อัพเดทตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ
S&P500 ปิดที่ 4,308.49 +0.48%
NASDAQ ปิดที่ 13,431.34 +1.60%
STOXX600 ปิดที่ 444.95 -1.17%
NIKKEI ปิดที่ 31,354 -1.54%
KOSPI ปิดที่ 2,408.74 -2.29%
Hang Seng ปิดที่ 17,485.99 -1.82%
CSI300 ตลาดหุ้นจีนปิดทำการทั้งสัปดาห์เนื่องในวันชาติ
SET ปิดที่ 1,438.45 -2.24%
VN30 ปิดที่ 1,129.78 -2.27%
SENSEX ปิดที่ 65,995.63 +0.25%
น้ำมัน WTI ปิดที่ 82.74 -8.79%
ทองคำ ปิดที่ 1,832.54 -0.84%
US Dollar Index ปิดที่ 106.15 -0.02%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2ปี 5.085%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10ปี 4.805%
ค่าเงินบาท 36.91/USD
ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงเกือบ 9% หลังจากในวันพุธ (4 ต.ค.) สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันที่ซบเซา นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ
WTI - Tradingview.com
นักวิเคราะห์จากบริษัทไรสแตด เอเนอร์จี (Rystad Energy) ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอาจจะดิ่งลงสู่ระดับประมาณ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลภายในปี 2570 เนื่องจากการขยายตัวของอุปสงค์ชะลอตัวลง สวนทางกับความเห็นของนักวิเคราะห์ของวอลล์สตรีทที่คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงถึง 150 ดอลลาร์/บาร์เรลในอีก 2 ปีข้างหน้า
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อย่างไรก็ดีอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.8% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7% นักลงทุนมองว่าอัตราว่างงานที่สูงกว่าคาด จะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แม้ตัวเลขการจ้างงานพุ่งขึ้นเกินคาด ทำให้ในช่วงสุดสัปดาห์ดัชนีหุ้นสหรัฐทั้ง S&P500 และ NASDAQ สามารถดีดกลับเป็นบวกได้ โดยสัปดาห์นี้ NASDAQ บวกได้ถึง 1.60% นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
S&P500 - Tradingview.com
NASDAQ - Tradingview.com
การปรับตัวลงของดัชนีหุ้นสหรัฐ ทาง FINNOMENA FUNDS Investment Team แนะเป็นจังหวะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านกองทุน AFMOAT-HA ตามคำแนะนำ MEVT Call เพื่อรับโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ด้วยจุดเด่นของ AFMOAT-HA ที่มีนโยบายการลงทุนชัดเจน เป็นแนวทางที่ถูกต้อง และสร้างผลตอบแทนในระยะยาวที่น่าประทับใจ สามารถชนะดัชนี S&P500 ได้สม่ำเสมอทั้งในปีที่ดีและแย่ของตลาดหุ้น (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://finno.me/mevt-call-us-oct-2023-fb)
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ แต่ตลาดหุ้นยุโรปยังติดลบในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะยังคงตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงต่อไปอีกนาน โดยดัชนี STOXX600 ติดลบเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน
STOXX600 - Tradingview.com
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงทรงตัวในระดับสูง (ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั่วโลกเพราะแค่นำเงินไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2ปี ก็ได้ผลตอบแทนแล้ว 5.085% ทำให้เงินไหลออกไปจากสินทรัพย์ต่างๆ) โดยในวันศุกร์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10ปี ทำจุดสูงสุดในรอบ 16ปีที่ระดับ 4.887% ก่อนชะลอมาปิดที่ 4.805% ขณะที่ US Dollar Index ยังคงแข็งค่าทรงตัวที่ระดับ 106 ส่วนราคาทองคำที่เกือบหลุด 1,800 USD ยังกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงปลายสัปดาห์
US02Y - Tradingview.com
US10Y - Tradingview.com
USDX - Tradingview.com
GOLD - Tradingview.com
ตลาดหุ้นในเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดทางตะวันตก ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง ติดลบราว 2% เช่นเดียวกับไทยและเวียดนาม มีเพียงตลาดหุ้นอินเดียที่ยังคงบวกต่อไปได้
NIKKEI - Tradingview.com
KOSPI - Tradingview.com
HSI - Tradingview.com
VN30 - Tradingview.com
SENSEX - Tradingview.com
ขณะที่หลักทรัพย์กสิกรไทยมองทิศทางของดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (9-13 ต.ค.) มีแนวรับที่ 1,415 และ 1,400 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,460 และ 1,470 จุด ตามลำดับ โดยดัชนีหุ้นไทยแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี 9 เดือนที่ 1,429.99 จุดช่วงกลางสัปดาห์ และร่วงลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์
SET - Tradingview.com
ทั้งนี้หุ้นไทยปรับตัวลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายต่อเนื่องจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ การอ่อนค่าของเงินบาท รวมถึงการปรับลดประมาณการเศษฐกิจไทยโดยธนาคารโลก หุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบในเวลาต่อมา ก่อนจะร่วงลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายหุ้นบิ๊กแคป นำโดย กลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (9-13 ต.ค.) ไว้ที่ระดับ 36.60-37.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ผู้ว่าธปท. เผยปล่อยเงินบาทตามกลไกตลาด พร้อมติดตามใกล้ชิด https://www.ryt9.com/s/iq03/3458870
USDTHB - Tradingview.com
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
