27 ก.ย. 2023 เวลา 07:24 • ข่าว

ศาลพิพากษาให้ ‘กรมที่ดิน’ ชดใช้ ‘ธนาธร' กว่า 4.9 ล้านบาท

‘ศาลปกครองกลาง’ พิพากษาให้ ‘กรมที่ดิน’ ชดใช้ค่าเสียหาย ‘ธนาธร' กว่า 4.9 ล้านบาท ปมออกคำสั่งเพิกถอน 'น.ส.3 ก.' จ.ราชบุรี เนื้อที่ 81ไร่เศษ ชี้แม้ที่ดิน 2 แปลงจะออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ ‘บุคคลภายนอก’ ที่ซื้อที่ดินมาโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน
วันนี้ (27 ก.ย. 66) ศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ยื่นฟ้องกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน นายอำเภอจอมบึง จ.ราชบุรี อธิบดีกรมที่ดิน และปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-4 ขอให้เพิกถอนคำสั่งกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค. 65 ที่เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158-159 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี
ศาลปกครองกลาง พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินของหน่วยงานต่างๆ ตามหลักวิชาการที่ดินประกอบกับเมื่อพิจารณาจากแผนที่แสดงตำแหน่งแปลงที่ดิน แล้วเห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดีอยู่ในแนวเขตที่ดิน ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 ได้กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” หมายเลข 85
และต่อมาได้มีการประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี” ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,069 (พ.ศ.2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3. ก.) ตามข้อ 3 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2497) และข้อ 8 (2) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ออกตามความพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497
จึงเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) โดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย รองอธิบดีซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 มอบหมายจึงมีอำนาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน สั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ได้
“ดังนั้นคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มีนาคม 2565 ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้น เมื่อคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี จึงอาศัยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และการใช้ดุลพินิจเช่นเดียวกัน จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน”
อย่างไรก็ดี เมื่อหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158 ออกให้แก่นาย อ. และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 159 ออกให้แก่นายชัยณรงค์. เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2521 ตามโครงการเดินสำรวจโดยมิได้แจ้งการครอบครองที่ดินตามตามมาตรา 58 และมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (2) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
ต่อมา นายอุดม กิตติอุดมพานิช และนายนายชัยณรงค์ บู่ศรี ได้จดทะเบียนขายให้แก่ บริษัทไร่อ้อยมิตรผล จำกัด เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2528 หลังจากนั้น บริษัทไร่อ้อยมิตรผล จำกัด ได้จดทะเบียนขายรวมสองแปลงให้แก่นายสาโรจน์ วสุวานิช เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2528 และนายสาโรจน์ ได้จดทะเบียนขายรวมสองแปลงให้แก่ผู้ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2543
“ผู้ฟ้องคดีจึงเป็นบุคคลภายนอกได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้รับความเสียหาย”
สรุปว่าศาลฯ จึงพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 4,912,311.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ของต้นเงินจำนวน 4,785,782.98 บาท
นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ไม่เกินร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด โดยคืนค่าธรรมเนียมศาลแต่บางส่วนตามส่วนของการชนะคดีแก่ผู้ฟ้องคดี รวมทั้งให้ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1, 3 และ 4 ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
#สำนักข่าวทูเดย์
#MakeTomorrowTODAY
โฆษณา