30 ก.ย. 2023 เวลา 04:58 • ความคิดเห็น
ทำอะไรให้เพลิน หางานทำ ได้รายได้ แล้วใช้ให้หมดปัญหา ว่างเกินไป ถ้ามีเงินจะมีที่ให้ผ่อนคลายเลือกได้
ตามใจ หรือเก็บไว้สร้างความสุขระยะยาว มีบ้าน มี
ครอบครัวก็หายเหงาแล้ว เพราะต้องทำงานหาเงิน
ตลอดเวลา ไม่มีเวลาว่าง ถ้าฉลาดก็เตรียมความพร้อม
ทำใจ เหงาก็ยังไม่มีพันธะแค่นั้นเอง อย่ารีบร้อน
พอมีลูก คุณจะเข้าใจว่า เงิน สำคัญมาก
เงินทำให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดี
พ่อแม่ถึงยอมทำงานหนักเพื่อลูก
5 วิธีปลูกความสุขให้ตัวเองในวันที่รู้สึกว่างเปล่า
1. ฝึกสมองให้ไวต่อเรื่องทางบวกมากกว่าเรื่องทางลบ
เป็นธรรมชาติของสมองมนุษย์ที่มักจะไวต่อเรื่องทางลบและมักจะจดจำความผิดพลาดได้มากกว่าเรื่องที่ทำได้สำเร็จ เพราะโดยสัญชาตญาณแล้วมนุษย์ต้องเอาชีวิตรอดจากภัยอันตรายต่าง ๆ ซึ่งกลไกนี้มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ และบ่อยครั้งมนุษย์ก็รอดชีวิตมาได้เพราะจดจำความผิดพลาดรวมถึงการคิดในแง่ร้าย เช่น ครั้งที่แล้วถูกเสือกัดที่ขา ต่อมาจึงย้ำจำแต่ภาพที่ตัวเองวิ่งช้าจนถูกเสือกัดและกลัวที่จะเข้าไปในป่าตามลำพังเหมือนครั้งที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันภัยอันตรายมันไม่
ได้เป็นแบบนั้นแล้ว โลกปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้น หากต้องการที่จะมีความสุข คุณก็ต้องฝึกสมองให้ทำงานแตกต่างไปจากความเคยชินตามธรรมชาติโดยฝึกให้สมองไวต่อเรื่องทางบวกมากกว่าเรื่องทางลบ เช่น ทบทวนเรื่องที่อยากจะขอบคุณทุกคืนก่อนนอน เขียนสิ่งที่ทำสำเร็จในวันนั้นออกมา นึกถึงเรื่องที่ครั้งหนึ่งมันเคยทำให้คุณรู้สึกแย่แต่พอผ่านมันมาแล้วกลับทำให้คุณมีทักษะบางอย่างเพิ่มขึ้นมา
2. สร้างกัลยาณมิตรแล้วรักษาความสัมพันธ์กับพวกเขาเอาไว้
ปัจจัยหนึ่งที่เป็นตัวกำหนดระดับความสุขของมนุษย์ได้ก็คือ “ความสัมพันธ์” ซึ่งการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่มี mindset ดี ๆ หรือมีพลังบวกจะช่วยเพิ่มความสุขให้กับคุณ ตรงกันข้าม การที่คุณขัดแย้งกับคนอื่น ๆ หรือเลือกคลุกคลีกับคนที่มี mindset บิดเบี้ยวปล่อยพลังลบออกมาก็จะทำให้คุณพบเจอกับความสุขได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่ดีก็คือความสัมพันธ์ในแบบที่เกื้อกูลกันและกัน ดังนั้น หากคุณได้พบเจอผู้คนที่ดีกับคุณ ช่วยเหลือคุณ คุณเอง
ก็ควรเป็นกัลยาณมิตรที่เกื้อกูลพวกเขาด้วยเช่นกันเพื่อรักษาความสัมพันธ์ให้ยั่งยืน แต่หากคุณยังไม่เจอกัลยาณมิตรก็ขอแนะนำให้คุณเลือกพาตัวเองไปยังที่ที่มีโอกาสได้พบเจอกับผู้คนที่ดี เช่น คอร์สพัฒนา spiritual หรือการปรึกษาพูดคุยกับนักจิตบำบัดก็ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการได้พบเจอกัลยาณมิตรด้วยเหมือนกัน เพราะนักจิตบำบัดจะถูกฝึกมาให้มีคุณลักษณะของกัลยาณมิตรที่เกื้อกูลผู้รับการทำจิตบำบัดและช่วยคลี่คลายความทุกข์ในใจ
3. อยู่กับปัจจุบันแล้วดื่มด่ำกับสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในตอนนี้
หลายครั้งคนเราก็มักจะรู้สึกว่างเปล่าซึ่งมันทำให้ไม่มีความสุข และบ่อยครั้งคนเราก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกว่างเปล่าทั้งที่ชีวิตก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น เช่น ไม่ได้มีความพิการ ไม่ได้เป็นคนไร้บ้าน ไม่ได้ตกงานขาดรายได้ สาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจากการจมอยู่กับประสบการณ์ในอดีตทำให้เกิดความรู้สึกทางลบต่าง ๆ โดยเฉพาะความรู้สึกผิด ความเสียดาย ทำให้ไม่
สามารถมูฟออนออกจากอดีตได้ หรือการวิตกกังวลกลัดกลุ้มเกี่ยวกับอนาคตเพราะไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ความรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้มักนำไปสู่ความวิตกกังวล(โดยใช่เหตุ) ดังนั้น คุณควรฝึกตัวเองให้สามารถโฟกัสอยู่กับช่วงเวลาในปัจจุบันและมอง
หาสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในตอนนี้ เพราะปัจจุบันเป็นเวลาเดียวที่เป็นความจริงและคุณสามารถควบคุมจัดการทุกอย่างได้ เพียงแค่ลงมือทำ โดยคุณอาจจะใช้วิธีฝึกหายใจ ทำสมาธิ ทำ body scan เพื่อให้ตัวเองสามารถโฟกัสกับปัจจุบันได้มากขึ้นซึ่งมันก็เหมือนเป็นการทำจิตบำบัดด้วยตัวเองแบบหนึ่ง
4. เน้นการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่ามากกว่าที่จะเน้นการประสบความสำเร็จ
คนที่ตั้งเป้าหมายการประสบความสำเร็จเอาไว้อย่างยิ่งใหญ่ เช่น ต้องเป็นข้าราชการระดับสูง ต้องมีเงินในบัญชีหลักล้าน ต้องชนะรางวัลระดับประเทศ ต้องซื้อบ้านหลังใหญ่ ๆ มีรถหรูขับ ในทางหนึ่งมันก็ดีที่คุณ
สามารถสร้างเป้าหมายชีวิตขึ้นมาเป็นแผนที่ให้คุณก้าวไปข้างหน้าได้ตามต้องการ แต่ในอีกทางหนึ่งคุณอาจต้องทบทวนให้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นมันคือเป้าหมายหรือมันคือเงื่อนไขของการมีความสุขกันแน่ หลายคนรู้สึก
ท้อแท้ว่างเปล่าหรือหดหู่เพราะมีเป้าหมายแต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่บรรลุเป้าหมายสักที ในขณะที่การเป็นคนที่มีคุณค่านั้น ไม่ต้องรอจนถึงวันที่ประสบความสำเร็จก็มีคุณค่าได้ เพราะทุกคนมีคุณค่ามาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว แม้ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่สังคมคาดหวังคุณก็มีคุณค่าในตัวของคุณ หากคุณกำลังรู้สึกไม่มีคุณค่า ขอให้ดึงมันขึ้นมาด้วยการออกไปทำงานจิตอาสาหรือทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ แล้วคุณจะรับรู้ได้ว่าคุณไม่เคยไร้ค่าแม้ว่าคุณจะยังไม่ประสบความสำเร็จ
5. ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเอง
ร่างกายที่ทรุดโทรมจะทำให้คุณรู้สึกหดหู่กับตัวเอง ดังนั้น คุณควรดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการนอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ กินอาหารที่มีประโยชน์ เลือกการออกกำลังกายที่ตัวเองชอบแต่อย่าหักโหมมากเกินไป และดูแลสุขอนามัยของตัวเองให้มีความสะอาด
โฆษณา