอธส์ไชลด์ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
2.ตระกูลรอธส์ไชลด์ลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ
ตระกูลรอธส์ไชลด์ได้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังปล่อยเงินกู้ให้แก่เหล่าบุคคลในวงสังคมชั้นสูง ซึ่งต่างก็มีศักยภาพที่จะจ่ายหนี้ที่ติดค้างได้
นอกจากนั้น ตระกูลรอธส์ไชลด์ยังลงทุนในธุรกิจเพชรพลอย ซึ่งในเวลานั้นเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ในเวลาอันรวดเร็ว
สมาชิกของตระกูลบางกลุ่มยังหันไปลงทุนในธุรกิจที่ปรึกษา ซึ่งเป็นธุรกิจที่ความเสี่ยงต่ำ ลงทุนต่ำ แต่ผลตอบแทนสูง
3.มีการส่งต่อความร่ำรวยจากรุ่นสู่รุ่น
เมเยอร์ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลนั้น ได้ส่งบุตรชายทั้งห้าไปยังเมืองต่างๆ ในยุโรปเพื่อก่อตั้งและบริหารกิจการสาขาธนาคารของตระกูล
ตามพินัยกรรมของเมเยอร์ มีการระบุว่าไม่ยกมรดกให้แก่บุตรสาว เนื่องจากต้องการให้เงินทองไหลวนอยู่ในตระกูล ไม่ต้องการให้สมบัติตกไปอยู่ในมือคนนอกตระกูล
ดังนั้น ตระกูลรอธส์ไชลด์จึงมีการสมรสกันเองในหมู่เครือญาติ
บุตรหลานของเมเยอร์ก็ดำเนินรอยตามเมเยอร์ โดยมีการส่งต่อความร่ำรวยและกิจการให้บุตรหลานเข้ามาบริหาร ทำให้ความมั่งคั่งของตระกูลนั้นดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
4.ตระกูลรอธส์ไชลด์ส่งเสริมให้มีการฝึกการบริหารและฝึกงานในธุรกิจครอบครัว
ตัวของเมเยอร์นั้น ได้ฝึกงานในธุรกิจการค้าเหรียญหายาก ก่อนจะร่วมกับพี่น้องและฝึกงานในธุรกิจของผู้เป็นบิดา
สมาชิกตระกูลรอธส์ไชลด์หลายคนก็เข้าทำงานในบริษัทของตระกูล ทำให้ชำนาญและส่งต่อความชำนาญนั้นไปสู่สมาชิกตระกูลรุ่นต่อๆ ไป
5.ตระกูลรอธส์ไชลด์เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจในหลายๆ ด้าน
ตระกูลรอธส์ไชลด์เป็นตระกูลชาวยิวตระกูลแรกที่ขยายสาขาธุรกิจธนาคารไปยังเมืองอื่นๆ และตั้งแต่นั้น ก็มีคนพยายามจะเลียนแบบกลยุทธ์ของตระกูลรอธส์ไชลด์
และในช่วงเวลาที่ยังไม่มีใครคิดเรื่องการปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาล ตระกูลรอธส์ไชลด์ก็มองเห็นโอกาสในการปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาล อีกทั้งยังเข้าไปลงทุนในอาคารและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อีกด้วย
ด้วยความที่เป็นผู้บุกเบิกแนวทางใหม่ๆ ทำให้ตระกูลรอธส์ไชลด์มั่งคั่งร่ำรวย
6.ตระกูลรอธส์ไชลด์ปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เหมาะกับยุคสมัย
เมเยอร์นั้นเริ่มต้นจากธุรกิจค้าเหรียญหายาก ก่อนจะหันเหธุรกิจไปทำธุรกิจธนาคาร ปล่อยเงินกู้ให้เหล่าบุคคลในวงสังคมชั้นสูง
และเมื่อเวลาเปลี่ยนไป ธนาคารของตระกูลก็ได้ปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาล อีกทั้งยังขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ ทั้งเหมืองแร่ ธุรกิจไวน์ และธุรกิจที่ปรึกษา
จะเห็นได้ว่าตระกูลรอธส์ไชลด์ไม่ได้ยึดติดอยู่กับธุรกิจธนาคารเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังเข้าไปลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เมื่อมีโอกาส
7.ตระกูลรอธส์ไชลด์มองเห็นโอกาสและใช้โอกาสทางธุรกิจให้เป็นประโยชน์
การมองเห็นโอกาสทางธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งที่นำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จและนำเงินทองให้ไหลเข้ากระเป๋าของผู้ที่มองเห็นโอกาส
ในสมัยศตวรรษที่ 18 เมเยอร์ได้เล็งเห็นว่าหลังสงคราม พันธบัตรรัฐบาลจะเป็นสิ่งที่สร้างเงินได้มหาศาล เมเยอร์จึงเสนอให้รัฐบาลกู้ยืมเงินจากตน ในขณะที่ตนก็ได้กำไรจากพันธบัตรรัฐบาลเป็นจำนวนมาก
หลังจากโกยกำไรจากพันธบัตรรัฐบาลและการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตระกูลรอธส์ไชลด์ก็เข้าไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และเป็นกลุ่มหลักในการสร้างทางรถไฟสายแรกในเยอรมนี
นอกจากนั้น ตระกูลยังได้พลิกผืนที่ดินที่ตนเป็นเจ้าของให้กลายเป็นไร่องุ่น และเข้าไปลงทุนในธุรกิจเพชรพลอย
นอกจากนั้น ตระกูลรอธส์ไชลด์ยังตระหนักว่าตนนั้นมีความสามารถด้านธุรกิจการธนาคาร จึงเห็นโอกาสในการทำธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใช้ความรู้ที่ตนมีให้เกิดประโยชน์ ซึ่งนี่ก็นับเป็นการเห็นผลทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยม
8.ตระกูลรอธส์ไชลด์เลือกที่จะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายการเมืองใด
เป้าหมายสำคัญของตระกูลรอธส์ไชลด์ก็คือธุรกิจ การสร้างความมั่งคั่ง และถึงแม้ตระกูลรอธส์ไชลด์จะปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หากแต่เลือกที่จะปล่อยเงินกู้ให้รัฐบาลใดก็ตามที่จะสร้างผลตอบแทนให้ตระกูลได้
ความเห็นทางการเมืองของแต่ละคนนั้นเป็นเรื่องรอง เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับตระกูลรอธส์ไชลด์ก็คือธุรกิจ ดังนั้นคนของตระกูลรอธส์ไชลด์จึงไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองและไม่สนใจว่าลูกหนี้ของตนจะอยู่ฝ่ายใด
นอกจากนั้น ถึงแม้ว่าตระกูลรอธส์ไชลด์จะร่ำรวยและทรงอิทธิพลระดับโลก แต่ก็ไม่มีการสนับสนุนฝ่ายการเมืองฝ่ายใดอย่างเป็นทางการ ไม่มีการเปิดเผยว่ามีการร่วมทำธุรกิจกับนักการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใด ทำให้การครหาเรื่องการเมืองนั้นไม่มีสำหรับตระกูลรอธส์ไชลด์ ทำให้ไม่ถูกเพ่งเล็งมากนัก
9.ตระกูลรอธส์ไชลด์เลือกที่จะเก็บตัว ไม่หิวแสง
ในยุคปัจจุบันที่โซเชียลมีเดียแพร่ไปทั่วโลก แต่คงแทบไม่มีใครเห็นสมาชิกตระกูลรอธส์ไชลด์โพสต์ภาพหรือข้อมูลส่วนตัวลงแอพต่างๆ
ที่ผ่านมา สมาชิกตระกูลรอธส์ไชลด์เลือกที่จะเก็บตัวเงียบ แทบไม่ออกงานสังคม การให้สื่อสัมภาษณ์ก็มีไม่บ่อยนัก ซึ่งการรักษาความเป็นส่วนตัวนี้เองทำให้เป็นการยากที่ใครจะเข้าถึงสมาชิกตระกูล และทำให้สมาชิกตระกูลปราศจากข่าวเสื่อมเสีย
และด้วยการปกป้องความเป็นส่วนตัวขั้นสุดนี้ ก็เสมือนปกป้องความมั่งคั่งของตระกูลจากผู้ไม่หวังดีที่อาจนำข้อมูลของตระกูลมาทำให้เสียหาย
10.ส่งเสริมคนมีความสามารถ
ตระกูลรอธส์ไชลด์จะแตกต่างจากตระกูลใหญ่หลายตระกูลตรงที่การสืบทอดอำนาจนั้น หากเป็นตระกูลอื่นๆ มักจะส่งต่อสู่บุตรชายคนโต หากแต่ในตระกูลรอธส์ไชลด์นั้น จะพิจารณาจากความสามารถเป็นสำคัญ ทำให้ตระกูลไม่ล่มจมและมั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากใช้คนที่มีความสามารถจริงๆ
11.ตระกูลรอธส์ไชลด์มีสายสัมพันธ์ในครอบครัวที่เหนียวแน่น เกื้อหนุนกันและกัน
ถึงแม้พี่น้องแต่ละคนจะแยกกันบริหารธุรกิจในเมืองที่ต่างกัน แต่ต่างก็มีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นซึ่งช่วยทำให้เครือข่ายธุรกิจของตระกูลแข็งแกร่ง
สาขาธุรกิจแต่ละสาขาก็เกื้อหนุนกันและกัน มีการแชร์ข้อมูลและระบบขนส่งที่ทำให้ธุรกิจเติบโต และยังช่วยเหลือกันและกันในช่วงเวลาวิกฤต
คนในตระกูลรอธส์ไชลด์ก็สมรสกันเองในหมู่เครือญาติเพื่อให้เงินทองไหลเวียนในครอบครัว และยังมีการฝึกงานการบริหารให้แก่สมาชิกตระกูลตั้งแต่ยังเยาว์วัย ทำให้ธุรกิจของตระกูลยิ่งแข็งแกร่ง
12.ตระกูลรอธส์ไชลด์มีเส้นสายในวงสังคมชั้นสูง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตระกูลรอธส์ไชลด์ได้ปล่อยกู้และเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจแก่บุคคลในวงสังคมชั้นสูงจำนวนมาก รวมถึงเหล่าพระราชวงศ์ต่างๆ ทำให้เครือข่ายเส้นสายของตระกูลนั้นแข็งแกร่งมาก
บุตรชายทั้งห้าของเมเยอร์ก็ได้รับแต่งตั้งให้มียศขุนนาง ทำให้พวกเขามีเส้นสายและสามารถใช้เส้นสายนี้แสวงประโยชน์ทางธุรกิจ
แม้แต่ในปัจจุบัน สมาชิกตระกูลรอธส์ไชลด์ก็ยังมีคอนเนคชั่นกับเหล่าผู้นำระดับโลก ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจของตระกูล
13.ตระกูลรอธส์ไชลด์ไม่เปิดรับคนนอกซี้ซั้ว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือยามพักผ่อน ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงสมาชิกตระกูลรอธส์ไชลด์ได้
ตระกูลรอธส์ไชลด์มักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเองมากกว่ากับคนนอก ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูงและป้องกันไม่ให้คนนอกที่อาจจะไม่หวังดีหรือหวังจะเข้ามาแสวงผลประโยชน์จากตระกูลเข้าถึง
และหากต้องจ้างบุคลากรที่เป็นคนนอกตระกูลเข้ามาบริหารงาน บุคคลผู้นั้นก็ต้องเป็นบุคคลที่ถูกเลือกมาอย่างดี มีประสบการณ์และมีความสามารถ อีกทั้งยังสามารถไว้ใจได้
14.ตระกูลรอธส์ไชลด์มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเฉพาะด้าน
ถึงแม้ว่าตระกูลรอธส์ไชลด์จะขยายการลงทุนไปยังธุรกิจหลากหลาย แต่ธุรกิจที่เชี่ยวชาญก็ยังคงเป็นธุรกิจธนาคาร
เป็นเวลานับร้อยปีที่ตระกูลรอธส์ไชลด์ได้ปล่อยเงินกู้ให้แก่รัฐบาลประเทศต่างๆ และบริษัทใหญ่ๆ สร้างผลกำไรจากดอกเบี้ยได้เป็นจำนวนมาก
ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการธนาคารทำให้ตระกูลรอธส์ไชลด์สามารถขยายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นได้ไม่ยากและยังรักษาความยิ่งใหญ่ไว้ได้จนถึงปัจจุบัน
15.ตระกูลรอธส์ไชลด์ใช้ช่องว่างทางกฎหมายให้เป็นประโยชน์
การมองเห็นช่องว่างทางกฎหมายและใช้ให้เป็นประโยชน์ได้สร้างและรักษาความมั่งคั่งแก่ตระกูลรอธส์ไชลด์
นอกจากจะสร้างธุรกิจจนรวยมหาศาล ตระกูลรอธส์ไชลด์ยังเป็นตระกูลนักการกุศลที่สำคัญตระกูลหนึ่ง มีการบริจาคเงินจำนวนมากแก่การกุศล และยังยกปราสาทและคฤหาสน์ของตนให้เป็นสมบัติชาติ
ด้วยการบริจาคเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตระกูลรอธส์ไชลด์ไม่ต้องจ่ายภาษีในอัตราปกติ อีกทั้งการยกปราสาทและคฤหาสน์ให้เป็นสมบัติชาติ ยังช่วยในเรื่องของค่าปรับปรุงและซ่อมแซมรักษาอีกด้วย อีกทั้งยังช่วยในการเลี่ยงภาษีมรดกได้อีก
นี่ก็อาจจะเป็นคร่าวๆ ของเคล็ดลับในการรักษาความยิ่งใหญ่ของตระกูลรอธส์ไชลด์ ตระกูลที่เป็นที่สนใจมากที่สุดตระกูลหนึ่งในประวัติศาสตร์
- 137
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
