Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วันนี้ของเด็กหงส์
•
ติดตาม
6 ต.ค. 2023 เวลา 07:43 • กีฬา
ส่องฟอร์ม “ลิเวอร์พูล” ในยูโรปา...ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเรียกความมั่นใจ
By: Colly
เป็นไปตามความคาดหมายกับผลงานของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่เดินหน้าเก็บหกแต้มเต็มได้สำเร็จในการทำศึก ยูโรปาลีก ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะทีมชื่อเรียกยาก “อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์” ทีมจ่าฝูงลีกเบลเยียม 2-0 จากการยิงของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก และ ดีโอโก้ โชต้า
คือก่อนแข่งทุกคนก็น่าจะคาดหมายเอาไว้ได้อยู่แล้วว่าเกมนี้ต้องเกิดการโรเตชั่นขนานใหญ่แน่นอน เนื่องจากชื่อชั้นและฟอร์มการเล่นเหนือกว่าผู้มาเยือนอยู่หลายขุม แถมสุดสัปดาห์ยังมีเกมใหญ่ที่ต้องเจอทีมที่มีเกมรุกดุดันอย่าง ไบรท์ตัน ด้วย ดังนั้นเลยเชื่อว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ คงเซฟตัวหลักแล้วส่งกำลังเสริมและเหล่าดาวรุ่งลงสนามมากกว่า
แต่มันดันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะ ลิเวอร์พูล ส่ง อลีสซง เบ็คเกอร์ ลงเฝ้าเสา แถมแนวรับก็มีทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ อิบราอิม่า โกนาเต้ แนวรุกก็มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และ ดาร์วิน นูนเญซ
ตกลงว่าหวั่นเกรงผู้มาเยือนขนาดนั้นเลยรึ?
ไม่หรอกครับ ผมว่าเรื่องมันเป็นอย่างนี้
ประเด็นแรก ควีวิน เคลเลเฮอร์ ดันมาเจ็บก่อนแข่ง นายทวารสำรองที่เหลือก็มีแต่เด็กวัยรุ่น ส่วน อาเดรียน ลงเฝ้าเสาไม่ได้เพราะไม่ได้ส่งชื่อเล่นถ้วยนี้ ดังนั้น อลีสซง ก็เลยต้องลง ไม่มีทางเลือกอื่น
ส่วนประเด็นที่สอง (ซึ่งเป็นประเด็นหลัก) มันก็มีสาเหตุมาจากเกมพ่าย สเปอร์ส เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแหละครับ คือเกมนั้น ลิเวอร์พูล แพ้แบบไม่น่าแพ้ เพราะมาเสียประตูในช่วงก่อนหมดเวลาแป๊บเดียว แถมระหว่างเกมยังเกิดดราม่ามากมาย ทั้งการตัดสินที่ไม่ค่อยเป็นใจ ประตูที่ไม่ล้ำหน้าแต่โดนตัดสินให้ล้ำ การทำเข้าประตูตัวเองทั้งที่ 9 คนในสนามช่วยยันเสมอมาได้จนเกือบจบเกม เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามามันย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจของนักเตะไม่มากก็น้อย
แล้วมันจะมีอะไรดีไปกว่าการให้ลงเล่นเกมนี้เพื่อเรียกความมั่นใจคืนมา ก่อนจะไปเจอ ไบรท์ตัน สุดสัปดาห์นี้กันล่ะ จริงมั้ย
ส่วนเรื่องแท็กติกในเกม ข้ามๆไปดีกว่าครับ คือ แซงต์ ชิลลัวส์ เขายังห่างกับ ลิเวอร์พูล เกินไป อันนี้พวกเขาต้องยอมรับ ดังนั้นตลอด 90 นาทีจึงไม่มีจุดไหนเป็นงานยากของเหล่านักเตะหงส์แดงมากนัก
แต่ที่ผมอยากให้สังเกตกันก็คือ การเปลี่ยน วาตารุ เอ็นโด ออกจากสนามตั้งแต่จบครึ่งแรก นี่ล่ะ
คือ 45 นาทีแรก เอ็นโด ผลงานไม่ขี้เหร่เลย ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ดี ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่ดันได้เล่นแค่ 45 นาที ทั้งๆที่ในเกมพรีเมียร์ลีกก็แทบจะไม่ได้โอกาสลงสนามง่ายๆ แล้วทำไมไม่ให้เจ้าตัวเล่นให้เต็มเกมไปเลยล่ะ?
ผมมองว่าสาเหตุนี้ก็เพราะ เอ็นโด อาจจะเป็นกุญแจสำคัญของเกมเจอ ไบรท์ตัน ก็เป็นได้ เพราะเขาแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถปรับตัวเข้ากับแท็กติกของทีมได้ในระดับหนึ่งแล้ว อีกทั้งการเจอกับทีมที่มีเกมรุกดุดันอย่าง ไบรท์ตัน การใช้มิดฟิลด์ที่ถนัดเกมรับจริงๆอย่าง เอ็นโด ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากกว่าการฝืนเอา อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นเบอร์ 6 แล้วเอา ไรอัน กราเฟนแบร์ก จับคู่ โดมินิค โซโบซไล เป็นเบอร์ 8 แบบนั้นมันดูจะเสี่ยงไปนิด ก็มันเล่นใน เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม บ้านของไบรท์ตันเขานะคุณ
แผนใช้ “อเล็กซิส-กราเฟนแบร์ก-โซโบ” เก็บไว้ใช้ตอนครึ่งหลัง หรือช่วงที่โดนยิงนำ ตอนนั้นก็ยังไม่สาย แต่ตอนเปิดเกมน่าจะเซฟๆด้วยการใช้ เอ็นโด ก่อน
สรุปทั้งหลายทั้งปวงจากเกมนี้ ผมมองว่านี่เป็นเกมเรียกความมั่นใจก่อนมีคิวเจอ ไบรท์ตัน นั่นแหละครับ ซึ่งก็ดูจะได้ผลลัพธ์ที่ดี นักเตะยังไม่เสียโมเมนตัมไปแม้จะเจอเหตุการณ์จากเกมพบ สเปอร์ส เหล่านักเตะที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา อย่าง เทรนท์ รวมถึง โกนาเต้ ก็ได้มีแมตช์เคาะสนิม
ถ้าจะมีความไม่มั่นใจก็คงจะมีแค่รายเดียวแหละครับ คือ ดาร์วิน นูนเญซ
จ่อๆแบบนั้นเอ็งทำหมูหกได้ไงวะ!?!?
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย