4 ต.ค. 2023 เวลา 09:36 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

#เล่นเกมยิงกันแล้วทำให้ออกมายิงในชีวิตจริงแน่หรือ

งานวิจัยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่รีวิวงานวิจัยก่อนหน้า 82 ชิ้น สรุปสั้นๆ ว่า “งานวิจัยการแพทย์ปัจจุบันไม่พบว่าการเล่นวิดีโอเกมส์และความรุนแรงจากการใช้ปืนในชีวิตจริงมีความเกี่ยวข้องกัน [1]
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยที่พบการกระตุ้นระยะสั้นให้เกิดความก้าวร้าวอย่างอ่อนๆ ได้ อาจทะเลาะกับเพื่อนฝูงเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติได้ [2]
แต่ผลระยะยาวว่า ติดเป็นนิสัยและนำไปสู่อาชญากรรมรุนแรง (ฆาตกรรม, ข่มขืน, ทำร้ายร่างกาย ฯลฯ) ยังไม่ชัดเจนว่า เกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่ และตัวอย่างน้อยมากให้ศึกษา [2]
แต่ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอาจขึ้นกับประเภทของเกมด้วย อาจส่งผลมากน้อยไม่เท่ากัน แต่ที่พบชัดเจนคือ หลังเล่นเกมไม่กี่นาที อาจส่งผลให้คนเล่นแสดงกิริยาหยาบคายมากขึ้นกว่าปกติ [2]
แต่ถึงอย่างนั้น วิจัยพบว่าตลอด 40 กว่าปี ครอบคลุมข่าวกว่า 200,000 ชิ้น และเหตุการณ์ยิงหมู่ 204 ครั้ง พบว่าสื่อมักชอบจะโบ้ยให้เป็นความผิดของวิดีโอเกมบ่อยเป็น 8 เท่า เทียบกับสาเหตุอื่น [3]
ปี 2015 วิจัยพบว่า เด็กในสหรัฐ 90% เล่นวิดีโอเกม และ 85% ของวิดีโอเกมในท้องตลาดมีความรุนแรงแฝงอยู่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็กลับหา “ความสัมพันธ์” ว่าการเล่นวิดีโอเกมรุนแรงกับนิสัยพฤติกรรมรุนแรงไม่ได้อยู่ดี [3]
ในสหรัฐนอกจากโบ้ยให้วิดีโอเกมเป็นแพะรับบาปแล้ว ยังมักพ่วงเรื่องคนลงมือเป็นคนผิวขาวที่ทำกับคนผิวดำ เรียกว่ามีประเด็นเรื่องเชื้อชาติมาให้กล่าวหาด้วยอีกอย่าง [3]
สำหรับประเทศไทย ประเด็นใหญ่กว่าวิดีโอเกม (ที่เล่นกันแพร่หลายมาก) อาจจะเป็นคำถามว่า เด็กเข้าถึงอาวุธปืนได้อย่างไร? มีมาตรการทางสังคมและทางกฎหมายอะไรที่ทำได้บ้าง? และที่สำคัญ โรงเรียนและพ่อแม่มีพฤติกรรมแบบกำลังสร้าง “คนร้าย” อยู่หรือไม่?...มากกว่า
โฆษณา