Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เติมใจ
•
ติดตาม
5 ต.ค. 2023 เวลา 03:32 • ปรัชญา
"โกรธ" ก็ให้รู้ว่า "โกรธ"
"โกรธ" ก็ให้รู้ว่า "โกรธ" อาจจะฟังดูง่าย แต่หลายคนก็จัดการกับความโกรธ หรือเข้าใจเกี่ยวกับอารมณ์โกรธแบบผิดๆ แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงความโกรธ ก็มักจะเป็นความหมายด้านลบ เลยทำให้หลายครั้ง ทำให้ใครหลายคนไม่อยากให้มันเกิดขึ้น อาจจะเนื่องจากผลจากความโกรธอาจส่งผลเสีย หรือส่งพลังแห่งการทำลายล้าง เมื่อพูดถึงอารมณ์โกรธ หลายคนจึงพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้น
คนเราจึงมีวิธีจัดการกับความโกรธหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเข้าใจ มุมมองต่ออารมณ์โกรธ และที่สำคัญคือ การที่เค้าถูกสอน หรือเรียนรู้มาว่าเมื่อเกิดอารมณ์โกรธขึ้น เค้าสามารถทำอย่างไรได้บ้าง
ยกตัวอย่างเช่น บ้านหนึ่งสอนลูกว่าห้ามโกรธ โกรธมันไม่ดี เด็กก็จะพยายามเก็บและกดอารมณ์ไว้ เรามักจะอธิบายให้เห็นภาพว่า เหมือนเรากำลังเอาพลังความโกรธเก็บใส่ในกระป๋องปิดฝาไว้ แรกๆ ก็เก็บได้พอความโกรธมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ หากเรายังใช้วิธีการเก็บและกดมันไว้ กระป๋องก็จะเริ่มแน่น เริ่มพองตัว จนถึงวันนึงมันก็จะระเบิดออกมา และความโกรธก็จะเป็นจำเลยของสังคมว่า เห็นมั้ย เพราะโกรธเลยระเบิดออกมา พลังแห่งการทำลายล้าง ส่งผลเสียอย่างมากมาย
บางบ้านอาจจะบอกว่าไม่ให้โกรธ แต่ให้พยายามพูดกับเค้าดีๆ คือแปรเปลี่ยนความโกรธ ให้เป็นความใจดีแทน เพราะอาจจะมีแนวคิดว่าโกรธไม่ดี ต้องพูดดีๆ ถึงจะถูก การปรับเปลี่ยนอารมณ์จากโกรธให้เป็นไม่โกรธ ฟังดูเหมือนจะดีนะคะ แต่ลักษณะการแสดงออกมาจะกลายเป็นลักษณะ ดีเกินเหตุ สุภาพเกินไป คุณเคยเจอคนแบบนี้มั้ยคะ ที่เรารู้แหล่ะว่าเค้ากำลังโกรธ แต่เค้าพยายามพูดดี หรือพูดเพราะ หรือพูดแบบเราก็เสียวสันหลังอ่ะ 555
แต่สิ่งที่เราอยากจะบอกเด็กๆ หรือแม้แต่คนทั่วไปว่า จริงๆ แล้ว อารมณ์โกรธ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด เพียงเรายอมรับว่า อารมณ์โกรธ เป็นอารมณ์ปกติที่เกิดขึ้นได้ ไม่ต่างกับอารมณ์ดีใจ เสียใจ อิจฉา กังวล อารมณ์โกรธสามารถเกิดขึ้นได้ และก็ดับได้ ไม่ต้องรีบในการกด เก็บ เปลี่ยนแปลงมัน เพียงยอมรับว่า "เรากำลังโกรธ"
ที่สำคัญคือการจัดการกับความโกรธ ถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือการใช้สติ วิเคราะห์เหตุแห่งความโกรธก่อนนะคะ ว่าสิ่งนั้นทำไมถึงทำให้เราโกรธ เราโกรธเพียงเพราะไม่ได้ดั่งใจ หรือโกรธเพราะเราก็กำลังไปตีความว่าเรากำลังถูกกระทำ ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนมาล้อว่าเราอ้วน แน่นอนว่าส่วนมากจะมีอารมณ์โกรธ หากใช้หลักของสติมาคิดวิเคราะห์ดูก่อนว่า สรุปที่เพื่อนบอกว่าอ้วน จริงหรือไม่จริง หากเรามองว่าจริง ก็ไม่ต้องโกรธ หรือแม้แต่เราบอกว่าเราไม่ได้อ้วน งั้นเพื่อนก็พูดไม่จริง ก็ไม่ต้องไปโกรธ
แต่ส่วนมากที่เราโกรธมักจะเพราะเรามักจะไปแปลความอีกที เช่น เพื่อนล้อว่าอ้วน เราไปตีความว่าเพื่อนกำลังดูถูกเราอยู่ ซึ่งจริงๆ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเค้ากำลังดูถูกเราหรือเค้าล้อเพื่อความสนุกสนานของเค้า ซึ่งหากเราจะไปจัดการกับการแปลความหรือความเชื่อของเรานั้นก็อาจจะจัดการกับความโกรธได้ยาก แต่หากมองแค่ความเป็นจริงตรงหน้า เค้าว่าอ้วน แล้วอ้วนจริงรึเปล่าล่ะ แค่นั้นจบ อารมณ์ก็จะสงบได้เร็ว
แต่หากตอนนั้นสติหลุดคิดไม่ได้หรอกว่าจริงหรือไม่จริง ก็แค่หามุมเงียบสงบลดสิ่งกระตุ้นก่อน เพราะหากยิ่งมีเสียงรบกวน เราจะยิ่งควบคุมตัวเองได้ยาก สิ่งที่ต้องเตือนตัวเองเสมอเวลามีอารมณ์ก็คือ เราจะไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่ทำลายข้าวของ หามุมเงียบๆ สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ ให้อารมณ์สงบลงก่อน บางคนทำแค่นี้ก็สงบแต่สำหรับบางคนอาจจะต้องหาทางระบายออก ก็ลองหาอะไรที่ช่วยปลดปล่อยพลังออกไป
เช่นบางคนก็จะออกไปวิ่ง ไปตีแบด ไปออกกำลังกาย เพื่อปลดปล่อยพลังงานออกไป บางคนขอฟังเพลงให้ผ่อนคลาย บางคนขอวาดรูป สิ่งเหล่านี้เป็นการจัดการอารมณ์ที่ถูกต้อง อย่างที่บอกค่ะว่าเราจะไม่เก็บอารมณ์แต่เราจะจัดการอย่างถูกวิธีนะคะ
เมื่อใจสงบเราก็ค่อยใช้สติมาคิดวิเคราะห์ต่อค่ะว่า สิ่งที่ทำให้เราโกรธคืออะไรกันแน่ แล้วเราจะจัดการอย่างไร ณ เวลานี้เราจะจัดการได้อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น โดยไม่ได้ใช้อารมณ์ การแก้ปัญหาด้วยเหตุผลก็มักจะแก้ได้ตรงจุดได้มากกว่าการใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่มีอารมณ์โกรธ ได้เข้าใจและยอมรับกับอารมณ์โกรธได้อย่างมีสติ และจัดการแก้ปัญหาได้อย่างตรงไปตรงมา และผ่านพ้นมันไปได้นะคะ
#เป็นได้ไม่ใช่เรื่องแปลก
ข้อคิด
พัฒนาตัวเอง
ไลฟ์สไตล์
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย