ฉลากสิ่งแวดล้อม การเลือกซื้อของแบบคนยุคใหม่
ในยุคที่ใครก็ต่างเคลมว่าตนเองสร้างสินค้ามาโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือสิ่งการันตีการสื่อสารนั้นว่าเป็นจริง …และเพื่อให้ผู้บริโภคได้ตื่นตัวกับการรักษ์โลก พร้อมทั้งมีทางเลือกมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้าจึงทำให้เกิดทางออกขึ้นในรูปแบบ ‘ฉลากสิ่งแวดล้อม’
‘ฉลากสิ่งแวดล้อม’ คือการตีตราแยกประเภทของสินค้าที่ผู้บริโภคซื้อ โดยระบุผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์มีต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้ซื้อสามารถรับรู้ได้ว่าสินค้ามีแนวคิดเช่นไร ผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้คนยุคใหม่ที่ซื้อของสามารถพิจารณาได้มากกว่าสรรพคุณหรือราคาความคุ้มค่า แต่ใส่คุณค่าเรื่องความยั่งยืนลงไปด้วย
🌿 ประเภทของฉลากสิ่งแวดล้อม
ฉลากสิ่งแวดล้อมนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
🔘 ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 1 (ISO 14024) : เป็นฉลากที่แสดงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการรับรองจากองค์กรอิสระที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อยืนยัน ตัวตน ถึงวิสัยทัศน์เรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเราเรียกกันว่า ‘ฉลากเขียว’
🔘 ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 2 (ISO 14021) : เป็นฉลากที่องค์กร แบรนด์ ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย แสดงเจตจำนงด้วยตนเองว่ากระบวนการที่ตนทำเป็นมิตรหรือให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม แต่ในประเภทที่ 2 นี้ จะเป็นฉลากที่ตัวองค์กรระบุขึ้นเอง ไม่มีองค์กรกลางดูแลหรือให้การรับรอง
🔘 ฉลากสิ่งแวดล้อมประเภทที่ 3 (ISO 14025) : เป็นฉลากสิ่งแวดล้อมที่แสดงผลกระทบของผลิตภัณฑ์ต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีหน่วยงานอิสระหรือองค์กรกลางเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องอย่างละเอียด ก่อนจะตีตราหรือประกาศให้กับผลิตภัณฑ์นั้น ๆ โดยเฉพาะ
นอกเหนือจากฉลากสิ่งแวดล้อม 3 ประเภทหลักแล้ว ก็ยังมีฉลากที่เฉพาะเจาะจงไปที่อุตสาหกรรมแต่ละรูปแบบ เพื่อให้เห็นว่าสินค้ามีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างที่เราเห็นบ่อยที่สุดน่าจะเป็น ‘ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5’, ‘ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์’ หรือแม้กระทั่งฉลากที่ไม่ใช่สินค้าแต่อยู่ในบริการเช่น ฉลากโรงแรมสีเขียว (โรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) เป็นต้น
ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเกี่ยวกับฉลากสิ่งเแวดล้อมนั้นทำให้เราเห็นว่าผู้บริโภคสามารถสร้างทางเลือกของตัวเองได้มากขึ้น
จากการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทำให้เรารู้ว่าแต่ละฉลากมีความหมายว่าอย่างไร ที่สำคัญยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตที่จะให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคได้มากพอ ตามที่กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภคได้กำหนดไว้ 5 ประการ ได้แก่
1) ผู้บริโภคมีสิทธิในการรับข่าวสารของสินค้าและคำพรรณนาที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
2) ผู้บริโภคมีสิทธิอิสระที่จะเลือกสินค้าหรือบริการ
3) ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
4) ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาโดยไม่ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบธุรกิจ
5) ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับการพิจารณา และชดเชยความเสียหายในแง่มุมต่าง ๆ
ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าการเข้าใจในฉลากที่อยู่บนสินค้าหรือบริการที่เราเลือก ทำให้เราสามารถตัดสินใจได้หลากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการทราบข้อมูลที่มากขึ้น หรือเข้าใจสิทธิที่เราควรได้รับจากผู้ประกอบการ ซึ่งเหมาะสมกับคนยุคใหม่ที่ใส่ใจรายละเอียด
จากนี้ การซื้อของครั้งหน้า ก็จะไม่ได้มองแค่เรื่องราคา หรือสรรพคุณ แต่อาจจะมองหาฉลากสิ่งแวดล้อม เพื่อช่วยโลกของเราให้น่าอยู่ขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูล มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย (TEI)
ติดตาม Community AIA Thailand ได้ที่ https://www.blockdit.com/aiathailand
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
