2 ต.ค. 2023 เวลา 02:00 • ปรัชญา

Book Session: Can't Hurt Me // ช่วงนึงกับ Can't Hurt Me

David Goggins today known as the “Toughest Man Alive”. He had disturbing childhood and awful teen life. However, he lasted and became a Navy Seal. And he proved to himself that he was the best of the best. And this is a **Can’t Hurt Me** session.
เดวิด ก็อกกินส์ ผู้ชายที่คนเรียกกันว่า “มนุษย์ที่อึดที่สุดในโลก” วัยเยาของเขาไม่ราบรื่นนัก แต่ในจุดนึงของชีวิตทำให้เขาเปลี่ยนตัวเองแต่ได้เข้าร่วมหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (Navy SEAL) เขาพิสูตรตัวเองว่าเขานั้นคือคนพิเศษในหมู่คนพิเศษ และนี่คือส่วนนึงของ Can’t Hurt Me (เขียนโดย เดวิด ก็อกกินส์)
In high school, David was charmed by a white girl. They decided to grab a little dinner together. Her dad, after finding them, rushed to them and said to his daughter “I don’t ever wanna see you sitting with this nigger* again”.
ช่วงมัธยมปลาย เดวิดหลงรักผู้หญิงผิวขาวคนหนึ่ง วันหนึ่งทั้งสองได้ไปกินข้าวด้วยกัน พ่อของผู้หญิงคนนั้นหลังจากตามหน้าลูกสาวจนเจอ เดินตรงไปยังโต๊ะที่เธอนั่ง จ้องจาลูกสาวของเขาแล้วบอกกับเธอว่า “ฉันไม่อยากเห็นแกนั่งกับไอ้มืด*คนนี้อีก”
.
David thought to himself “I don't understand why he was filled with so much hate… It was the sort of riddle you didn't want to solve. “
เดวิดที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็ได้แต่คิดกับตัวเองว่า “ไม่เขาใจเลยวะ ทำไมคน ๆ นึงถึงมีความเกลียดชั่งมากขนาดนี้… มันเป็นปริศนาที่ไม่น่าค้นหาเอาซะเลย”
Apart from David’s story, in our civilized society with all these woke trends and positive mindset encouragement which is definitely great; however, in my opinion many attendee of the trends are just in it for clout. Social positivity became just a sign for approval rather than what it really means, presents, and wished for - a peaceful society.
ในโลกของเราในปัจจุบันที่มีเทรนส่งเสริมความตื่นรู้ทางสังคมและการมีระบบความคิดบวกอยู่เสมอ นั้นผมมองว่าต้องเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว แต่ในอีกมุมนึงหลาย ๆ คนบอกว่าที่ส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ทำไปเพื่อแค่จะได้ความเทรนเท่านั้นเอง เพื่อเป็น “เครื่องหมาย” ของความถูกต้องและเท่าเทียม แทนที่จะทำเพื่อ เป้าหมาย ข้อความ และสิ่งที่การขับเคลื่อนเหล่านี้ต้องการนั้นเป็นจริง - สังคมที่สงบสุข
So the hate isn’t straightforwardly seen but it cannot be denied that it is still there. I’m not here to prove a point but maybe reminding you to genuinely be positive and strong.
ความเกลียดชัง ความขัดแย้ง หรือการเหยียดนั้นจึงไม่ได้ออกมาแบบโผงผางเท่าเมื่อก่อน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านั้นยังคงอยู่ ผมไม่ได้มาเพื่อยินยันมุมมองใหม่ ๆ แต่มาเพื่อที่อาจจะสามารถทำให้คนไม่ลืมว่าเราควรอยู่อย่างมีพลังบวกและแข่งแกร่งอย่างแท้จริง
.
Facing negativity you have to be mindful of what to really care for, and so it’s up to you if you’re going to let it go or not. And as of giving out toxic negativity; it is totally fine, you don’t have beat yourself up for it as it won’t fix the past, what you can do is make people feel ok once again (sincerely apologize and be better) and always remember that responsibilities for one’s action lies only to the subject of the action and that subject alone - it’s you.
การเผลิญกับแง่ลบเราต้องคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญต่อเราจริง ๆ จึงแล้วแต่ว่าเราจะปล่อยมันผ่านไปเฉย ๆ หรือไม่ และในมุมของการเผยแพร่แง่ลบที่เป็นพิษต่อคนอื่น มันคือเรื่องปกติ ไม่ต้องด่าว่าตัวเองเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่สิ่งที่เราทำได้คือการทำให้คนเหล่านั้นที่เราไม่ดีด้วยกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง (ขอโทษอย่างจริงใจ และเป็นคนที่ดีขึ้น) อย่าลืมว่าความรับผิดชอบต่อการประทำของคน ๆ หนึ่งนั้นคือของคนผู้นั้นและคนผู้นั้นคนเดียว - นั้นคือคุณ
.
I believe I’m not a bad person, but sometimes I found myself being illogically mean to others because of certain stigma. Then I realized I have given them some “riddle they didn’t want to solve”. I have to admit to myself, in that moment I was a douche bag but also I have to ensure myself that it will be last one.
ผมเชื่อว่าผมไม่ใช่คนไม่ดี แต่บางครั้งก็พบว่าตัวเองทำเรื่องแย่ ๆ แบบไม่มีเหตุผลต่อคนอื่นเพราะแง่ที่ผมตั้งไว้ในหัวเอาเอง ซักพักผมค่อยมาคุยกับตัวเองแบบจริงจังและรู้ตัวว่าผมได้ให้ “ปริศนาที่ไม่น่าค้นหา” ให้คนนั้น ๆ ไปเสียแล้ว ผมจะบอกตัวเองว่าตอนนั้นผมทำตัวเฉกเช่นขยะเปียกจริง ๆ แต่ผมก็ต้องทำให้ตัวเองมั่นใจด้วยว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย
“I don't understand why he was filled with so much hate… It was the sort of riddle you didn't want to solve. “
David Goggins
ran.domdose
ทำมาเพื่อแสดงมุมมองเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ บางทีเกี่ยวกับชีวิต เรื่องอะไรตลกๆ และอื่นๆที่จะมีอีกมากมาย
โพสจะเป็น อังกฤษสลับแปลไทย เผื่อเพื่อนๆบางคนอยากอ่าน หรือฝึกภาษาร่วมไปกับผมด้วย ขอให้มีความสุขนะครับ =)
โฆษณา