Wang Xiaokun ขายชานมอย่างไร ให้กลายเป็นเศรษฐี 40,000 ล้าน
แบรนด์ “Cha Panda” เชื่อว่าคนไทยไม่น่าจะรู้จัก แต่ถ้าให้ลองเดาว่าเป็นร้านชาของประเทศไหน หลายคนน่าจะเดากันถูกว่ามาจากประเทศจีน
Cha Panda เป็นร้านชานมและชาผลไม้ ที่มีมากกว่า 7,000 สาขาในจีน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งรายได้และกำไรของ Cha Panda มีการเติบโตมากถึง 4 เท่า
ร้านชานมแห่งนี้ ถูกประเมินมูลค่าอยู่ที่ 76,000 ล้านบาท ส่งผลให้ตัวเจ้าของอย่างคุณ Wang Xiaokun ที่ถือหุ้นในบริษัทอยู่ 60% กลายเป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สิน 45,600 ล้านบาท
แล้วโมเดลธุรกิจของ Cha Panda เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในปี 2008 คุณ Wang Xiaokun ตัดสินใจเปิดร้านชานมไข่มุกเล็ก ๆ ชื่อว่า “Cha Baidao”
แถวโรงเรียนมัธยมในเมืองเฉิงตู ที่โด่งดังจากเรื่องหมีแพนด้า และอาหารรสชาติจัดจ้าน
หลังจากร้านแรกขายดี และเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น คุณ Wang จึงเริ่มทยอยเปิดสาขาเพิ่มขึ้น รวมถึงเริ่มขายแฟรนไชส์ในปีต่อมา
ต้องบอกว่าในช่วงแรก Cha Panda ไม่มีจุดเด่นอะไร ก็เหมือนกับร้านชานมทั่วไป
คุณ Wang จึงมองหาความแตกต่างของแบรนด์ แล้วจึงตัดสินใจเลือกที่จะชูใบชาคุณภาพดี และผลไม้สด มาเป็นจุดขาย
โดยเน้นลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น ขายราคากลาง ๆ ประมาณแก้วละ 75 บาท และมักจะออกเมนูพิเศษตามฤดูกาลของผลไม้
ตัวอย่างเมนูซิกเนเชอร์ เช่น
- สาคูมะม่วงส้มโอนมสด
- ชานมไข่มุกเผือก
- ชาเขียวนมกลิ่นมะลิ
รวมถึงเพิ่มแมสคอตแพนด้าสีน้ำเงินในโลโก และเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษเป็น Cha Panda ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเฉิงตู แต่ในภาษาจีนยังคงอ่านว่า Cha Baidao อยู่
แต่แค่การรีแบรนด์ยังไม่พอ เพราะตลาดชานมจีนแข่งขันกันดุเดือดมาก คนส่วนใหญ่ไม่ได้มี Loyalty กับร้านชานมแค่แบรนด์เดียว
ดังนั้น การมีสาขาเยอะ คือโอกาสที่คนจะเห็น และซื้อสินค้ามากขึ้น
ทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ร้านชานมในจีนหลายร้านขยายสาขาอย่างรวดเร็ว รวมถึง Cha Panda ด้วย ที่ขยายจาก 530 สาขา ในปี 2020 เป็น 7,117 สาขา ในตอนนี้
จากจำนวน 7,117 สาขา จะมีสาขาที่คุณ Wang ดูแลเองแค่ 6 สาขา ที่เหลือเป็นสาขาแฟรนไชส์ทั้งหมด
ดังนั้น หลัก ๆ แล้วคุณ Wang จะดูแลการพัฒนาสูตรเครื่องดื่ม ควบคุมคุณภาพ และขายวัตถุดิบให้แฟรนไชส์ ไม่ใช่การขายชา หรือบริหารหน้าร้าน
โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา Cha Panda
มีรายได้ 21,200 ล้านบาท
กำไร 4,800 ล้านบาท
แล้ว Cha Panda ขายดีขนาดไหน ?
ปัจจุบัน ส่วนแบ่งการตลาดร้านชาในจีนของ Cha Panda อยู่ในอันดับ 3 ที่สัดส่วน 6.6% รองจาก
- MIXUE ร้านชาและไอศกรีม ส่วนแบ่งการตลาด 10.0%
- Gu Ming ร้านชานมไข่มุก ส่วนแบ่งการตลาด 6.9%
แม้ว่ายอดขายจะเป็นรองอยู่
แต่จุดที่น่าสนใจคือ อัตรากำไรสุทธิ
จากผลประกอบการปีล่าสุด เราจะเห็นว่า อัตรากำไรสุทธิของบริษัทมากถึง 22.6%
หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
คำตอบของเรื่องนี้ คือ โมเดลธุรกิจของ Cha Panda
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า ธุรกิจของ Cha Panda
คือเน้น “ขายวัตถุดิบ”
โดยรายได้ 95% ของบริษัท หรือเรียกได้ว่าเกือบทั้งหมด มาจากการขายวัตถุดิบให้กับแฟรนไชส์
ดังนั้นบริษัทแทบไม่ต้องแบกรับต้นทุนคงที่ อย่างค่าเช่าร้าน, ค่าจ้างพนักงานเลย
ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างเช่น ค่าเช่าที่มักจะมีราคาแพง เนื่องจากธุรกิจนี้ จำเป็นต้องเปิดร้านในโลเคชันที่มีคนพลุกพล่าน
ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ Cha Panda มีอัตรากำไร สูงกว่าคู่แข่งหลายเจ้าในตลาด
เราลองมาดูการเติบโตของ Cha Panda ผ่านผลประกอบการ 3 ปีล่าสุดกัน
ปี 2020 รายได้ 5,400 ล้านบาท กำไร 1,200 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 18,300 ล้านบาท กำไร 3,900 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 21,200 ล้านบาท กำไร 4,800 ล้านบาท
จะเห็นว่า ทั้งรายได้และกำไร เติบโตถึง 4 เท่า ในเวลาแค่ 3 ปี
โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Cha Panda เพิ่งยื่นหนังสือชี้ชวนเบื้องต้น ในการเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่น่าสนใจ
อ้างอิงจากการระดมทุนในเดือนมิถุนายน มูลค่าล่าสุดของ Cha Panda ถูกประเมินไว้ราว 76,000 ล้านบาท
ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของบริษัทก็ไม่ใช่ใคร
แต่คือคุณ Wang Xiaokun ผู้ก่อตั้ง ที่ถือหุ้นอยู่เกือบ 60%
เท่ากับว่าปัจจุบัน เขากลายเป็นเศรษฐีชานม
ที่มีทรัพย์สินกว่า 45,600 ล้านบาท ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..
References
- 24
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
