5 ต.ค. 2023 เวลา 09:09 • กีฬา

ทำไมเกมอุ่นเครื่องกับจอร์เจีย และ เอสโตเนีย ไม่มีใครปล่อยตัวนักเตะให้ทีมชาติ

ตอนเห็นการประกาศรายชื่อทีมชาติไทย นัดอุ่นเครื่องกับจอร์เจีย และ เอสโตเนีย ความรู้สึกของผมคือ ผิดหวังอย่างอธิบายไม่ถูก
1
ทำไมผมรู้สึกแบบนั้น? เพราะเกมกับจอร์เจีย และ เอสโตเนีย คือสองนัดสุดท้าย ที่เราจะได้ลองทีมที่ดีที่สุด ก่อนถึงศึกใหญ่ที่สุด นั่นคือฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับจีน และสิงคโปร์ในเดือนพฤศจิกายนนี้
1
แต่พอประกาศรายชื่อ เจอว่า นักเตะแกนหลักเกินครึ่งทีม "ไม่ถูกเรียกตัว" มันจึงช็อกปนเสียใจว่า นี่ไม่มีใครให้ความสำคัญกับฟุตบอลโลกกันขนาดนี้เลยหรือ นี่แยกแยะไม่ได้เลยใช่ไหม ว่าฟุตบอลรายการไหน มีความหมายที่สุดของประเทศนี้
เกมฟีฟ่าเดย์ในเดือนตุลาคมของโซนเอเชีย ปกติแล้วจะเป็นการลองทีม 2 นัดสุดท้าย เพื่อให้เรารู้กันไปเลยว่า 11 ตัวจริงที่ดีที่สุดในเกมบอลโลกของเราคือใคร
ชาติไหนก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ขนตัวจริงมาเต็มสูบเพื่อลองทีม แล้วไทยเราเก่งมาจากไหน ถึงเก็บตัวจริงเอาไว้ ไม่ยอมเอามาทดลองใช้งานจริงก่อน
1
มาโน่ โพลกิ้ง เป็นคนที่น่าเห็นใจมากในเรื่องนี้ เขาต้องทำงานแบบนี้ตลอดช่วงเวลาที่คุมทีม เดี๋ยวคนนี้ถอน เดี๋ยวคนนั้นสโมสรไม่ปล่อยตัว ขนาดเขาจะคุมทีมในฟุตบอลโลกอยู่แล้ว ยังไม่ได้โอกาสใช้งานผู้เล่นชุดดีที่สุด
1
คือกะให้โค้ชไปวัดเอาหน้างานวันแข่งจริงอย่างเดียวเลยว่างั้นเถอะ
ลองคิดดูว่า ถ้าโค้ชคือเป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุณจะกล้าทำแบบนี้กับเขาไหม นี่มันไม่ให้เกียรติมาโน่กันเลย
กองหน้า "ทีมชาติชุดใหญ่" เรียกตัวยศกร บูรพา (18 ปี) กับ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย (21 ปี) ถามหน่อยว่าสองคนนี้ ถึงวันแข่งจริง จะได้ลงตัวจริงหรือ? ธีรศิลป์ แดงดา และ ศุภชัย ใจเด็ด หายไปไหน คือเอาเด็กไปทัวร์เก็บประสบการณ์ว่างั้นเถอะ
1
ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ไม่เคยลงเล่นในระดับสโมสรมา 2 ปี กระโดดมาติดทีมชาติชุดใหญ่เฉยเลย
 
สุเมธี โคกโพธิ์ นายทวารตัวสำรองของท่าเรือ ได้ลงเล่น 1 เกม ติดทีมชาติชุดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว
1
การเลือกผู้เล่นใหม่ๆ เป็นเรื่องดี ในช่วงเวลาอื่น แต่ ณ ตอนนี้ มันไม่ใช่เวลามาลองทีมอะไรอีกแล้ว มันต้องจัดเต็ม จัดหนัก มันคือฟีฟ่าเดย์ โค้ชต้องเรียกผู้เล่นที่ใช้งานมาลองให้หมด จะอยู่ต่างแดนอะไรก็ไม่ต้องสน เฮ้ย มันจะแข่งบอลโลกเดือนหน้าแล้วนะ!
ผมขอยกตัวอย่าง ญี่ปุ่น พวกเขามีโปรแกรมอุ่นเครื่องสองนัด กับแคนาดา และ ตูนิเซีย ก่อนจะลงเล่นฟุตบอลโลกกับซีเรีย และ เมียนมาร์
คือญี่ปุ่นเก่งกว่า 2 ทีมนั้นหลายเท่า เป็นต่อแบบมหาศาลอยู่แล้ว แต่ในเกมอุ่นเครื่อง พวกเขาตัดสินใจเรียกใครบ้างรู้ไหมครับ
2
- คาโอรุ มิโตมะ,วาตารุ เอ็นโด, ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ จากพรีเมียร์ลีก
- ทาเคะ คุโบะ จากลาลีกา
- ทาคุมิ มินามิโนะ, จุนยะ อิโตะ จากลีกเอิง
- อาโอ ทานากะ, ทาคุมะ อาซาโนะ และ โค อิตาคุระ จากบุนเดสลีกา
ทั้งหมดที่กล่าวมา บินกลับมาที่ญี่ปุ่น เพื่ออุ่นเครื่อง 2 นัด จากนั้นก็บินกลับไปยุโรป เพื่อลงเล่นให้กับสโมสรต่อทันที ใช้เวลาเดินทาง 10 กว่าชั่วโมงบนเครื่องบิน ไป-กลับ
สโมสรต้องปล่อย เพราะกฎมันคือแบบนั้น นักเตะจะเดินทางกลับมาเหนื่อยล้าอย่างไร ก็เป็นปัญหาที่สโมสรต้องแก้ไขกันเอง
ตอนเบรกทีมชาติเดือนสิงหาคม ลิเวอร์พูลปล่อยหลุยส์ ดิอาซ ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับโคลอมเบีย และ ปล่อยดาร์วิน นูนเยซ ไปอุรุกวัย ทั้งคู่รับใช้ชาติ 2 เกม จากนั้นก็บินกลับอังกฤษ แต่ด้วยความอ่อนล้า เจอร์เก้น คล็อปป์ จึงดร็อปทั้งคู่เป็นตัวสำรองในเกมเจอวูล์ฟแฮมป์ตัน แล้วใช้โคดี้ กั๊กโป กับ ดีโอโก้ โชต้า ลงตัวจริงแทน
สโมสรต้องจัดการเอาเอง เพราะทีมชาติคือ Priority อันดับหนึ่ง และที่สำคัญมันคือการอุ่นเครื่องก่อนฟุตบอลโลกนัดแรก ที่มีความหมายแบบสุดๆ
1
ทำไมญี่ปุ่นทำได้ ดึงนักเตะดังๆ มาเกมอุ่นเครื่องได้ แล้วทำไมไทยทำไม่ได้ เราเจ๋งกว่าญี่ปุ่น ถึงขนาดเกมซ้อมนัดสุดท้าย ไม่ต้องลองทีมจริงๆ ก็ได้ แบบนั้นหรือ?
3
---------------------
[ ปัญหาอยู่ตรงไหน ]
สำหรับโปรแกรมอุ่นเครื่องกับจอร์เจีย (12 ตุลาคม) และ เอสโตเนีย (17 ตุลาคม) เป็นโปรแกรมที่สมาคมฟุตบอลวางเอาไว้นานมากแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นี่ถือเป็นโปรแกรมที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะในเกมกับจอร์เจีย เพราะเราจะได้ปะทะกับนักเตะระดับ ควิชา ควารัตสเคเลีย นักเตะที่มีราคาประเมิน 100 ล้านยูโร , ติดทีมยอดเยี่ยมเซเรียอา ซีซั่นล่าสุด และ เป็นผู้เข้าชิงบัลลงดอร์ปี 2023
โอกาสแบบนี้ ไม่ได้มีง่ายๆ นักเตะไทยจะได้รู้ว่า ระดับท็อปคลาสเขาเล่นกันอย่างไร
นอกจากนั้น จอร์เจีย ยังมีเวิลด์แรงค์กิ้ง อันดับ 79 ของโลก ถ้าชนะเราได้คะแนนฟีฟ่าเพิ่ม ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นแบบทดสอบ "เกมเยือน" ด้วย ว่าถ้าเราต้องไปเยือนกับคู่แข่งเลเวลนี้ เราจะรับมือได้ดีแค่ไหน
หลายคนบอกว่า เฮ้ย จะบอลโลกแล้ว ทำไมไม่เตะกับคู่แข่งในโซนเอเชีย จะไปแข่งกับทีมนอกทวีปทำไม
คือมันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ประเทศอื่นๆ เขาเตะกับทวีปอื่นเป็นปกติ ซาอุดิอาระเบีย เจอกับไนจีเรีย, มาลี หรือญี่ปุ่นเจอแคนาดา, ตูนิเซีย
2
ดังนั้นการเจอทีมนอกทวีป ณ เวลานี้ ไม่ใช่เรื่องแย่ ขอแค่เป็นคู่แข่งที่มีคุณภาพ นั่นโอเคแล้ว
เมื่อเห็นข้อดีแบบนี้ แล้วปัญหาอยู่ตรงไหน ทำไมเราส่งชุดดีที่สุดไปไม่ได้
คำอธิบายคือ สโมสรไทยที่ไปแข่งเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก มองว่า "เหนื่อยเกินไป" ที่นักเตะจะบินไป บินมา ยุโรป-เอเชีย และอาจส่งผลกระทบต่อทีมได้
1
ตัวอย่างเช่น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะมีโปรแกรมดังนี้
2
12 ตุลาคม - จอร์เจีย vs ไทย
17 ตุลาคม - เอสโตเนีย vs ไทย
21 ตุลาคม - เชียงราย vs บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ไทยลีก)
25 ตุลาคม - บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด vs เมลเบิร์น ซิตี้ (ACL)
ฝั่งบุรีรัมย์ ถ้าปล่อยธีราทร, พรรษา, ศุภชัย ฯลฯ ไปให้ทีมชาติ นักเตะก็จะเหนื่อยมาก โดยเฉพาะขากลับ ที่เอสโตเนียกลับมาไทย ไม่มีบินตรง ต้องต่อเครื่อง ใช้เวลาบินรวม 14 ชั่วโมง
กลับมาถึงไทยก็อ่อนล้า น่าจะเหมือนเคสหลุยส์ ดิอาซ กับ ดาร์วิน นูนเยซ ที่คล็อปป์ต้องพักเป็นสำรอง เพราะลงตัวจริงไม่ไหว
นี่คือเหตุผล ที่บุรีรัมย์, บีจี และ แบงค็อก ยูไนเต็ด สามสโมสรของไทย ไม่ส่งผู้เล่นตัวหลักไปติดทีมชาติด้วย
ปล่อยนักเตะไป สโมสรไม่ได้ประโยชน์อะไร ดังนั้นเก็บไว้ดีกว่า ส่วนทีมชาติก็ใช้ตัวใหม่ๆ เอา ใครว่างก็ไปเอาคนนั้น
---------------------
[ นี่เป็นความผิดของใคร ]
ในมุมของผมคือ ผิดทุกคน ที่ไม่มีการหาทางออกร่วมกัน และไม่มีการวางแพลนล่วงหน้ากับอะไรทั้งสิ้น
ถ้าในประเทศอื่นๆ ของโลก เฮดโค้ชทีมชาติต้องการนักเตะคนไหน ก็จะได้ตัวคนนั้น ถ้าเป็นฟีฟ่าเดย์ คุณไม่มีทางปฏิเสธได้
แต่ที่ประเทศไทย มี Conflict of Interest เต็มไปหมด ผู้จัดการทีมชาติคือมาดามแป้ง เจ้าของท่าเรือ ที่เป็นคนจ้างมาโน่ โพลกิ้งอีกที
1
มาดามแป้ง จับมือกับ เนวิน ชิดชอบ เจ้าของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ ปวิณ ภิรมย์ภักดี เจ้าของบีจี เป็นแบ็กอัพให้กันและกัน เพื่อเตรียมสร้างฐานอำนาจในการลงสมัครเลือกตั้งนายกสมาคมรอบต่อไป
เมื่อมีความสนิทสนมกันส่วนตัว ก็ย่อมมีการคุยกันนอกรอบได้ เมื่อบุรีรัมย์ และบีจี (อาจรวมถึงบียู) ต้องการอะไร ก็แค่ขอกันตรงๆ เลย ว่า "ช่วยไม่เรียกตัวหลักไปจอร์เจียกับเอสโตเนียได้ไหม"
จากนั้นก็ไปแจ้งมาโน่ โพลกิ้งที่เป็นลูกจ้างอีกที ว่าเออ เงื่อนไขเป็นแบบนี้ สโมสร A สโมสร B ขอไม่ส่งนะ ช่วยๆ กันหน่อย เอาตัวอื่นไปแทนละกัน แล้วเฮดโค้ชก็ต้องจำยอม
1
ถ้าเป็นโค้ชทีมชาติของประเทศอื่น ที่คนจ้างคือสมาคมฟุตบอล ไม่ใช่เจ้าของสโมสรที่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับสโมสรอื่นๆ ขนาดนี้ การเรียกตัวนักเตะมาติดทีมจะไม่มีปัญหาเลย
ลองนึกภาพ เจ้าของสโมสรแมนฯ ซิตี้ กุมอำนาจทีมชาติเอาไว้ แล้วเป็นเพื่อนกับเจ้าของสโมสรอาร์เซน่อล และ เจ้าของแมนฯ ยูไนเต็ด จากนั้นพอโปรแกรมทีมชาติมาถึง ก็บอกว่า เราไม่ปล่อยตัวละกัน
ฟิล โฟเด้น, ไคล์ วอล์กเกอร์, เมสัน เมาท์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ดีแคลน ไรซ์, บูกาโย่ ซาก้า พวกนี้ถอนตัวให้หมดเลย เพราะเราสามทีมจะเก็บเอาไว้ใช้งานในแชมเปี้ยนส์ลีก
1
ทีมชาติไปเรียกตัวนักเตะจากทีมอื่นที่เหลือละกัน พวกแอสตัน วิลล่า, เบิร์นลีย์, ลูตัน ทาวน์ คิดดูว่าถ้ามันเกิดเรื่องแบบนี้จริงจะเป็นเรื่องผิดเพี้ยนขนาดไหน
เรื่องประเด็นพักผ่อน ถามว่าทำไมจะไม่พอ เตะเสร็จ 17 ตุลาคม บินกลับวันที่ 18 ถึงไทยเช้า 19 ก่อนจะแข่งตามโปรแกรมวันที่ 21 ก็มีเวลาพัก 48 ชั่วโมงตามเงื่อนไขของฟีฟ่าพอดี คือตามกรอบเป๊ะๆ ถ้าเอาจริงๆ มันสามารถทำได้
แต่สมาคมตอนนี้เป็นเสือกระดาษ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ปล่อยจอยแล้ว ไม่หือไม่อือ ไม่มีพลังจะไปกดดันสโมสรได้
ฝั่งนวลพรรณ, เนวิน และ ปวิณ จะทำอะไรก็ได้ตอนนี้ พวกเขาถืออำนาจในไทยลีก และทีมชาติไทย สิ่งที่สมาคมทำได้จึงมีแค่ "อ้อนวอน" แค่นั้น
สโมสรไม่คิดจะส่งตัวหลักมาทีมชาติ แต่ถามว่าฝั่งสมาคมเอง ไม่มีความผิดเลยหรือ ก็คงไม่ใช่อย่างนั้น จริงๆ พวกเขามีทางเลือกตั้งเยอะ ถ้าหากวางแผนได้ดีตั้งแต่ต้น เช่น
1- ก่อนคิงส์คัพนัดแรกกับเลบานอน วันที่ 7 กันยายน เราใช้เวลามากกว่า 10 วัน ให้นักเตะได้เก็บตัว คำถามคือ ถ้าเอา 10 กว่าวันนั้น มาเตะไทยลีกสัก 1 นัด แล้วสัปดาห์ที่ 21-22 ตุลาคมที่กลับมาจากเอสโตเนีย ให้พักลีกไป แบบนี้ก็ได้ไม่ใช่หรือ?
5
หรือ 2- เกมมันมีสองนัด จอร์เจีย (12 ตุลาคม) และ เอสโตเนีย (17 ตุลาคม)
เป็นไปได้ไหม ที่อย่างน้อย 1 นัด เช่นเกมกับจอร์เจีย จะเอาผู้เล่นชุดใหญ่มาจริงๆ เพื่อทดสอบขั้นสุดท้ายก็ยังดี จากนั้นให้นักเตะที่มีภารกิจในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก บินกลับไป แล้วกลุ่มนักเตะที่มีอยู่ พวกปุรเชษฐ์, ยศกร เหล่านี้ก็ค่อยเตรียมไว้ลงเล่นในเกมกับเอสโตเนีย
2
มันมีทางแก้ตั้งหลายแบบ ที่จะทำให้ลงตัวทุกฝ่าย แต่ไม่มีใครทำอะไรเลย
ท้ายที่สุด มาโน่ โพลกิ้ง ก็ต้องรับกรรมกันไป ใช้นักเตะ เท่าที่มีอยู่ และไม่มีโอกาสได้ลองทีมจริงๆ ทั้งๆ ที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มอยู่แล้ว
---------------------
[ บทสรุป ]
จริงๆ ถ้าโครงสร้างอำนาจถูกต้อง นายกสมาคมต้องมีอำนาจสูงสุดในทีมชาติ ไม่ใช่ปล่อยให้เจ้าของบางสโมสร ถือไพ่เหนือกว่าขนาดนี้
แต่ในมุมของสโมสร คิดว่าสมาคมไม่ทำผลงานของตัวเองดีพอ ลิขสิทธิ์ไทยลีกก็หาเงินไม่ได้ เงินสนับสนุนรายปีก็โดนหั่นลด สโมสรต้องเอาตัวรอดกันเองมาเป็นปีๆ แล้วคราวนี้คุณจะมาเรียกร้องอะไร
ทำให้บทสรุปในเรื่องนี้ คนที่โชคร้ายที่สุด คือมาโน่ โพลกิ้งและแฟนบอลไทยครับ
มาโน่ จะไม่เคยได้ใช้ผู้เล่นฟูลทีมแม้แต่ครั้งเดียว คือโอกาสที่จะได้ใช้ผู้เล่นชุดดีที่สุด คือเกมเจอจีนเลย ไม่มีโอกาสลองทีมใดๆ ทั้งสิ้น ไปวัดใจกันหน้างาน
1
เช่นเดียวกับแฟนบอลไทย ที่เราหวังมากเหลือเกินกับฟุตบอลโลก เพราะนี่คือรายการที่สำคัญที่สุด 4 ปีมีครั้ง และมีคะแนนฟีฟ่าเวิลด์แรงกิ้งสูงสุด ไม่มีรายการไหนจะสำคัญกว่านี้แล้ว
1
เกาหลีใต้เรียกตัวซน ฮึง-มิน, คิม มิน-แจ มาลองทีม ญี่ปุ่นเรียก คาโอรุ มิโตมะ, วาตารุ เอ็นโด บินข้ามโลกมาเทสต์ทีมครั้งสุดท้าย
แล้วประเทศไทยของเรา ไม่มีชื่อของสุภโชค, ศุภณัฐฏ์, ศุภชัย, ชนาธิป, เอกนิษฐ์, ธีรศิลป์, สารัช, ฐิติพันธ์, เจริญศักดิ์, ฉัตรชัย, ธีราทร, พรรษา ฯลฯ
1
กลุ่มผู้เล่นที่ต้องใช้จริงๆ ในเกมกับจีน ไม่มีใครให้มาโน่ลองสักตัว ทำได้แค่เซ็ตแผนตามสภาพที่มี ไม่น่าอนาถใจจะเรียกว่าอะไร
ผมเข้าใจว่าสมาคม กับ สโมสร ต่างคนเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีที่สุด
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมา ทีมชาติไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรใน 2 เกมนี้เลย นอกจากได้ทดลองตัวใหม่ๆ กับคำถามว่า จะมาลองอะไรกัน ตอนที่บอลโลกกำลังจะเตะอย่างนี้
ตอนนี้สำหรับแฟนบอลไทยก็ได้แต่ ภาวนา ว่าในเกมเจอจีนและสิงคโปร์ เราจะทำได้ดี จะเก็บได้ 6 แต้ม หรือเลวร้ายที่สุดคือ 4 แต้ม ถ้าน้อยกว่านี้ ก็ say goodbye บอลโลกได้เลย
ทีมชาติไทย ถ้าดูไลน์อัพจริงๆ เรามี Pool นักเตะที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 10 ปี นักเตะที่ค้าแข้งต่างชาติมีเพียบ
ถ้าเล่นได้เข้าขากันล่ะก็ เราชนะจีนเข้ารอบได้แน่ แต่ในเมื่อไม่มีการเทสต์ การลอง ว่าแต่ละคนเข้าขากันได้ไหม เราจึงเดาอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
ถ้าเล่นดีก็ดีไป แต่สมมุติเล่นไม่ดี แล้วต้องตกรอบฟุตบอลโลกอย่างรวดเร็วล่ะก็ มันหมดคำจะพูดเลยจริงๆ
4 ปีที่แฟนบอลรอคอย ต้องจบเห่ เพราะความไม่พร้อม บอกตรงๆ ไม่รู้จะรับยังไงไหว
โฆษณา