23 ก.ย. 2023 เวลา 15:47 • ประวัติศาสตร์

คาราบัค (Karabakh)

แผนที่ภูมิภาคคาราบัค
คาราบัต(Karabakh) เป็นภูมิภาคที่ตั้งอยู่ระหว่างภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอาร์เมเนีย กับ ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอาเซอร์ไบจาน ภูมิภาคนี้ยังครอบคลุม สาธารณรัฐอาร์ตซัค ประเทศที่ไม่ได้รับการยอมรับจาก UN
ที่มาของชื่อคาราบัคนั้น โดยหลักๆแล้วมีสองทฤษฎีที่มีการโต้แย้งกันอยู่จนถึงปัจจุบัน
ทฤษฎีแรก : คำว่า คาราบัค เป็นการผสานคำระหว่าง คำศัพท์ในกลุ่มภาษาเติร์กกิกกับคำศัพท์ในภาษาอิหร่าน คือ คำว่า kara ที่แปลว่า สีดำ ในภาษาเติร์ก กับ คำว่า bagh ที่แปลว่า สวน ในภาษาอิหร่าน รวมแล้วจึงแปลว่า สวนสีดำ
ทฤษฎีที่สอง : คำว่า คาราบัค เป็นผสานคำระหว่าง คำศัพท์ในภาษาถิ่นฮัรซานดิซึ่งเป็นภาษาอาเซอรีเก่าในกลุ่มภาษาอิหร่านที่สูญพันธุ์ไปแล้ว กับ คำศัพท์ในภาษาอิหร่าน โดยมีความแตกต่างจากทฤษฎีแรกตรงที่ คำว่า Kara ของทฤษฎีนี้เป็นคำในภาษาถิ่นฮัรซานดิ ที่หมายถึง ใหญ่ รวมกับคำว่า bagh ทำให้ คำว่า คาราบัคในทฤษฎีนี้แปลว่า สวนขนาดใหญ่
คาราบัคเป็นพื้นที่ๆไม่มีทางออกสู่ทะเล ตั้งอยู่ทางใต้ของอาร์เมเนียและทางตะวันตกของอาเซอร์ไบจาน โดยคาราบัคแบ่งเป็นอนุภูมิภาคได้สามแห่งคือ
แผนที่อนุภูมิภาคซันเกซุร
1.ซันเกซูร(Zangezur) เป็นอนุภูมิภาคที่ครอบคลุมพื้นที่ทางภาคใต้ทั้งหมดของอาร์เมเนีย รวมถึงสามจังหวัดทางตะวันตกสุดของอาเซอร์ไบจาน คือ จังหวัดลาชิน,จังหวัดกูบาดิล และ จังหวัดซันกิลัน
แผนที่อนุภูมิภาคคาราบัคตอนบน
2.คาราบัคตอนบน(Upper Karabakh) หรือ ที่รู้จักในชื่อนากอร์โน-คาราบัค(Nagorno-Karabakh) โดยตามเส้นแบ่งดินแดนที่แบ่งในสมัยสหภาพโซเวียต อนุภูมิภาคส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอาเซอร์ไบจาน แต่ด้วยประชากรส่วนใหญ่ในอนุภูมิภาคแห่งนี้ เป็นชาวอาร์เมเนีย ทำให้ตั้งแต่ปี 1988 - 1994 ได้เกิดสงครามในดินแดนส่วนนี้ ผลลัพท์คือชัยชนะของชาวอาร์เมเนีย นำไปสู่การก่อตั้ง สาธารณรัฐอาร์ตซัค ซึ่งประเทศที่ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
แผนที่อนุภูมิภาคคาราบัคตอนล่าง
3.คาราบัคตอนล่าง(Lowlands Karabakh) อยู่ทางตะวันออกสุดของภูมิภาคคาราบัค ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศอาเซอร์ไบจาน อนุภูมิภาคนี้อยู่ภายใต้การควบคุมโดยอาเซอร์ไบจานทั้งหมด
-ประวัติศาสตร์ของคาราบัค-
ภูมิภาคแห่งนี้นับตั้งแต่โบราณกาลเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าคอเคเซียนมากมาย เชื่อกันว่าถูกยึดครองโดยราชอาณาจักรอาร์เมเนียในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล หรือ 200 ปีก่อนคริสตกาล โดยถูกจัดให้เป็น จังหวัดอาร์ตซัค(Artsakh), จังหวัดอูติก(Utik) และ จังหวัดซิวนิก(Syunik) ที่เป็นหน่วยปกครองย่อยของราชอาณาจักรอาร์เมเนีย(Kingdom of Armenia)
อย่างไรก็ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์บางแห่งได้ระบุว่า อาร์เมเนียปกครองภูมิภาคส่วนนี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลหรือ 400ปีก่อนคริสตกาล ในสมัยราชวงศ์โอรอนติด(Orontid dynasty)
ในยุคกลาง การรุกรานของชาวอาหรับและการพิชิตเปอร์เซียในราวปี ค.ศ.632 ทำให้เจ้าชายอาร์เมเนียหลายพระองค์ผงาดขึ้นมาเพื่อสถาปนาการปกครองในภูมิภาคนี้ การสู้รบหลายครั้งในภูมิภาคคาราบัค บังคับให้ชาวอาร์เมเนียจำนวนมาก รวมทั้งชนเผ่าคอเคเซียนอื่นๆ ต้องอพยพและตั้งถิ่นฐานที่อื่น และ ในช่วงการรุกรานของมองโกล ชาวอาร์เมเนียจำนวนมากออกจากที่ราบลุ่มคาราบัคและไปหลบภัยบนภูเขาสูงในเขตอนุภูมิภาคคาราบัคตอนบน
ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เป็นต้นไป คาราบัคกลายเป็นบ้านของชนเผ่าอูยูซ(Oghuz) ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเติร์ก(Turks) ที่จะเป็นบรรพบุรุษของชาวอาเซอร์ไบจานในปัจจุบัน ชนเผ่าอูยูซยึดติดกับวิถีชีวิตเร่ร่อน โดยหมุนเวียนไปมาระหว่างทุ่งหญ้าฤดูหนาวในที่ราบลุ่มคาราบัคและทุ่งหญ้าฤดูร้อนในที่ราบสูงคาราบัค ชนเผ่าอูยูซครอบงำภูมิภาคนี้และเป็นพันธมิตรสำคัญของจักรวรรดิซาฟาวิด ซึ่งปกครองคาราบัคตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 - 18
ในศตวรรษที่ 15, นักเดินทางชาวเยอรมันชื่อ โยฮันน์ ชิลต์แบร์เกอร์(Johann Schiltberger)ได้เดินทางผ่านภูมิภาคคาราบัค และอธิบายว่าที่นี่เป็นที่ราบขนาดใหญ่และสวยงามในอาร์เมเนีย ซึ่งถูกปกครองโดยชาวมุสลิม ซึ่งก็คือ จักรวรรดิซาฟาวิดของชาวเปอร์เซีย
ใต้การปกครองของซาฟาวิด ภูมิภาคคาราบัคถูกหมายตาโดยมหาอำนาจมากมายที่พยายามเข้าแย่งชิง ไม่ว่าจะเป็น รัฐสุลต่านแห่งจาลายิริด(Jalayirid Sultanate), จักรวรรดิข่านอิล(Ilkhanate) และแน่นอน จักรวรรดิออตโตมัน(Ottoman Empire) ซึ่งได้ทำการควบคุมพื้นที่คาราบัคในช่วงสั้นๆ ระหว่างสงครามออตโตมัน-ซาฟาวิด ในปี 1578–1590
ในปี 1748 พื้นที่คาราบัค ได้สถาปนาเป็น รัฐข่านแห่งคาราบัค(Karabakh Khanate) ซึ่งเป็นรัฐข่าน(Khanate) ที่เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเปอร์เซียที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์กอญัร(Qajar)
ค.ศ.1804 จักรวรรดิรัสเซียภายใต้การนำของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย ได้ทำการรุกรานจักรวรรดิเปอร์เซียและเข้าควบคุมดินแดนคาราบัค สงครามสิ้นสุดลงโดยสนธิสัญญากูลิสถาน(Treaty of Gulistan) ในปี 1813 ซึ่งดินแดนคาราบัคกลายเป็นหนึ่งในดินแดนที่จักรวรรดิเปอร์เซียต้องมอบให้แก่จักรวรรดิรัสเซีย
ใต้การปกครองของรัสเซีย ภูมิภาคคาราบัค เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยการปกครองของจักรวรรดิรัสเซียที่มีชื่อว่า เขตอุปราชแห่งคอเคซัส(Caucasus Viceroyalty) โดยในภูมิภาคคาราบัคถูกแบ่งย่อยให้เป็น เขตผู้ว่าการแห่งเอลิซาเวตปอล(Caucasus Viceroyalty) ที่ขึ้นตรงต่อเขตอุปราช ประชากรของเขตผู้ว่าการแห่งเอลิซาเวตปอล ซึ่งก็คือภูมิภาคคาราบัคในเวลานั้นประกอบไปด้วยประชากรที่ถูกระบุว่าเป็นชาวอาร์เมเนีย และ เป็นชาวมุสลิม โดยในคำว่าชาวมุสลิมนั้น หมายรวมถึง ชาวเติร์ก,ชาวตาตาร์,และชาวเคิร์ด
ค.ศ.1917 จักรวรรดิรัสเซียล่มสลายจากการปฏิวัติรัสเซีย สหพันธสาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งทรานส์คอเคเซียน(Transcaucasian Democratic Federative Republic) ถูกก่อตั้งให้เป็นรัฐบาลชั่วคราวในดินแดนที่เป็นประเทศจอร์เจีย,ประเทศอาร์เมเนีย และ ประเทศอาเซอร์ไบจานในปัจจุบัน แต่ในปีถัดมา ทั้งสามชาติก็ได้แยกตัวไปเป็นรัฐอิสระของตนเอง
30 มีนาคม 1918 ได้เกิดสงครามระหว่าง สาธารณรัฐอาร์เมเนียที่หนึ่ง(First Republic of Armenia) กับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยอาเซอร์ไบจาน(Azerbaijan Democratic Republic) พื้นที่คาราบัคกลายเป็นข้อพิพาทสำคัญที่ทำให้ทั้งสองรัฐทำสงครามกัน
แต่แล้วสงครามจบลงด้วยมือที่สาม เมื่อกองทัพแดงของบอลเชวิชจำนวน 70,000 นาย บวกกับ กองทัพของรัฐบาลอังการา จำนวน 13,000 นาย ได้ยกทัพบุกยึดคอเคซัสใต้(South Caucasus) และ แบ่งแยกภูมิภาค คอเคซัสใต้ส่วนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพแดง กลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต และ ส่วนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกองทัพรัฐบาลอังการา ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐตุรกี
แน่นอนว่าคาราบัค อยู่ในส่วนของกองทัพแดง สหภาพโซเวียตได้พยายามรวมศูนย์อำนาจการปกครองในคอเคซัสใต้เป็น สหพันธสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตแห่งทรานส์คอเคเซียน(Transcaucasian Socialist Federative Soviet Republic) แต่ทว่าล้มเหลว จนนำไปสู่การแบ่งดินแดนออกเป็นสามส่วนคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตจอร์เจีย(Georgian SSR), สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตอาร์เมเนีย(Armenian SSR) และ สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตอาเซอร์ไบจาน(Azerbaijan SSR)
ทว่า อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานมีข้อพิพาทเหนือภูมิภาคคาราบัคและภูมิภาคนาคีชีวัน จนกระทั้งโซเวียตได้มอบนาคีชีวันที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอาเซอรีให้อาเซอร์ไบจาน แม้จะเป็นดินแดนที่ไม่ได้ติดต่อกับส่วนที่เหลือกับอาเซอร์ไบจาน นอกจากนี้โซเวียตได้ทำการแบ่งแยกดินแดนคาราบัคออกเป็นสองส่วนคือ คาราบัคตะวันตก มอบให้กับอาร์เมเนีย ขณะที่คาราบัคส่วนที่เหลือมอบให้กับอาเซอร์ไบจาน
แต่ในส่วนของคาราบัตที่โซเวียตมอบให้อาเซอร์ไบจาน มีส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหา นั้นคือ คาราบัคตอนบน(Upper Karabakh) หรือ นากอร์โน-คาราบัค(Nagorno-Karabakh) นั้นเอง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีประชากรอาร์เมเนียอาศัยเป็นประชากรหลักและอยู่อาศัยมานานแสนนาน
ความไม่สงบทำให้ทางสหภาพโซเวียตตัดสินใจจัดตั้ง เขตปกครองตนเองสังคมนิยมโซเวียตแห่งนากอร์โน-คาราบัค(Nagorno-Karabakh Autonomous Oblast) โดยถือเป็นเขตปกครองตนเองชาวอาร์เมเนียภายในสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตอาเซอร์ไบจาน แต่นั้นก็มิอาจแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างชาวอาร์เมเนียในนากอร์โน-คาราบัคที่อยากไปรวมกับสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตอาร์เมเนีย กับ ทางการของสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตอาเซอร์ไบจานได้
ในปี 1988 ช่วงท้ายการปกครองของสหภาพโซเวียตที่อยู่ภายใต้การนำของมิคคาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำสายปฏิรูปของโซเวียต ได้เกิดการปะทะกองโจรภายในเขตปกครองตนเองสังคมนิยมโซเวียตแห่งนากอร์โน-คาราบัค ระหว่างกองกำลังกบฎชาวอาร์เมเนีย กับกองทัพโซเวียตในอาเซอร์ไบจาน รัฐบาลโซเวียตอาเซอร์ไบจานที่ได้รับการสนับสนุนจากเครมลิน ได้ทำการปราบปรามการกบฎจนเกิดเป็นสงครามนากอร์โน-คาราบัคครั้งที่ 1
เป้าหมายของชาวอาร์เมเนีย คือ การนำนากอร์โน-คาราบัค เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของโซเวียตอาร์เมเนีย ประกอบกับเวลาเดียวกันนั้นอาร์เมเนียแสวงหาเอกราชจากสหภาพโซเวียต ทำให้กองทัพโซเวียตจึงยกทัพให้การสนับสนุนอาเซอร์ไบจานในการทำสงครามกับทั้งอาร์เมเนียและนากอร์โน-คาราบัค
ปี 1991 สหภาพโซเวียตล่มสลาย สงครามได้พลิก อาเซอร์ไบจานต้องทำสงครามโดยไร้พันธมิตร ทำให้อาร์เมเนียบุกเข้าคาราบัคส่วนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของนากอร์โน-คาราบัคที่อยู่ใต้การปกครองของอาเซอร์ไบจานตามกฎหมาย และ ผลลัพท์คือชัยชนะของชาวอาร์เมเนีย
พื้นที่ส่วนใหญ่ของคาราบัคที่เป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน รวมถึงนากอร์โน-คาราบัค ได้ก่อตั้งเป็น สาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัค(Nagorno-Karabakh Republic) ในปลายปี 1991 ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นสาธารณรัฐอาร์ตซัค(Republic of Artsakh) ตามชื่อจังหวัดโบราณของราชอาณาจักรอาร์เมเนีย
อย่างไรก็ตาม อาร์เมเนียมิได้ผนวกดินแดนอาร์ตซัคเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนเอง ส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันจากรัสเซีย ทำให้สาธารณรัฐอาร์ตซัคจึงมีสถานะเป็นเสมือนรัฐหุ่นเชิดของอาร์เมเนีย ก่อนที่จะกลายเป็นประเทศที่ไม่ได้รับการรับรองจากประเทศใดๆ
สงครามนากอร์โน-คาราบัคครั้งที่1 ทำให้ประชากรทั้งชาวอาเซอร์ไบจานและอาร์เมเนียเสียชีวิตจำนวนมาก โดยพลเรือนอาเซอร์ไบจาน 16,000 คน เสียชีวิต ส่วนพลเรือนอาร์เมเนีย 4,000 คน เสียชีวิต
ไฟแค้นระหว่างสองชาติยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากอาร์เมเนียปฏิเสธที่จะคืนคาราบัคที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐอาร์ตซัคคืนแก่อาเซอร์ไบจาน ฝ่ายอาร์เมเนียเองก็ไม่กล้าคือคาราบัคส่วนของอาเซอร์ไบจานคืนเพราะจะทำให้ สาธารณรัฐอาร์ตซัคถุกปิดล้อม และ วันดีคือดี อาเซอร์ไบจานอาจใช้ความได้เปรียบเข้ายึดอาร์ตซัค สิ่งนี้จะยิ่งทำให้วิกฤตนากอร์โน-คาราบัคขยายตัวเป็นสงครามครั้งใหม่
ในปี 2020 ภายใต้การสนับสนุนของตุรกี ฝ่ายอาเซอร์ไบจานได้ทำการรุกรานเขตยึดครองของอาร์เมเนียที่อยู่รอบนากอร์โน-คาราบัค(Armenian-occupied territories surrounding Nagorno-Karabakh) คืนจากกองทัพอาร์เมเนีย จนเกิดเป็นสงครามนากอร์โน-คาราบัคครั้งที่สอง เนื่องจากอาร์เมเนียและอาร์ตซัคกลัวว่า อาเซอร์ไบจานจะรุกเข้าอาร์ตซัค จึงได้ทำการต่อต้านอาเซอร์ไบจาน
สงครามจบลงด้วยการเข้ามาแทรกแซงของรัสเซีย ทำให้อาร์เมเนียต้องคืนเขตยึดครองของอาร์เมเนียที่อยู่รอบนากอร์โน-คาราบัคแก่อาเซอร์ไบจานเพื่อรับประกันเอกราชของสาธารณรัฐอาร์ตซัค
อย่างไรก็ตามความพยายามในการยึดนากอร์โน-คาราบัคของอาเซอร์ไบจานได้เกิดขึ้น ในปี 2022 อาเซอร์ไบจานปิดชายแดนทั้งหมดกับอาร์ตซัค ทำให้อาร์ตซัคเกิดภาวะอดอยาก ขาดแคลนปัจจัยยังชีพ โรงพยาบาลและโรงเรียนต้องปิด ต่อมาในวันที่ 19 กันยายนปี 2023 กองทัพอาเซอร์ไบจานได้บุกข้ามเข้าไปในเขตอาร์ตซัค ท้ายที่สุดในวันที่ 20 กันยายน 2023 อาร์ตซัคยอมแพ้
สถานะในปัจจุบัน คือ สองในสามอนุภูมิภาคในคาราบัคคือ คาราบัคตอนบน(Upper Karabakh) กับ คาราบัคตอนล่าง(Lowlands Karabakh) อยู่ใต้การควบคุมของอาเซอร์ไบจาน
ส่วนชะตากรรมของสาธารณรัฐอาร์ตซัคยังคงเป็นปริศนา แต่ที่คาดคะเนได้คือ มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอาเซอร์ไบจาน และ อาจนำไปสู่การขับไล่ประชากรอาร์เมเนียออกจากคาราบัคตอนบนและตอนล่าง เหลือไว้เพียง อนุภูมิภาคซันเกซุร(Zangezur) ที่เป็นภูมิภาคคาราบัคที่อยู่ในอาร์เมเนีย และอาจจะกลายเป็นคาราบัคแห่งสุดท้ายที่หลงเหลือมรดกอารยธรรมอาร์เมเนียโบราณ
ขณะที่มรดกและสถานที่โบราณของอาร์เมเนียโบราณในคาราบัคส่วนของอาเซอร์ไบจานหลายแห่ง(อาจ)ถูกทำลาย ส่วนหนึ่งมาจากการทำให้เป็นอาเซอร์ไบจาน(Azerbaijanization) เพื่อหลบร่องรอยอารยธรรมดั่งเดิมและแทนที่โดยวัฒนธรรมและประชากรเชื้อชาติใหม่ เหมือนดั่งที่เคยเกิดขึ้นในดินแดนส่วนอื่นๆของโลกตามกงล้อของเวลาและประวัติศาสตร์
และนี่คือเรื่องราวทั้งหมด เกี่ยวกับคาราบัค
เรียบเรียง - นัควัต ฮากีมอฟ
แผนที่โดย - Kentronhayastan
ที่มา
3.Karang, Abdolali. Tati va Harzani: Do lahje az zabane bastani-ye Azerbaijan (in Farsi), Tabriz: E. Vaezpour, 1954
4.Hewsen. Armenia, pp. 118-121.
5.Armenian–Azerbaijani war (1918–1920) : https://en.wikipedia.org/.../Armenian%E2%80%93Azerbaijani...
6.Transcaucasian Socialist Federative Soviet Republic : https://en.wikipedia.org/.../Transcaucasian_Socialist...
โฆษณา