ตลาดซอฟท์แวร์ด้าน AI และ NLP engineer มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากประมาณ 33% ขึ้นไปถึง 50% เลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เนื่องจากว่าเทคโนโลยี AI และ NLP มีแนวโน้มที่จะถูกพัฒนาให้ฉลาดแะตอบคำถามได้ดีกว่าเดิมจากความสามารถในการวิเคราะห์ได้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น โดยจะเห็นได้ว่าองค์กรหลายแห่งเริ่มนำเทคโนโลยี AI มาใช้ตอบคำถามลูกค้าผ่าน ChatBot
ซึ่งแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน AI เป็นที่ต้องการอย่างมาก จากรายงานของEmsi Burning Glass ที่ได้วิเคราะห์ข้อมูลจากโพสต์หางานทั่วสหราชอาณาจักร
ระบุว่างานที่เกี่ยวข้องกับทักษะด้าน AI จะเพิ่มขึ้นถึง 297% ภายใน 2 ปีนี้ และใน 12 เดือนที่ผ่านมา มีโพสต์หางานด้าน AI กว่า 142,346 โพสต์
แต่สหราชอาณาจักรกลับมีแรงงานที่เชี่ยวชาญด้าน AI อยู่ที่เพียง 11.8% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ๆ เรียกได้ว่าหากมีทักษะด้าน AI แล้วอยากย้ายไปทำงานที่อังกฤษจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
3. Machine Learning
เมื่อมีเทคโนโลยี AI แล้วสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้ก็คือทักษะด้าน Machine Learning ที่เป็นกระบวนการเรียนรู้ของ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะทำให้ AI ฉลาดขึ้น สามารถตอบสนองต่อคำสั่งที่ซับซ้อน รวมไปถึงมีวิธีการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นผ่านการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยี Machine Learning
“Data is the oil” คือวลีเด็ดที่ใช้อธิบายความสำคัญของทักษะ Data Science ได้เป็นอย่างดี เพราะเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ต้องการข้อมูลมาใช้เพื่อวิเคราะห์และตัดสินใจธุรกิจกันทั้งนั้น TechRepublic ระบุว่าในปี 2019 Data Scientist ถูกจัดให้เป็นอาชีพที่ดีที่สุดจาก LinkedIn และ Glassdoor รายได้ของอาชีพนี้ในสวิตเซอร์แลนด์มีอัตราสูงถึง 110,612 ดอลล่าเลยทีเดียว
นอกจาก Data Scientist ต้องมีความรู้ด้านภาษา Python, R และ SQL เป็นหลักแล้ว ยังจะต้องมีความเข้าใจทางด้านธุรกิจ และมีทักษะการทำ Data Visualization เพื่อให้สามารถถ่ายทอดข้อมูลให้ครบถ้วนและเข้าใจง่ายด้วย
IOT หรือที่ย่อมาจาก Internet of Things คือ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านอินเตอร์เน็ต เราขอยกตัวเองเป็นอุปกรณ์ภายในบ้าน อย่างเช่นหลอดไฟ ทีวี หรือเครื่องปรับอากาศ ที่สามารถสั่งให้เปิด ปิด จากมือถือผ่าน IOT Technology และนี่เป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าการเป็นฉากในหนัง Sci-Fi แล้ว ทำให้เทคโนโลยี IOT ถูกขนานนามให้เป็น The Next Big Thing