ครอบครัวของนัท และนพล้วนแต่คลุกคลีมากับวงการการ์ตูนมาตั้งแต่เด็ก ความเชี่ยวชาญที่ครอบครัวเขามี คือการเป็นเอเจนซี่โฆษณาที่เชี่ยวชาญถึงการดูแลลูกค้าที่อยู่ในวงการขนมเด็ก(โดยเฉพาะเครือยูโร่) และครอบครัวของเขาก็เป็นผู้ร่วมบุกเบิกช่วงเวลาแอนิเมชั่นที่เป็น Top Of Mind ของเด็กยุคนั้น
การเรียนปริญญาตรีที่อเมริกา ปกติจะใช้เวลาเรียนประมาณ 4 ปี ผมก็เรียนจบภายในเวลา 3 ปี รวมถึงปริญญาโทที่สนใจทั้งในด้านบริหารและการตลาด ทำให้ผมไปเลือกเรียนปริญญาโท 2 ใบ ใบละ 1 ปีที่ columbia business school ที่นิวยอร์ก แล้วก็ london business school ที่ลอนดอนอีกใบละปี ทำให้ใช้เวลาทั้งหมด 5 ปีในการไปศึกษาต่อ ก็ได้เรียนรู้เนื้อหาที่ถือว่าเชิงลึกประมาณนึง ตลอดเวลา 5 ปีใน 3 เมือง ก็จะมีอิลลินอยส์ นิวยอร์ก แล้วก็ลอนดอน
แล้วงานแรกที่ทำหลังจากกลับมาไทย?
“ก็กลับมาที่องค์กรของเราเลย” ตำแหน่งแรกก็คือดูด้าน Business Planning ก็ได้นำความรู้ที่เรียนมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการวางผังรายการต่าง ๆ, การบริหารผังรายการ รวมถึงเนื้อหาต่าง ๆ ก็มาเริ่มต้นในตำแหน่ง Business Planning ในการ์ตูนคลับนี่แหละครับ
ก่อนที่จะมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มาเป็น Executive Director และล่าสุดก็รับตำแหน่ง CEO ซึ่งรับไม้ต่อจากรุ่นคุณพ่อ คุณอา และพี่นัทครับ
มันจะมีช่วงนึงที่มีคอร์สพากย์ 2 คอร์ส คอร์สนึงคือ Cartoon Club Academy อีกคอร์สนึงคือ Jumper Talent (ของพี่นัท) เรามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?
ก่อนที่พี่นัทจะกลับโลกดิจิทัลไป แฟนคลับการ์ตูนคลับบางคนอาจจะงงงวยถึง “Jumper Talent” หลักสูตรนักพากย์ที่บริษัทส่วนตัวของนัทร่วมทำกับพาร์ทเนอร์อีกคน ซึ่งทำให้แฟนคลับที่ติดตาม และรอคอยหลักสูตร Cartoon Club Academy นั้นงงตาแตก
ด้วยราคาที่ถูกกว่าหลักสูตรของ Cartoon Club ก็อาจจะทำให้คนลังเลได้
นพตอบกับผมว่า “ ก็เป็นยูนิตที่คุณนัทร่วมกับพาร์ทเนอร์เขาอีกยูนิตนึง ซึ่งตอนนั้นคอร์สของ Cartoon Club Academy เนี่ยก็เป็นคุณนัทที่ดูแลตรงนี้อยู่แล้ว อาจจะเป็นอีกคอร์สนึง ที่เขาร่วมกับอีกพาร์ทเนอร์นึง แต่ทุกวันนี้ในส่วนของเราก็มาดูแลในการรับไม้ต่อ Cartoon Club Academy ครับผม”