6 ต.ค. 2023 เวลา 06:45 • ประวัติศาสตร์

“ชินิงามิ (Shinigami)” ยมทูตแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย

หนึ่งในความเชื่อหรือวัฒนธรรมที่หลายๆ ชาติ หลายๆ วัฒนธรรมให้ความสนใจที่สุด ก็คือความเชื่อเกี่ยวกับ “ความตาย” และที่ญี่ปุ่น ความตายก็มาในรูปแบบของบุคคลหรือสิ่งที่เรียกว่า “ชินิงามิ (Shinigami)” หรือยมทูต เทพแห่งความตาย
1
ในปัจจุบัน เราอาจจะเห็นชินิงามิหรือยมทูตจากสื่อบันเทิงฝั่งญี่ปุ่น เช่น การ์ตูนและภาพยนตร์เรื่อง “Death Note” หากแต่ชินิงามิก็มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและน่าสนใจ
2
เราลองมาดูเรื่องราวของชินิงามิกันครับ
สำหรับคำว่า “ชินิงามิ (Shinigami)” หรือตัวคันจิในภาษาญี่ปุ่นคือ “死神” คือการผสมคำระหว่างคำว่า “คามิ (神)” ที่แปลว่าเทพเจ้า และ “Shi (死)” ที่แปลว่าตาย
สำหรับประวัติความเป็นมาของชินิงามินั้นเพิ่งจะปรากฎในตำนานของญี่ปุ่นเมื่อศตวรรษที่ 18 หรือ 19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แนวคิดจากตะวันตกเริ่มเข้ามาหลอมรวมกับศาสนาพุทธและลัทธิชินโตที่ชาวญี่ปุ่นนับถือ
และอันที่จริง เพิ่งเริ่มมีการใช้คำว่า “ชินิงามิ” หรือยมทูต เมื่อราวสมัยเอโดะนี้เอง โดยเริ่มจากการละเล่นเชิดหุ่นในสมัยศตวรรษที่ 18 โดยมีการเล่าเรื่องความตาย และแสดงภาพชินิงามิว่าเป็นสิ่งที่ครอบงำให้มนุษย์ก้าวเข้าสู่ความตาย
1
และเมื่อเวลาผ่านไป ภาพของชินิงามิก็เริ่มจะมีวิวัฒนาการ โดยในปีค.ศ.1841 (พ.ศ.2384) หนังสือเรื่อง “เอฮง เฮียคุ โมโนกาตาริ (絵本百物語)” ก็ได้มีเรื่องสั้นที่มีชื่อว่า “ชินิงามิ”
ในเรื่องสั้นนี้ กล่าวว่าชินิงามิคือวิญญาณชั่วร้ายที่คอยทำลายล้างมนุษย์ที่มีความคิดมืดหม่น นำพามนุษย์ไปสู่ความตาย โดยชินิงามินั้นไม่ได้เข้าครอบงำมนุษย์ หากแต่หลอกล่อให้มนุษย์ทำการฆ่าตัวตาย
และนอกจากนั้น รูปร่างของชินิงามิยังมีการบรรยายต่างออกไป บ้างก็ว่าชินิงามิมีรูปร่างเล็กราวกับเด็ก บ้างก็ว่าเป็นหญิงที่มีแต่โครงกระดูก รูปร่างสูง และมักจะใส่กิโมโนสีดำ มีผมยาวสีขาว
และสำหรับตำนานของญี่ปุ่นที่ว่ากันว่าเป็นชินิงามิตนแรกของญี่ปุ่น ก็คือเรื่องของ “เทพเจ้าอิซานามิ (Izanami)”
1
ตามตำนานของลัทธิชินโต เทพเจ้าอิซานามิเป็นภรรยาของ “เทพเจ้าอิซานางิ (Izanagi)” และนี่น่าจะเป็นตำนานแรกของชินิงามิ
จากตำนานที่ได้รับการตีพิมพ์ในสมัยศตวรรษที่ 8 เทพเจ้าอิซานางิได้เดินทางไปยังยมโลกเพื่อช่วยเทพเจ้าอิซานางิ ผู้เป็นภรรยา ซึ่งเสียชีวิตจากการคลอดบุตร
เทพเจ้าอิซานามิและเทพเจ้าอิซานางิ
เมื่อมาถึงยมโลก เทพเจ้าอิซานางิก็ดีใจมากที่เห็นภรรยาตนผ่านรั้วปราสาท และได้ขอร้องให้เทพเจ้าอิซานามิกลับมากับตน หากแต่เทพเจ้าอิซานามิกลับกล่าวว่าตนนั้นไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากตนได้ทานอาหารของที่นี่ไปแล้ว และเมื่อทานอาหารของที่นี่ ก็จะไม่สามารถกลับไปยังโลกได้
แต่เทพเจ้าอิซานามิก็ได้บอกว่าจะลองไปขออนุญาตจากยมบาล ขอออกไปจากที่นี่
แต่ขณะที่เทพเจ้าอิซานามิกำลังจะเดินเข้าไปในปราสาท เธอก็ได้ขอให้เทพเจ้าอิซานางิสัญญาว่าจะอยู่นอกรั้วกำแพงปราสาท และไม่มองเข้ามาข้างใน
เทพเจ้าอิซานางิก็ยืนรออยู่ด้านนอก แต่เทพเจ้าอิซานามิก็ไม่มาซักที จนผ่านไปถึงค่ำคืน เทพเจ้าอิซานางิก็ทนไม่ไหว และบุกเข้าไปในปราสาท และเทพเจ้าอิซานางิก็ต้องเจอกับภาพที่น่าสยดสยอง
เทพเจ้าอิซานางิพบซากศพของภรรยาตน เทพเจ้าอิซานางิจึงตกใจและวิ่งหนีไปอย่างสติแตก
เทพเจ้าอิซานามินั้นโกรธที่สามีไม่ทำตามสัญญา จึงลุกขึ้นและไล่ตามผู้เป็นสามี หากแต่เทพเจ้าอิซานางิก็สามารถหนีออกจากยมโลกได้สำเร็จ และนำหินก้อนใหญ่มาปิดทางเข้ายมโลก ทำให้โลกมนุษย์กับยมโลกนั้นแยกจากกัน
ตามตำนานนั้น เทพเจ้าอิซานามินั้นโมโหผู้เป็นสามีมาก และสาบานว่าตนจะฆ่าคนเป็นพันเพื่อเป็นการระบายความแค้น
นี่จึงทำให้หลายคนมองว่าเทพเจ้าอิซานามิอาจจะเป็นชินิงามิรายแรกก็ว่าได้
โฆษณา