10 ต.ค. 2023 เวลา 04:09 • ธุรกิจ

12 นาที 4.4 พันล้านดอลลาร์ กับตำนาน pitching ขอทุนจาก Masayoshi Son ของ Adam Neumann แห่ง WeWork

Brad Neuberg วิศวกรซอฟต์แวร์ในซานฟรานซินโก เป็นบุคคลแรก ๆ ที่บัญญัติศัพท์คำว่า “Co-Working” ขึ้นมา โดยในปี 2005 เขาพยายามหาสิ่งที่เป็นสมดุลระหว่างชีวิตในออฟฟิสที่น่าเบื่อ และ ความสันโดษของอาชีพอิสระ
ในยุคนั้น Starbucks ยังไม่ได้เปิดให้บริการ Wi-Fi ฟรีแต่อย่างใด นั่นทำให้ Neuberg ต้องการบางสิ่งบางอย่าง รูปแบบคล้าย ๆ กับร้านกาแฟ ซึ่งผู้คนได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ในขณะที่ทำธุรกิจไปด้วย
ซึ่งในปี 2005 Neuberg ได้เริ่มเชิญนักแปลอิสระคนอื่น ๆ มาทำงานนอกสถานที่ ที่เขาขอเช่ามาในราคา 300 ดอลลาร์ต่อเดือน
เหล่าผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาหลังจากที่เขาแจกใบปลิวในร้านกาแฟ หนึ่งในนั้นคือ Chris Messina นักออกแบบผลิตภัณฑ์ผู้ซึ่งเป็นคนคิดค้นฟังก์ชั่น hashtag ของ Twitter
ในปี 2006 Messina , Neuberg และ Tara Hung ซึ่งทำงานด้านการตลาดได้เปิดพื้นที่ถาวรที่เรียกว่า Teh Hat Factory โดยได้ดำเนินการจากอพาร์ทเมนต์ไต้หลังคาโดยมีผ้าปูเตียงแขวนจากเพดานเป็นตัวกั้นห้อง
หลังจากนั้น Coworking Space เริ่มเปิดให้บริการทั่วประเทศไม่กี่เดือนก่อนที่ Green Desk (สตาร์ทอัพแรกก่อนจะแปลงร่างมาเป็น WeWork ของ Adam Neumann) จะเปิดให้บริการในปี 2008 ที่ Adam Neumann อ้างว่า เขาไม่เคยเห็นรูปแบบของ Coworking Space มาก่อน
Coworking Space ที่กลายมาเป็นเทรนด์ยอดฮิตของคนรุ่นใหม่ (CR:thefarmsoho)
ต้องบอกว่า Adam เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ไม่เหมือนใคร เป็นการผสมผสานระหว่าง ความอดทน โชค เสน่ห์ รวมถึงความโหดเหี้ยมในบางจังหวะ ได้อย่างไร้ที่ติ
ทุกส่วนผสมมันได้ผลักดันให้เขาก้าวขึ้นมาในจุดที่หลายคนไม่คาดคิดว่าเขาจะสามารถทำได้ เขากลายเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของโลกในเวลาเพียงแค่ 1 ทศวรรษ
เขาคือส่วนผสมระหว่างจิตวิญญาณและธุรกิจ ที่แตกต่างจากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จรายอื่น ๆ ที่เราเคยเห็นมา
1
เขาได้ผลักดันให้ WeWork กลายเป็นผู้เช่าสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดใน นิวยอร์กซิตี้ และ อันดับสองในเมืองใหญ่อันดับต้น ๆ ของยุโรปอย่างลอนดอน และกำลังขยายกิจการอย่างบ้าคลั่งไปทั่วโลก
บริษัทได้ตอบสนองความปรารถนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ในสำนักงานรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาหลายสิบปี
1
มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ WeWork นั้นสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นสองเท่าทุกปี เป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ และตัว Neumann ได้ระดมทุนมากกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์
แน่นอนว่าเงินทุนส่วนใหญ่นั้นมาจาก Masayoshi Son ผู้ก่อตั้ง Softbank ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีของญี่ปุ่น และ Son ก็เป็นหนึ่งในผู้บริหารไม่กี่คนในโลกที่มีความทะเยอทะยานสูงกว่า Neumann
ในปี 2016 Masayoshi Son แห่ง Softbank ได้พบกับ Adam ในอินเดีย ต้องบอกว่าตัว Son เอง ก็เก็บงำความสงสัยในหลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับธุรกิจ WeWork ของ Adam ส่วน Adam เอง ก็มีความต้องการเป็นอย่างมากที่จะพบกับ Son เพราะเขามั่นใจว่า เขาสามารถโน้มน้าวให้ Softbank ลงทุนได้
ทำไม Masayoshi Son ถึงเชื่อใน WeWork
Softbank มีเงินทุนมากมายให้ลงทุน กองทุนอย่าง Vision Fund มีเงินทุนกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ Softbank ได้คิดค้นกลยุทธ์การลงทุนที่ท้าทายตรรกะการลงทุนแบบเดิม ๆ โดยการทุ่มเงินหลายพันล้านให้กับบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการขยายบริการไปยังตลาดขนาดใหญ่ในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนของพวกเขา
1
ดูเหมือนการพบกันครั้งนี้ ทำให้ Son เองมองเห็นอะไรบางอย่างในตัว Adam ที่สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการได้ เหมือนที่เขาเคยพบเจอในผู้นำธุรกิจหลาย ๆ คนที่ประสบความสำเร็จ
ต้องบอกว่า การลงทุนของ Son นั้นเป็นสิ่งที่ผสมผสานระหว่างเรื่องของการมองไปที่ตัวบุคคล กับ การมองตัวเลขทางด้านธุรกิจ ซึ่งพบว่าหลาย ๆ ครั้ง Son ตัดสินใจเพียงไม่กี่นาที หากเขารู้สึกเชื่อมั่นในผู้ก่อตั้งที่มีความเชื่ออย่างแท้จริงในหัวใจของพวกเขาว่าจะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ Son เองก็พร้อมจะอัดเงินให้แบบทันที
ตัวอย่างตอนที่ Son ได้พบกับ Jack Ma มันเป็นจิตวิญญาณผู้ประกอบการตัวจริงที่ Jack Ma แสดงให้ Son เห็น ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องรอง Son ต้องการเข้าถึงจิตใจของคนเหล่านี้มากกว่า ว่าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงโลกผ่านเงินลงทุนของเขาหรือไม่
Son ที่ได้เดิมพันกับ Alibaba ของ Jack Ma และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ (CR:Bloomberg)
Adam และ Son นั่งคุยกันเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง บนโซฟาตัวเล็กที่มุมบาร์ Adam บอก Son เกี่ยวกับการเติบโตของ WeWork โดยบริษัทกำลังจะเปิดสาขาที่หนึ่งร้อยในปลายปีนั้น ซึ่งเป็นจำนวนที่ Adam ใฝ่ฝันมานานแล้ว
12 นาทีปิดดีล
หลังจากนั้นเมื่อ Adam เดินทางกลับไปที่อเมริกา Son เองก็มีแผนที่จะมาเยือนอเมริกาอยู่แล้ว และได้วางแผนที่จะไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ของ WeWork ด้วยเช่นกันในการเดินทางเยือนอเมริกาของเขา
Son เดินทางมาที่อเมริกาโดยมีจุดประสงค์หลายประการ อย่างแรกคงเป็นการมาเยี่ยมเยียนประธานาธิบดี Donald Trump ที่เพิ่งได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016
Son เองสนใจที่จะรื้อฟื้นการควบรวมกิจการระหว่าง T-Mobile และ Sprint ซึ่ง Softbank เป็นเจ้าของ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวถูกเบรค โดยหน่วยงานกำกับดูแลของอดีตประธานาธิบดี Barack Obama ที่กังวลเกี่ยวกับการแข่งขันในตลาดโทรศัพท์มือถือ
และ Son เองก็มีแผนที่จะนำ Softbank เข้ามาลงทุน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และสร้างงานใหม่ห้าหมื่นตำแหน่งในช่วงสี่ปี ซึ่งเป็น Timeline ที่เชื่อมโยงกับการครองอำนาจของประธานาธิบดีคนใหม่อย่าง Donald Trump ในตอนนั้น
เนื่องจาก Softbank เองได้มีการประกาศโครงการ Vision Fund ซึ่งเป็นกองทุนร่วมทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ และกลายเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีพันธมิตรจากทั้ง Foxconn รัฐบาลอาบูดาบี และ Apple ซึ่งมีเงินสดอยู่ในมือมากจนไม่รู้จะเอาไปลงทุนที่ไหนต่อ รวมถึงเงินส่วนใหญ่ที่มาจากรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
Son ที่ได้เงินก้อนใหญ่จาก Vision Fund จากซาอุดิอาระเบีย (CR:menabytes)
ในช่วงหลายเดือนนับตั้งแต่ Son และ Adam ได้พบกันที่อินเดีย พวกเขาได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการลงทุน และ Vision Fund อาจจะเติมเต็มสิ่งที่เป็นไปได้ให้กับ WeWork
ซึ่งในวันเดียวกับที่ Son มีกำหนดการไปเยี่ยมประธานาธิบดี Trump เขาก็มีกำหนดการในการทัวร์สำนักงานใหญ่ของ WeWork แต่ Son เองยังสงวนท่าที โดยไม่ได้รับปากว่าจะเข้าร่วมทัวร์บริษัทและร่วมฟังการนำเสนอแบบเต็มรูปแบบจาก WeWork แต่อย่างใด
ในวันนั้น ตัวแทนของ Softbank ได้โทรแจ้ง Adam ให้ทราบว่า Son จะเข้ามาสาย Adam เริ่มกระวนกระวายเดินไปมาในห้องทำงานของเขา ซึ่งหลังจากผ่านช่วงเช้าไป Son ก็ยังไม่มาปรากฏตัวซะที
Adam เตรียมการนำทัวร์ไว้ถึง 2 ชม. แต่ เมื่อ Son มาถึง มันก็เลทไปเยอะมากแล้ว มันเหลือเวลาเพียงแค่ 12 นาที ให้ Adam ทำทุกอย่างเพื่อให้ Son หันมาสนใจลงทุนกับ WeWork
Adam นั้นรู้เป็นอย่างดีว่า Vision Fund มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นหลังจากที่เดินผ่านชั้นที่หนึ่งของอาคารที่เต็มไปด้วยสมาชิกของ WeWork เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันน่าอยู่เพียงใด
2
Adam ได้พา Son ตรงไปที่ ห้องปฏิบัติการด้าน R&D ของบริษัท บนชั้นสาม ซึ่ง Dave Fano ผู้ร่วมก่อตั้ง Case-Buildings บริษัทด้านข้อมูลที่ Adam ได้ทำการซื้อมา กำลังแสดงให้ Son ได้เห็นถึงเทคโนโลยีเบื้องหลังต่าง ๆ ที่ WeWork กำลังพัฒนา ซึ่งหลังจาก 12 นาทีผ่านไป Son ก็บอกให้ Adam ขึ้นรถไปกับเขา
Adam รีบคว้ากระเป๋า และกระโดดขึ้นรถไปที่เบาะหลังทันที Son ไม่ได้ต้องการให้ Adam นำเสนองานใด ๆ ต่อบนรถ แม้จะมีข้อสังสัย แต่ Son ประทับใจในความเร็วที่ WeWork สามารถขยายตัวโดยใช้แรงงานที่เป็นมนุษย์ได้ดีมาก
ในเดือนนั้น WeWork ได้เปิดสำนักงานใหม่ 13 เมืองใน 7 ประเทศ ซึ่ง Adam ยังได้เตรียมนำข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับกองทุน Vision Fund ให้กับ Son อีกด้วย
ซึ่งในขณะที่ Adam และ Son กำลังนั่งรถเคลื่อนออกจากสำนักงานใหญ่ของ WeWork สิ่งที่เหลือเชื่อคือ Son ได้ดึง iPad ออกมาและเริ่มร่างเงื่อนไขของข้อตกลง : Softbank และ Vision Fund จะลงทุนมากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ใน WeWork ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะเป็นการระดมทุนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ WeWork เคยระดมทุนมา
1
Son ได้ทำการเซ็นชื่อและลากเส้นอีกเส้น ถัดจากนั้นก็ส่งสไตลัสให้กับ Adam มันเป็น Deal ที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ สำหรับ Adam หลังจากเขาได้พยายามทำสิ่งนี้มาหลายปี ในที่สุด มันก็ถึงเส้นชัยของ WeWork เสียที
ต้องบอกว่าภาพถ่ายลายเซ็นของ Son ที่เป็นสีแดง และ สีฟ้าของ Adam นั้นกำลังถูกเผยแพร่ในหมู่ผู้บริหาร WeWork มันใช้เวลาเพียงแค่ 12 นาทีเท่านั้น นับตั้งแต่ Son ย่างเก้าเข้ามาที่สำนักงานใหญ่ของ WeWork แต่ทำให้บริษัทได้รับการลงทุนในการร่วมทุนที่ใหญ่ที่สุดตลอดกาลของประวัติศาสตร์บริษัท WeWork ได้สำเร็จ
การลงทุนของ Softbank ใน WeWork ครั้งนี้ ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 สิงหาคม ปี 2017 มีมูลค่ารวม 4.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินบางส่วนจาก Softbank เองและ อีก 1.4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งได้รับการจัดสรรสำหรับการขยายกิจการไปยังเอเชียของ WeWork
1
มันได้ทำให้มูลค่าของ WeWork พุ่งสูงขึ้นเป็น 20,000 ล้านดอลลาร์ และทำให้ WeWork กลายเป็นบริษัท Startup ที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสี่ในอเมริการองจาก Uber , Airbnb และ SpaceX ในตอนนั้นเลยทีเดียวนั่นเองครับผม
References :
หนังสือ Billion Dollar Loser: The Epic Rise and Spectacular Fall of Adam Neumann and WeWork โดย Reeves Wiedeman
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา