ส่องเกม “ลิเวอร์พูล-ไบรท์ตัน” : ทีหลังอย่าทำให้เสียของ!
By: Colly
“ผลการแข่งขันแบบนี้ ยุติธรรมที่สุดแล้วสำหรับเราทั้งคู่” เจอร์เก้น คล็อปป์ กล่าว
ซึ่งมันก็จริงอย่างที่สุดล่ะครับ เพราะหากจะให้ ลิเวอร์พูล คว้า 3 แต้มไปทั้งๆที่ก่อความผิดพลาดให้เพียบแบบนี้ มันก็ดูจะใจร้ายกับฝั่ง ไบรท์ตัน เกินไปหน่อย ขณะเดียวกัน ฝั่งเจ้าบ้านก็ผิดพลาดมิใช่น้อย อย่าได้ชัยชนะไปเลย
สำหรับผม ประตูที่ 2 ที่เสียไปนั้น มันก็เป็นสถานการณ์เดิมๆของเกมรับหงส์แดงล่ะครับ คือมันต้องเกิดความผิดพลาดบ้างไม่มากก็น้อยตลอด 90 นาที ซึ่งหลายคนก็พยายามจี้ให้แก้ไขกันมาตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใครมาเสริม ดังนั้น ไม่เป็นไร ให้มันผ่านไป 555 ไว้ว่ากันใหม่ช่วงเปิดตลาดรอบหน้า
แต่ที่อยากจะโฟกัสเป็นพิเศษคือการจับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เป็นมิดฟิลด์ “เบอร์ 6” นี่ล่ะครับ
ขออธิบายกันซักนิดสำหรับคนที่ชอบอ่านบทสัมภาษณ์ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ คือพี่แกชอบเรียกตำแหน่งต่างๆเป็นหมายเลขอยู่เสมอตามคาแรคเตอร์ของนักเตะตำแหน่งนั้นๆ
คำว่า 'หมายเลข 6' มีต้นกำเนิดมาจากการกำหนดให้มีเบอร์เสื้อของฟุตบอลอังกฤษสำหรับ 11 ตัวจริง ซึ่งในเวลานั้น แท็กติก 2-3-5 คือรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ผู้รักษาประตูคือเบอร์ 1 กองหลังสองคนคือเบอร์ 2-3 แดนกลางสามคนก็คือเบอร์ 4-6 จากนั้นเมื่อแท็กติกฟุตบอลพัฒนาเป็นระบบกองหลัง 4 คน เบอร์ 4-5 ในแดนกลางก็เลยขยับลงมากลายเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก ส่วนเบอร์ 6 ยังเป็นกองกลางแต่เป็นตัวที่ยืนอยู่ต่ำสุด และมีเบอร์ 8 กับเบอร์ 10 ขยับมาอยู่แดนกลางด้วย แต่ 2 ตัวหลังนี่จะเน้นรุกมากกว่า
หน้าที่ความรับผิดชอบของกองกลางเบอร์ 6 นั้น จะ ใช้พื้นที่เล่นส่วนใหญ่อยู่ข้างหน้าเซ็นเตอร์แบ็ก ในเชิงกลยุทธ์แล้วคนที่เล่นตำแหน่งนี้ต้องมีความอเนกประสงค์พอสมควร มีวิชั่นที่กว้างไกล คอยสแกนรอบตัวอยู่ตลอดว่าเพื่อนอยู่ตรงไหน คู่แข่งขยับอย่างไร เพื่อจะรับบอลจากแนวรับแล้วพลิกไปหาช่องทางจ่ายบอลให้คนอื่นๆต่อ ขณะเดียวกันในยามที่ไม่มีบอล กองกลางเบอร์ 6 คือคนที่คอยปิดพื้นที่การจ่ายบอลของคู่แข่งก่อนที่บอลจะไปถึงแนวรับอีกด้วย
หาก อเมริกันฟุตบอล มี ควอเตอร์แบ็ก ฟุตบอลก็ต้องมีกองกลางเบอร์ 6 นี่ล่ะครับ ที่จะเป็นคนกำหนดจังหวะเกม
ก่อนหน้านี้ คนที่เล่นตำแหน่งนี้มักไม่ค่อยได้รับความสนใจซักเท่าไหร่ กระทั่ง เรอัล มาดริด ยุค กาลาคติกอส ปล่อยตัว โคล้ด มาเกเลเล่ แล้วก็ไม่ได้แชมป์อะไรเลยนับจากนั้นนั่นล่ะ คอบอลถึงจะเริ่มรู้สึกถึงความสำคัญของนักเตะตำแหน่งนี้
ย้อนกลับมาที่เกม ลิเวอร์พูล-ไบรท์ตัน
อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ สร้างชื่อจากการเล่นเป็นกองกลาง “เบอร์ 8” ให้ ไบรท์ตัน และ ทีมชาติอาร์เจนติน่า เขามีความโดดเด่นในด้านพลังที่ไม่มีหมด มีการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม คอยซัพพอร์ตแนวรุกได้เป็นอย่างดี
แต่กลับที่ ลิเวอร์พูล เขาต้องปรับตำแหน่งมาเล่นเป็น “เบอร์ 6” หลังการจากไปของ ฟาบินโญ่
ถามว่าเล่นได้ไหม มันก็เล่นได้อยู่แหละ แต่อย่างที่บอก คือตำแหน่งนี้มันเป็นตำแหน่งที่สำคัญมากสำหรับฟุตบอลสมัยใหม่ และต้องการนักเตะที่ “เกิดมาเพื่อเล่นตรงนี้” จริงๆ เพราะมันเป็นตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะแบบที่ไม่มีใครมาทดแทนได้ ไม่งั้น กองกลางตัวรับสมัยนี้จะมีค่าตัวทะลุเพดานแบบนี้เหรอครับ ดูอย่าง ดีแคลน ไรซ์, โรดรี้ รวมถึง โจชัว คิมมิช (ถ้าคิดจะย้ายและบาเยิร์นคิดจะขาย)
และประตูแรกที่ ลิเวอร์พูล เสียไป มันก็เห็นชัดเจนว่า อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เสียสมาธิในการ “สแกน” ดูว่าฝ่ายตรงข้ามอยู่ตรงไหน เนื่องจากอาจจะคิดอยู่ว่าพอกูรับบอลมาแล้วกูจะจ่ายไปทางไหนต่อ (ก็อย่างที่บอกครับ จะเล่นตำแหน่งนี้มันต้องคิดและทำไปพร้อมกัน)
หรือหากไม่นับจุดที่เสียประตู มองแต่จังหวะอื่นๆอย่างเดียว อเล็กซิส ก็ยังมีปัญหา คือเขาแข็งแกร่ง แต่ยังไม่แกร่งพอที่จะครองบอลไว้กับตัวได้นาน โดนเบียดจนล้มเอาง่ายๆ และนอกจากนี้ก็ยังไม่เร็วพอที่จะกระชากบอลฝ่าด่านกองกลางคู่แข่งที่เพรสซิ่งเข้ามา ผลงานครึ่งแรกจึงดูเละเทะเอาเรื่อง
พอครึ่งหลัง ส่ง ไรอัน กราเฟนแบร์ก ลงมาช่วยแดนกลาง ถึงจะเริ่มดีขึ้นหน่อย ซึ่งนั่นแสดงว่าภายใต้แท็กติก 4-3-3 อเล็กซิส จะเอาตัวรอดได้หากกองกลางเล่นแบบสามเหลี่ยมหงาย (เบอร์ 6 สองคน + เบอร์ 8 คนเดียว) แต่ชีวิตจะลำบากทันทียามต้องเล่นแบบสามเหลี่ยมกลับหัว (เบอร์ 6 คนเดียว+เบอร์ 8 สองคน)
ดังนั้น ผมว่าอะไรไม่ใช่ก็อย่าไปฝืนเลยครับ ใช้ วาตารุ เอ็นโด กองกลางตัวรับธรรมชาติไปดีกว่า หรือหากรักพี่เสียดายน้อง อยากใช้สามประสาน อเล็กซิส-โซโบซไล-กราเฟนแบร์ก จริงๆแล้วล่ะก็ หันไปปั้น กราเฟนแบร์ก ให้เป็นเบอร์ 6 ยังน่าจะดูเป็นไปได้มากกว่า รายนั้นร่างกายสูงใหญ่แข็งแกร่ง แถมยังพลิกบอลได้ดีกว่า ไม่น่าจะเสียบอลง่ายๆ
ส่วน อเล็กซิส ไปใช้เขาตามที่เขาถนัดดีกว่า ย้อนนึกดูครับ ไปซื้อเขามาเพราะอะไร เพราะผลงานการเล่นแบบไหน แล้วตอนนี้ใช้งานเขาตามวัตถุประสงค์ที่ซื้อมาแล้วหรือยัง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
