23 ก.ย. 2023 เวลา 04:16 • ความคิดเห็น

การประหารชีวิตทางการเมือง

จากข่าวช่อ พรรณิการ์ วานิช ถูกศาลฎีกาพิพากษาเพิกถอนสิทธิ์ลงสมัครเลือกตั้ง และตัดสิทธิ์ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต
มีผู้แสดงความคิดเห็นหลากหลาย ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ที่ไม่เห็นด้วย เช่นทีวีช่อง 7 ถึงกับระบุว่า เป็นการประหารชีวิตทางการเมือง เป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป คนที่ถูกตัดสิทธิ์ ไม่ได้รับความยุติธรรม
แต่คนที่เห็นด้วย กลับบอกว่า เป็นโทษที่น้อยเกินไป ควรมีการดำเนินคดีอาญาด้วย
ถ้าคิดว่า นักการเมืองเป็นอาชีพหนึ่ง เอาไปเทียบกับอาชีพอื่นๆ เช่นหมอและวิศวกร กว่าจะเป็นหมอหรือวิศวกร ต้องผ่านการเรียนตามหลักสูตรในมหาวิทยาลัย 4-6 ปี จบแล้วยังต้องมีการฝึกงาน ต้องสอบขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ต้องมีจรรยาบรรณในวิชาชีพที่ทำอยู่ ซึ่งถ้าทำความผิดร้ายแรง ก็ถูกยึดใบประกอบวิชาชีพ ไม่สามารถเป็นแพทย์หรือวิศวกรได้อีก
ส่วนนักการเมืองนั้น จบอะไรมา ก็ได้ อย่างน้อยในระดับปริญญาตรี ไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพนักการเมือง ไม่ต้องผ่านการฝึกงานฝึกอบรม ให้มีประสบการณ์ก่อนที่จะเป็นเป็นนักการเมือง
ที่ผ่านมา ก็มีแพทย์และวิศวกร ถูกยึดใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งน่าจะมีจำนวนไม่น้อย ซึ่งยังไม่มีใครสำรวจข้อมูลสถิติ ระหว่างแพทย์ วิศวกรและนักการเมือง กลุ่มไหนจะมีอัตราส่วนมากกว่ากัน แต่แพทย์และวิศวกร ที่ถูกยึดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ไม่ค่อยเป็นข่าวเท่านักการเมือง
และข่าวแพทย์หรือวิศวกรที่ถูกยึดใบอนุญาตออกมาเรียกร้องทวงความยุติธรรมว่า "ถูกประหารชีวิต ทางวิชาชีพ จากการเป็นแพทย์ จากการเป็นวิศวกร" ไม่เคยปรากฏเป็นข่าว เหมือนนักการเมืองเลย
"เด็ดดอกไม้ช่อเดียว สะเทือนทั้งสวนส้ม" คือวาทะเด็ด ของอี้แทนคุณ จิตต์อิสระ จากพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เห็นภาพชัด ถึงความเดือดร้อนของพรรคก้าวไกล ที่ สส. และคนในพรรคนี้ ที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันหลายคน ที่รอคิวรอคำพิพากษาตามรอยช่อ
ทำให้พรรคก้าวไกล ยิ่งดิ้นรน หาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ก่อนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขให้มีกฎหมายกำหนดคุณสมบัตินักการเมือง ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งก่อนดีไหม?
ให้ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบจริยธรรม ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์เบื้องต้น สำหรับนักการเมือง
โฆษณา